ตอนที่ 136 ยอดไปเลย

วันเวลาได้ผ่านล่วงไปอีกสองวันแล้ว สองวันมานี้แปลกมาก ไม่มีผีมาเสิร์ฟให้ถึงที่สักตน เถ้าแก่โจวเจ๋อนั่งอยู่ในร้านหนังสือทุกๆ คืน

รอคอยอย่างใจจดใจจ่อจนแทบจะร้อนใจอยู่แล้ว แต่ยังคงไม่มีอะไรอยู่ดี

นี่ทำให้ไป๋อิงอิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ด้วยนิสัยที่ขี้เกียจตัวเป็นขนของเถ้าแก่แล้ว ยากนักที่จะทุ่มเทแรงใจและแรงกายทำงานเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่มีลูกค้ามาเลยสักคน

ส่วนสาวน้อยที่จับไป๋อิงอิงมัดเอาไว้นั้น ก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย ตัวตนของสาวน้อยก็กลายเป็นปริศนาเช่นกัน

เป็นไปได้ว่าเธอเป็นคนต่างถิ่นในหมู่บ้านนั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ได้มาจากหมู่บ้านนั้นเลยด้วยซ้ำ

การปรากฏตัวของเธอเป็นเพียงการร้อยด้ายเข้าเข็มเชื่อมโยงสองสิ่งเข้าด้วยกัน และชี้นำให้เขาสนใจเรื่องของหมู่บ้านซานเซียงเพื่อยืมมือเขาจัดการกับหมู่บ้านซานเซียงเท่านั้นเอง

โจวเจ๋อเคยคาดเดาตัวตนของเธอ กระทั่งคิดว่าอาจจะมีฐานะที่สูงกว่ายมทูตเลยก็เป็นได้

อย่างเช่นผู้จับกุม

หรือแม้กระทั่ง…พญายมราช

เพียงแค่เพราะว่าภาพลักษณ์ของจงขุยฝังรากลึกลงในจิตใจของผู้คนไปแล้ว ถ้าหากว่าสาวน้อยคนนั้นเป็นพญายมราชละก็ สิ่งนี้ทำให้โจวเจ๋อเริ่มกังวลเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์และกระแสความนิยมของนรกเลยก็ว่าได้

ถ้าเป็นแบบสาวน้อยโลลิคนเดียวก็ช่างเถอะ แต่การที่พญายมราชก็เป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มอย่างนั้น หรือว่าพญายมราชเจ้าแห่งขุมนรกทั้งสิบจะเป็นสาวน้อยน่ารักกันทั้งหมดนะ

แน่นอนว่านี่เป็นแค่มุขตลกเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

สาวน้อยโลลิยังคงติดตามค้นหาที่อยู่ของบาทหลวง และส่งข่าวมาครั้งหนึ่งระหว่างเดินทาง บอกว่าใกล้จะหาเจอแล้ว โจวเจ๋อจึงไม่ได้ให้เธอไปตามหาสาวน้อยคนนั้นที่สามารถจับไป๋อิงอิงที่เป็นศพผีสาวอายุสองร้อยปีมัดไว้ได้ ตราบใดที่เธอไม่ใช่ตัวอันตราย เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปแส่หาเรื่อง

นอกจากนี้ อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีบทบาทที่เลวร้ายใดๆ ในเรื่องนี้ด้วย

แต่ว่าเมื่อไรเขาจะหาผีตัวต่อไปเจอกันล่ะ

เหลือแค่ตัวเดียวแล้วเนี่ย

‘คุณรีบกลับมาได้แล้ว! ผมรออีกไม่ไหวแล้ว กลับมาเร็วๆ…’

เสียงเพลงนี้ดังขึ้นมาในร้านหนังสือ โจวเจ๋อกระแอมและมองไปยังเจ้าลิงที่อยู่ข้างๆ เจ้าลิงจึงตัดจบเพลงอย่างเงียบๆ

นักพรตเฒ่านั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะว่าลูกค้าไม่เยอะ ขณะที่เขานั่งแทะเมล็ดแตงก็ดูทีวีไปด้วย ค่อนข้างสบายอกสบายใจ ช่วงนี้ข่าวต่างประเทศหลากหลายมาก สลับกันขึ้นเวที มากมายจนดูไม่ทันเลยทีเดียว

โจวเจ๋อลุกขึ้นยืนรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว เมื่อตอนที่เดินผ่านนักพรตเฒ่าไป นักพรตเฒ่าก็เอ่ยขึ้น

“เถ้าแก่ ในนรกมีสถานีโทรทัศน์ไหม”

“คุณคิดว่าไงล่ะ”

“น่าจะมีละมั้ง” นักพรตเฒ่าเดา

“ฮ่าๆ” สวี่ชิงหล่างที่กำลังปรับสูตรค็อกเทลใหม่อยู่ไกลๆ ขำออกมา

“หัวเราะอะไร เจ้ายังไม่เคยตายสักหน่อย ไม่เคยตายก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดนะ” นักพรตเฒ่ายืนกราน

“งั้นคุณลองบอกหน่อย ถ้าในนรกมีรายการทีวีละก็จะฉายอะไร” สวี่ชิงหล่างล้อเลียนนักพรตเฒ่า

“อะแฮ่ม”

นักพรตเฒ่ากระแอมในลำคอโดยสัญชาตญาณแล้วพูดขึ้น

“ขณะนี้รายงานข่าวโลกใต้พิภพกำลังออกอากาศ ต่อจากนี้ไปจะเป็นการสรุปเนื้อหา

พญายมราชเจ้าแห่งขุมนรกตะวันออกพบกับฮาเดสเจ้าแห่งขุมนรกตะวันตก

ทั้งสองฝ่ายได้ปรึกษาหารือถึงประเด็นการส่งดวงวิญญาณข้ามฟากจากตะวันออกไปตะวันตกกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย

พญายมราชและจงขุยตรวจสอบบันทึกงานทะเบียนที่ดินในยมโลก และตัดสินใจจะต่อสู้กับปรากฏการณ์ปีศาจร้ายยึดครองดินแดนอย่างเด็ดเดี่ยว”

โจวเจ๋อฟังแล้วส่ายหน้าและเดินกลับไปนั่งลงที่ตำแหน่งเดิม

สวี่ชิงหล่างกลับอึ้งอยู่พักหนึ่ง เขานับถือฝีปากของนักพรตเฒ่าจริงๆ

ในขณะนี้ ข้างนอกฝนเริ่มตก และฝนก็มีทีท่าว่าจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

ตอนแรกโจวเจ๋อไม่ได้สนใจมันนัก แต่แล้วสีหน้าก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา ในส่วนลึกของสายฝน มีหญิงสาวสวมชุดกี่เพ้ากางร่มกระดาษสีแดงยืนอยู่ตรงนั้น

อีกฝ่ายถูกร่มสีแดงบดบังใบหน้าไว้ แต่ถ้ามองจากมุมนั้น อันที่จริงนางกำลังมองเขาอยู่

เพียงแต่ว่าในครั้งนี้อย่าว่าแต่นักพรตเฒ่าไม่ได้เอะใจอะไรเลย แม้แต่สวี่ชิงหล่างเองก็ไม่รู้สึกถึงอะไรทั้งนั้น

หญิงสาวในชุดกี่เพ้าไม่ได้ก้าวเท้า

แต่ทั้งตัวกลับเคลื่อนใกล้เข้ามา ลดระยะห่างจากโจวเจ๋อลงทุกที

หลังจากนั้นในชั่วพริบตาก็ยืนอยู่นอกหน้าต่างกระจกตรงตำแหน่งที่อยู่ด้านข้างโจวเจ๋อ

รูปร่างอรชร หน้าตาสะสวย และผิวเนียนละเอียดงดงามที่สุดในโลก แต่ภายในกลับเป็นรังของงู แมงป่อง และตัวหนอน

โจวเจ๋อเคยเห็นหญิงสาวในชุดกี่เพ้ากลุ่มนี้เดินกางร่มและร้องเพลงบนเส้นทางสู่นรกมามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์

โจวเจ๋อเดินออกจากประตูร้านหนังสือไป หญิงสาวในชุดกี่เพ้าหมุนตัวและเริ่มเพิ่มระยะห่างออกไปอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าร่างของนางดูพร่ามัวอยู่ท่ามกลางสายฝน

ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ก็อาจเกิดความรู้สึกเสน่ห์หาหลงใหลและอยากไล่ตามท่ามกลางสายฝน ผู้หญิงประเภทนี้มักจะทำให้คุณทิ้งความกลัวและความรู้สึกแปลกประหลาดไป รู้ตัวอีกทีทั้งตัวและหัวใจกลับสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง

“นี่!” โจวเจ๋อตะโกน

อีกฝ่ายยังคงเดินอยู่ ดูเหมือนว่าการมาของนางนั้นเพียงเพื่อดึงดูดความสนใจของโจวเจ๋อ จากนั้นก็พาโจวเจ๋อไปที่อื่น นางน่าจะเป็นเหมือนผู้ส่งสารคนหนึ่ง

สามารถทำให้หญิงสาวในชุดกี่เพ้าที่เดินไปมาบนเส้นทางสู่นรกมีบทบาทเป็นผู้ส่งสารได้นั้น คนที่อยู่เบื้องหลังจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

เพียงแต่เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดกี่เพ้าห่างจากตัวเองไปเรื่อยๆ แล้ว โจวเจ๋อก็หันกลับเข้าร้านหนังสือไป

ตลกหรือไง

คุณมาแบบเท่ๆ ไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง

แล้วคุณก็จากไปอย่างเท่ๆ หรือว่าจะต้องให้ผมรับบทเป็นพระเอกวิ่งตามคุณไปและตะโกนเรียกไม่หยุดอย่างในละครรักสุดขมขื่นกันล่ะ

ที่นี่ไม่ใช่นรก แต่เป็นโลกมนุษย์

นิสัยเสียแบบนี้ เกิดขึ้นเพราะทำบ่อยจนเคยชินแท้ๆ เลย

โจวเจ๋อปิดประตูร้านหนังสือและบิดขี้เกียจไปหนึ่งที ก่อนจะกลับมานั่งลงที่ตำแหน่งเดิมของตัวเอง และเรียกให้ไป๋อิงอิงรินกาแฟให้ตัวเองหนึ่งแก้ว

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในขณะที่เขาหันหลังเดินเข้าไปในร้านหนังสือ หญิงสาวในชุดกี่เพ้าที่ลอยอยู่ไกลๆ กระทืบเท้าลงแอ่งน้ำเสียงดัง ‘กึก’

นางหันกลับมา เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนอนยั้วเยี้ยของตัวเอง และรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อย!

เขากลับไปทั้งอย่างนี้เลยน่ะหรือ

ต่อมาดูเหมือนว่านางกำลังลังเลอยู่ หรือว่าตัวเองจะต้องเดินกลับไปอีกรอบ

ใช้ท่าทีก่อนหน้านี้อีกครั้งและก็ใช้เสน่ห์ก่อนหน้านี้อีกครั้งดีหรือไม่

‘จ๋อม’

มีรองเท้าบูทกันฝนสีดำคู่หนึ่งเหยียบย่างลงบนแอ่งน้ำ ชายหนุ่มผมขาวโพลนยื่นมือออกมาสะบัดหยดน้ำออกจากหมวกของเขา แล้ววางมือซีดเซียวของตัวเองบนร่างหญิงสาวที่สวมชุดกี่เพ้า

หญิงสาวในชุดกี่เพ้าเริ่มเหี่ยวแห้งและเริ่มสลายกลายเป็นหุ่นกระดาษทันที จากนั้นก็เปียกปอนอยู่ท่ามกลางฝนอย่างช้าๆ จนท้ายที่สุดก็เปื่อยยุ่ยในแอ่งน้ำ

“ช่างเถอะ ในเมื่อเชิญแล้วไม่มา งั้นข้าก็จะไปเยี่ยมด้วยตัวเอง”

ชายผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีกาแฟ สไตล์ผู้ดีอังกฤษอันโดดเด่น แต่ผมขาวโพลนนั้นทำให้บุคลิกของเขาดูสะเปะสะปะไม่เข้ากันไปบ้าง

อายุเท่านี้และผมแบบนี้ ราวกับพวกเจร็อกที่โด่งดังเมื่อสิบปีก่อนอย่างกับแกะ

แต่ชายผู้นี้ยังคงเดินไปตามทางของตัวเองแบบไม่สนใคร เดินไปตามทางอย่างเชื่องช้า ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงหน้าประตูร้านหนังสือ แล้วผลักประตูร้านหนังสือเข้าไป

สิ่งที่ดึงดูดสายตาก็คือหญิงสาวที่กำลังชงค็อกเทลอยู่ที่เคาน์เตอร์ตรงนั้น

โอ้ ไม่สิ

เมื่อดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

มีลูกกระเดือก

เป็นชายหนุ่มหรอกหรือ

ชายผมขาวเหลือบมองสวี่ชิงหล่างอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ

น่าสนใจ

ชายหนุ่มที่งามล้ำกว่าหญิงสาวเป็นบาร์เทนเดอร์ของที่นี่

เมื่อมองเลยผ่านไปอีก ไป๋อิงอิงก็ปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของชายผมขาว นางเดินเข้าไปเสิร์ฟกาแฟ สาวสวยตัวเล็กน่ารัก

ผีดิบใช่หรือไม่

รับเอามาเลี้ยงไว้ในร้านหรือ

ชายคนนั้นตรองอยู่ในใจ เขามาแล้ว แต่ไม่มีใครในร้านสามารถมองเห็นเขาได้แม้แต่คนเดียว รวมไปถึงโจวเจ๋อที่รับเอากาแฟมาและเตรียมจะอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงนั้น

ผู้คนมักจะกลัวสิ่งหนึ่งมาตั้งแต่เกิดอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่ตัวเองมองไม่เห็น

ทว่าโจวเจ๋อสามารถมองเห็นหญิงสาวที่กางร่มมาก่อนหน้านี้ แต่กลับมองไม่เห็นว่าในขณะนี้ตรงประตูร้านของตัวเอง มีชายคนหนึ่งที่แม้แต่เขาก็มองไม่เห็นยืนอยู่

เจ้าลิงน้อยถือค้อนของเล่นของตัวเองวิ่งเข้ามาตรงหน้าชายผมขาว แม้แต่มันที่มีประสาทสัมผัสอันว่องไวโดยธรรมชาติ ก็ยังไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนอยู่ข้างๆ ตัวเองหนึ่งคน กำลังก้มหน้าลงมองดูตัวเองที่อยู่ด้านล่าง

ในสายตาของชายผมขาว ร่างของเจ้าลิงตัวนี้ได้แผ่ซ่านวิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งออกมา

เดิมทีเป็นวิญญาณลิง แต่กลับฝึกฝนความรู้สึกของผีร้าย เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ถูกกดเอาไว้และเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ก็เท่านั้นเอง

‘ฮัดชิ้ว!’

นักพรตเฒ่าจามหนักๆ ออกมา

ชายผมขาวมองนักพรตเฒ่า

จากนั้น

สายตาของเขาจับจ้องไปที่เป้ากางเกงของนักพรตเฒ่า ตรงนั้นมียันต์ส่องแสงสีเหลืองสดใสอยู่

ชายผมขาวหลับตาลง เขารู้สึกแสบตาเล็กน้อย

ร้านแห่งนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ

กะอีแค่ยมทูตเล็กๆ ตนหนึ่ง กลับจัดการจวนของตัวเองได้หลากหลายขนาดนี้ จับทั้งสัตว์ทั้งคนประหลาดๆ มากมายมายัดรวมกัน

สุดท้ายชายผมขาวก็มองไปยังโจวเจ๋อ อีกทั้งยังเดินมาอยู่ตรงหน้าของโจวเจ๋ออีกด้วย

โจวเจ๋อขมวดคิ้วน้อยๆ จู่ๆ มือก็สั่นขึ้นมา จนกาแฟบางส่วนหกลงบนชายเสื้อของตัวเอง

ไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ หูตาว่องไว รีบเข้ามาช่วยเช็ดทันที ขณะเดียวกันก็ช่วยโจวเจ๋อถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนออก แล้วไปหยิบเอาเสื้อคลุมสะอาดมาเปลี่ยนให้โจวเจ๋อใส่

ตอนที่เถ้าแก่สามารถพิถีพิถันได้ ก็จะพิถีพิถันมากๆ

แต่โชคดีที่สหายไป๋อิงอิงเคยชินกับมันแล้ว

ชายผมขาวนั่งลงตรงหน้าโจวเจ๋อ อันที่จริงทั้งสองนั่งเผชิญหน้ากัน

“ยมทูตชั่วคราวหรือ”

ชายผมขาวพึมพำกับตัวเอง

“สถานที่เล็กๆ อย่างทงเฉิงเปลี่ยนยมทูตใหม่เร็วขนาดนี้เลยหรือนี่”

โจวเจ๋อมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัยและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตลอดเวลา หญิงสาวในชุดกี่เพ้าที่กางร่มทำเป็นเท่คนนั้นจากไปง่ายๆ อย่างนี้เลยน่ะเหรอ

ไปแล้วไม่มีต่อจากนั้นอีกเหรอ

สิ่งที่โจวเจ๋อไม่รู้แน่ชัดก็คือ จากนั้นที่ว่า กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างไรล่ะ

พู่กันปรากฏขึ้นในมือของชายผมขาว ไล้เบาๆ บนปลายนิ้ว

“99% แล้ว ขาดอีกแค่นิดหน่อยก็จะเลื่อนตำแหน่งแล้ว”

ชายผมขาวหัวเราะ

“งั้นข้าก็จะถือโอกาสแสดงน้ำใจ ช่วยเติมเต็มเปอร์เซ็นต์สุดท้ายให้เจ้า แล้วทำให้เจ้าได้เลื่อนตำแหน่งก็แล้วกัน แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของผู้ชายด้วยกัน เจ้าก็ต้องยอมคุกเข่าให้ข้า และทำความเคารพข้าแต่โดยดี”

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าหัวเข่าของเขาปวดเมื่อยเล็กน้อย และความรู้สึกนี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ทุกอย่างแล่นเข้ามาอย่างอธิบายไม่ถูก

ชายผมขาวถือพู่กันและนั่งอย่างสงบอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นโจวเจ๋อเพียงแค่ลุกขึ้นมาทุบแข้งทุบขา เขารู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย ทำไมปฏิกิริยาของโจวเจ๋อถึงได้เชื่องช้าอย่างนี้เล่า

ยมทูตทั่วไปหลังจากได้รับการกระตุ้นจากกลิ่นอายลมหายใจของเขาแล้ว ควรจะตัวสั่นเทาและคุกเข่าลงทันทีถึงจะถูก

เจ้ามีอะไรที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ อย่างนั้นหรือ

ชายผมขาวขมวดคิ้วน้อยๆ ในขณะเดียวกันก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

“คุกเข่า”

รูม่านตาของโจวเจ๋อหดลงทันที

ร่างกายพลันแข็งทื่อ ราวกับคนที่เดิมทีนอนอยู่บนเตียงอุ่นๆ แต่จู่ๆ ก็ถูกส่งไปในที่ที่มีหิมะโปรยปรายทั่วพื้นที่โดยที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าเสียอย่างนั้น

“เถ้าแก่ หนังสือรับรองของท่าน ท่านลืมหยิบหนังสือรับรองออกมาจากเสื้อที่สกปรกเจ้าค่ะ”

ไป๋อิงอิงหยิบหนังสือรับรองของโจวเจ๋อ แล้วเดินเอามายื่นให้โจวเจ๋อ

หนังสือรับรองกลับมาอยู่ในมือของโจวเจ๋อ

แต่ชายผมขาวที่มีใบหน้าเฉยเมยมาก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็อ้าปากค้าง

เขาอยู่ด้านหลังโจวเจ๋อ

มองเห็นภูเขาลูกใหญ่ และภายใต้ภูเขาลูกใหญ่ มีเงาร่างของลิงตัวหนึ่งอยู่รางๆ

ลิงย้ายภูเขา วานรที่เคลื่อนย้ายภูเขา

ร่างกายของมันสูงใหญ่หลายหมื่นฟุต เป็นรองเพียงเขาไท่ซาน!

‘ปั้ก’ เสียงดังฟังชัด

ชายผมขาวตกใจจนคุกเข่าลงทันที และเผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

“ท่าน…ฝู่จวินหรือ”

หลังจากพูดจบ ร่างของชายผมขาวที่เดิมทีมองไม่เห็นก็แตกสลาย และร่างอันไร้รูปก็ค่อยๆ หายไป

ณ ดินแดนแห่งความมืดมิด

จู่ๆ เด็กชายผมขาวที่กำลังงีบหลับอยู่ตรงต้นฉัตรจีนเก่าแก่ก็ลืมตาขึ้น

ราวกับว่าเขาฝันไป เหงื่อแตกพลั่ก เด็กชายแบกพู่กันขนาดยักษ์ไว้ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าดูไม่เข้ากันเลย

เด็กชายดูเหมือนอกสั่นขวัญแขวน

ทันใดนั้น ทางด้านล่าง ใต้ต้นฉัตรจีนเก่าแก่ มีดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งที่ใหญ่เทียบเท่ากับห้องสองห้องปรากฏขึ้น ราวกับโคมไฟขนาดยักษ์สองดวงที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า

ต้นฉัตรจีนเก่าแก่งอกอยู่บนตัวของมัน

มันมีเขาเหมือนกวาง หัวเหมือนอูฐ ปากเหมือนลา ตาเหมือนเต่า หูเหมือนวัว เกล็ดเหมือนปลา หนวดเหมือนกุ้ง ท้องเหมือนงู และเท้าเหมือนนกอินทรี เรียกได้ว่าเก้าส่วนไม่เหมือนกันเลย ดูแปลกประหลาดและออกจะเกินจริงยิ่งกว่ากวางคุณพ่อดาวิดที่คล้ายคลึงกับสัตว์สี่ชนิดผสมกัน

“ไม่ใช่ว่าอนุญาตให้เจ้า…ท่องเที่ยว…สามเดือนหรอกหรือ…ตื่น…เร็วไปหน่อยนะ…”

เด็กน้อยเม้มปาก ใบหน้าเผยสีหน้าประจบเอาใจและพูดว่า

“อยากจะตื่นเร็วหน่อย จะได้กำจัดวัชพืชและกำจัดเห็บหมัดให้ท่านผู้อาวุโส”

เด็กน้อยไม่ได้พูดความจริง

สัตว์ร้ายที่อยู่ด้านล่างดูเหมือนจะพอใจกับคำตอบนี้ มันก้มศีรษะลงช้าๆ แล้วเอ่ยว่า

“เจ้ามีน้ำใจแล้ว…ไม่เสียเปล่าที่ข้าทูลขอความเป็นธรรม…จากพระโพธิสัตว์…ให้เจ้า…”

“ถูกต้อง ถูกต้อง ถ้าไม่มีท่านผู้อาวุโส ข้าก็คงเป็นแค่ผีเร่ร่อนในยมโลก ไหนเลยจะโชคดีอย่างวันนี้ได้”

เด็กน้อยเริ่มถอนวัชพืชให้ต้นฉัตรจีนเก่าแก่อย่างกระตือรือร้นและปรนนิบัติอย่างทั่วถึง

……………………………………………………….