บทที่ 327
บทที่ 327

วันต่อมา ตงเฉิงได้ปลอมตัวมาหาเช่าฟ๋างที่ตำหนักของเขา

ก่อนที่ในตอนท้าย ตงเฉิงจะถามอีกครั้งเรื่องการขอทางผ่านบาด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าคิดว่าถังหยินจะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคตแน่ สำหรับพวกเราชาวโม เขาอาจจะคิดว่าเราเป็นภัยมากกว่าพวกหนิงก็เป็นได้ ถ้าเราไม่ได้เส้นทางนั้นมา ข้าเกรงว่าฝ่าบาทจะต้องเสียใจในอนาคตแน่”

เช่าฟ๋างขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ถังหยินเป็นพันธมิตรกับข้าแล้ว จะให้ข้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ?”

ตงเฉิงโบกมือ “ฝ่าบาทใจดีเกินไป ในการเจรจาระหว่างสองแคว้น ผลประโยชน์ยังไงก็ต้องมาก่อนความรู้สึกส่วนตัว !”

เช่าฟ๋างพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยักหน้าให้ “ท่านตงพูดถูก ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”

ชายแก่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ด้วยในที่สุดเช่าฟ๋างก็ตัดสินใจได้เสียที

อีกด้านหนึ่ง ถังหยินกับซงหยวนเองก็กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะยกทางผ่านบาให้ดีหรือไม่

ซงหยวนวิเคราะห์ออกมา “ตอนนี้พวกเรายังไม่มีสงครามกับพวกโมทำ หากให้ไปก็ยังไม่มีปัญหาใด แต่ในอนาคตมันจะมีความสำคัญมากสำหรับทั้งสองฝ่าย ดังนั้นนายท่านต้องต่อรองจนหยดสุดท้าย !”

ถังหยินถอนหายใจ เขาคิดว่าเรื่องทางผ่านบาเป็นเรื่องรองด้วยซ้ำ หากเทียบกับเรื่องที่ตนได้กลายเป็นพันธมิตรกับเช่าฟ๋างไปแล้ว “ตงเฉิงนี่มันตัวปัญหาชะมัด”

“นายท่านค่อยกังวลเรื่องนี้ทีหลังก็ได้”

“หมายความว่ายังไง ?”

ซงหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้นายท่านยังไม่ใช่อ๋อง และหากท่านตัดสินใจไปก่อน จะทำให้ถูกครหาได้ ดังนั้นข้าว่าท่านต้องตกลงเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ เสียก่อน เพื่อหาทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ เพราะฉะนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการหลีกเลี่ยงนายท่านจึงควรพูดถึงเรื่องอื่นก่อน และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็ค่อยพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง”

ถังหยินพยักหน้าแล้วคิดว่านี่น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว เพราะยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบ

ซงหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้นายท่านทำภารกิจเสร็จแล้ว กลับกันเลยไหม ?”

ถังหยินครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัว “ยังไม่เสร็จดีหรอก ข้าจะรอจนกว่าเช่าฟ๋างจะได้ตำแหน่งไป ไม่งั้นพวกเราก็คงมาเสียเที่ยว จริงไหม ?”

ซงหยวนถอนหายใจ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในเขตของศัตรูแท้ ๆ ทางที่ดีควรจะรีบหนีด้วยซ้ำ “ข้าเห็นด้วยกับท่านก็ได้”

คืนนั้นเช่าฟ๋างส่งคนไปหาถังหยินเพื่อเรียกให้มาคุยกันเรื่องทางผ่านบา เมื่อถังหยินไปถึงและเห็นว่าตงเฉิงก็มาด้วย ถังหยินก็จึงกล่าวขึ้นมาในทันที “ฝ่าบาทมีอะไรหรือ ?”

เช่าฟ๋างหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูด “นั่งก่อนสิสหายถัง”

ชายหนุ่มนั่งลงทันที ก่อนช่าฟ๋างจะถามตรง ๆ “เจ้าคุ้นเคยกับตำหนักของข้าหรือยัง ?”

“สะดวกสบายยิ่ง ทุกอย่างต้องขอบคุณฝ่าบาทจริง ๆ”

องค์ชายหัวเราะ “มีหลาย ๆ อย่างที่พวกเราแตกต่างจากพวกเฟิง ถ้าเจ้ามีอะไรไม่พอใจ ก็บอกข้าได้เลยนะ”

“เป็นพระคุณอย่างยิ่ง ฝ่าบาท”

หลังจากคุยกันไปสักพัก ตงเฉิงก็ตัดบทแล้วเข้าสู่ประเด็น “เมื่อวานท่านตงพูดถึงเรื่องทางผ่านบา ข้าสงสัยว่าเจ้าตัดสินใจได้หรือยัง ?”

ชายหนุ่มเตรียมคำตอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “ข้าคิดดูแล้ว เรื่องนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าตัดสินใจได้คนเดียว ต้องขอเวลาปรึกษากับคนอื่น ๆ ก่อน”

ตงเฉิงหัวเราะออกมา “ท่านถังก็พูดเกินไปแล้ว ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ไม่ใช่หรือ ? การตัดสินใจของท่านคือการตัดสินใจของทุกคน”

ถังหยินหัวเราะแห้ง ๆ ในใจ “ถ้าข้าตัดสินใจทันที ทั้งแคว้นจะต้องก้มด่าข้าแน่ สิ่งที่ข้าให้ความสำคัญที่สุดก็คือชื่อเสียงของข้า ถ้าหากมันป่นปี้ไปเมื่อไหร่ ก็เท่ากับว่าการล้มซ่งเทียนจะไม่ส่งผลอะไรต่อแคว้นเลย ท่านทั้งสองได้โปรดเข้าใจสถานการณ์ของข้าด้วย”

ตงเฉิงส่ายหัวครุ่นคิด ช่างเป็นคนที่พูดเก่งนัก

ถึงเช่าฟ๋างจะเป็นคนที่ฉลาด แต่ก็ไม่เย็นชาเท่าตงเฉิง หลังจากได้ยินคำพูดนี้ เขาก็พยักหน้าให้ “คำพูดของเจ้าก็มีเหตุผล !”

ในขณะที่ตงเฉิงกำลังจะพูด ถังหยินก็พลันชิงกล่าวก่อน “เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง รวมไปถึงข้าได้เป็นอ๋องแล้ว อย่าว่าแต่ทางผ่านบาเลย จะหมู่บ้านหรือว่าเมืองข้าก็ยกให้ได้”

แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ฟังดูไร้สาระ แต่เช่าฟ๋างก็หัวเราะออกมา “สหายถังก็พูดเกินไป ข้าช่วยเจ้าเพราะแค่อยากจะสานสัมพันธ์ระหว่างกันก็เท่านั้น ข้าไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นหรอก”

ถังหยินกล่าวอย่างจริงจัง “แน่นอน พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานด้วยกันแล้ว ดังนั้นก็ย่อมต้องช่วยกันยามลำบาก”

เช่าฟ๋างพยักหน้าเห็นด้วย

ตงเฉิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม้ว่าเช่าฟ๋างจะฉลาด แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ ทั้งยังไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นง่ายเกินไป สิ่งที่ถังหยินพูดมามันดีก็จริง แต่ทว่าก็ไม่มีใครรับประกันได้เลยว่าเขาจะยึดมั่นเช่นนี้ตลอดไป

ถังหยินกลัวว่าตงเฉิงจะไม่ยอมปล่อยไป เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที “ท่านตงเสนอแผนว่าจะให้พวกเราทำร้ายฝ่าบาทแล้วไปใส่ร้ายเช่าโป๋ว เพื่อการนั้นแล้วอุบัติเหตุที่ว่าจะเป็นเช่นไรหรือ ?”

เช่าฟ๋างตื่นเต้นมากที่ได้ยินแบบนี้ “จัดหาพวกนักฆ่ามาแทงข้าคืนนี้เลย แล้วข้าจะแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ !”

ถังหยินกลอกตา “แผนนี้ดีก็จริง แต่ข้าว่ามันยังมีช่องว่างอยู่ คิดดูสิว่าคนที่จะเข้ามาในห้องของท่านได้ คนพวกนั้นจะต้องเก่งกาจแค่ไหน แถมถ้าบาดแผลเล็กน้อยเกินไป ก็อาจถูกสงสัยได้อีก”

นี่คือสิ่งที่ทั้งสองไม่ได้คิดเอาไว้ก่อน พวกเขามองหน้ากันแล้วครุ่นคิดอีกครั้ง การจัดหานักฆ่ามันง่ายก็จริง แต่ว่าเรื่องหลังจากนั้นคือปัญหา

ถังหยินหัวเราะออกมา “ถ้างั้นให้ข้าปลอมตัวแทนไหม ?”

เช่าฟ๋างและตงเฉิงมองหน้าถังหยินทันที

“มีช่องว่างระหว่างหลอดเลือดใหญ่อยู่ คือบริเวณหลอดเลือดแถวหัวใจที่เข้าสู่ปอด หากข้าแทงเข้าไปตรงนั้น ยังไงก็ไม่ถึงตาย แต่ทุกคนจะคิดว่านี่เป็นแผลที่สาหัส ข้าคิดว่าทุกคนต้องเชื่อแน่”

เช่าฟ๋างกับตงเฉิงไม่เข้าใจเท่าใดนัก พวกเขาคิดว่าถังหยินต้องการแทงหัวใจของเช่าฟ๋าง

ตงเฉิงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ไม่ มันอันตรายเกินไป ถ้าพลาดขึ้นมาฝ่าบาทถึงตายเชียวนะ”

ถังหยินยิ้มออกมาแล้วมองเช่าฟ๋าง

องค์ชายเปลี่ยนสีหน้าไปมาก่อนจะตอบ “สหายถัง การแทงหัวใจยังมีโอกาสรอดด้วยหรือ ?”

“แน่นอน จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าข้าแทงเฉียดหัวใจไปน่ะ แต่ถ้ามองจากข้างนอก ยังไงก็คิดว่าท่านโดนแทงหัวใจเป็นแน่” ถังหยินกล่าว

เช่าฟ๋างครุ่นคิดอีกครั้ง

ตงเฉิงเริ่มเหงื่อแตกแล้ววพูดอย่างร้อนรน “ห้ามเด็ดขาดเลยนะฝ่าบาท”

เช่าฟ๋างไม่สนใจ “เจ้ามั่นใจสินะว่าจะทำแบบนั้นได้ ?”

“ถ้าข้าไม่มั่นใจข้าไม่เสนอแผนนี้หรอกฝ่าบาท”

ทุกสิ่งเป็นไปตามที่ถังหยินพูดไว้ มันมีช่องว่างระหว่างหลอดเลือดบริเวณนั้นจริง ๆ ถ้าหากแทงเข้าไป ยังไงก็มีโอกาสรอดสูง ซึ่งถ้าเกิดองค์ชายตายไป คนที่โชคร้ายที่สุดก็คงจะดูเป็นถังหยินนี่แหละ !

เมื่อเห็นเช่าฟ๋างลังเลและตงเฉิงที่กำลังเป็นกังวล ถังหยินก็พูดต่อ “ถ้าฝ่าบาทไม่เชื่อ ข้าจะลองหาคนมาทดสอบดูก่อนก็ได้นะ”

เช่าฟ๋างหันไปถามอีกฝ่าย “อาวุธชนิดไหนที่เจ้าต้องการใช้ ?”

“อะไรก็ได้” ถังหยินลุกขึ้นเดินไปยังกำแพงแล้วหยิบดาบออกมา “ข้าคิดว่าดาบเล่มนี้น่าจะใช้การได้”

ในสายตาของเช่าฟ๋างกับตงเฉิง มันคือความเป็นความตาย แต่ถังหยิน เขากลับมองมันเป็นการโจมตีธรรมดาเท่านั้น !