หมาป่าเดียวดาย กระรอกและลิงบนพื้นมองตากัน ในแววตาแต่ละตัวมีประกายวาวอิจฉา บินได้! ใครไม่อยากสัมผัสสักครั้ง! แต่ก็ได้แต่วิ่งกลับขึ้นเขาไปเอง
“อ๊าก!” ฟางเจิ้งไม่นึกเลยว่าเด็กแดงบอกว่าบินก็บินเลย แถมยังบินเร็วขนาดนี้! ก้มหน้ามอง เทือกเขาใต้เท้าขึ้นลง พออ้าปาก สายลมพัดเข้าปากจนแก้มป่องขึ้น หน้าเปลี่ยนรูปไป ฟินมันก็ฟิน แต่บินในท่าแบบนี้มันน่าขายหน้า! ทว่าเมื่อผ่านช่วงตกใจเมื่อครู่มาแล้วที่เหลือคือความฟิน…
‘นี่คือความรู้สึกของการบินเหรอ? ฟินจริงๆ!’ ฟางเจิ้งหรี่ตาลงปิดปากแน่น มองไปข้างหน้า “ศิษย์ บินสูงอีก!”
เด็กแดงข้างหน้าได้ยินฟางเจิ้งร้องโวยวายก็ร้องดีใจอยู่ข้างใน มาวัดเอกดรรชนีนานขนาดนี้แล้ว นี่ถือว่าได้แกล้งไอ้สารเลวหัวโล้นสักครั้ง ทว่าฟางเจิ้งเพียงแค่โวยวายครู่เดียวก็ปรับตัวได้ เด็กแดงคิดในใจ ‘เฮ้ย ไอ้สารเลวหัวโล้นนี่ยังมีหน้ามามีความสุขอีก ข้ายังมีความสุขไม่พอเลย! เจ้าอยากบินสูงอีก? ได้ ข้าจะพาเจ้าบินสูงๆ!’
เด็กแดงไม่พูดอะไร แต่เงยหน้าดึงฟางเจิ้งทะยานขึ้นเมฆแสงเรืองรอง ทะยานไปเหนือเมฆ! คิดในใจว่า ‘สูงพอรึยัง? ตกใจให้ตายไปเลยไอ้สารเลวหัวโล้น!’
ทว่าสิ่งที่เด็กแดงกลัดกลุ้มคือฟางเจิ้งไม่กลัว แต่กลับมองฟ้าด้วยความตกใจระคนดีใจ เท้าเหยียบเมฆ ดวงดาวเต็มฟ้า ดวงจันทร์ไกลลิบ นี่คือแดนเซียน! วินาทีนั้นฟางเจิ้งยิ้มแล้ว หนึ่งชีวิตคนเราจะได้เห็นวิวสวยแบบนี้เมื่อไร? ต่อให้นั่งเครื่องบินก็ไม่ได้?
‘ยังไม่กลัวอีก?’ เด็กแดงเลิกคิ้วขึ้น พลันปล่อยมือ ฟางเจิ้งกลับบินสูงกว่าเดิมเพราะแรงเฉื่อย…
แต่สิ่งที่เด็กแดงเสียสติคือฟางเจิ้งยังคงไม่กลัว ในทางตรงข้ามกลับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเวียนว่ายกลางอากาศ ทั้งยังหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ…นี่ถือว่าอาตมาบินเองรึเปล่า? ดวงจันทร์ใหญ่มาก ฟ้ากระจ่างดาวสวยมาก ฟิน!”
เด็กแดงกัดฟันกรอด อยากจะให้ไอ้สารเลวหัวโล้นตกลงไปตายซะ ทว่าเขารู้จักจีวรขาวจันทร์ที่ฟางเจิ้งสวม มีสมบัติล้ำค่าปกป้องอยู่ ตกไปไม่นานแน่ ถึงตอนนั้นคนที่ซวยคือเขา!
‘อีแค่จีวรตัวเดียวคิดจะหยุดราชาปีศาจ? น่าหัวร่อจริงๆ!’ นัยน์ตาเด็กแดงมีประกายเหี้ยมโหดวูบผ่าน เขาอ้าปากเล็ก อัคคีฌาน!
ฟู่ว!
เปลวเพลิงทะลักออกมาไม่มีสิ้นสุด พริบตาเดียวเผาเมฆเรืองรองเป็นสีแดง! วินาทีนั้นฟางเจิ้งถูกอัคคีฌานกลืนกินไป เป็นตายอย่างไรไม่รู้!
‘ไอ้สารเลวหัวโล้น มาดูกันว่าครั้งนี้เจ้าจะตายหรือไม่!’ เด็กแดงหัวเราะเสียงดัง ก่อนพ่นอัคคีฌานรุนแรงกว่าเดิม เปลวเพลิงหมุนเป็นน้ำวนยักษ์กลางอากาศ อุณหภูมิในน้ำวนทะยานขึ้นสูง! ส่วนอุณหภูมิเท่าไรนั้น? เด็กแดงไม่สนใจเลย แต่ในภาพจำเขา คนที่ต้านไฟได้ในโลกนี้ก็มีแค่ลิงนั่น เขาไม่เคยเผาพระโพธิสัตว์กวนอิมจึงบอกไม่ได้ แต่ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่าอัคคีฌานของตนจะเผาหลวงจีนธรรมดาไม่ตายไม่ได้!
ทว่าตอนนี้เองมีเสียงสวดดังแว่วมาจากในเปลวไฟ “อมิตาพุทธ จิ้งซิน เปลวเพลิงนายสวยมาก แต่คิดจะฆ่าอาจารย์แบบนี้ ดูถูกอาจารย์เกินไปหน่อยรึเปล่า? ยังมีลูกเล่นอะไรอีก?”
“ยังไม่ตาย? กินทวนของข้าซะ!” เด็กแดงคำรามเสียงดัง ทวนเล่มหนึ่งแทงเข้าไปกลางเปลวเพลิง ดิ่งไปยังศีรษะฟางเจิ้ง!
“ดูเถอะว่าหัวเจ้ากับทวนข้าใครจะแข็งกว่ากัน!” เด็กแดงตะโกนเสียงดัง ปลายทวนแทงไปที่หัวฟางเจิ้ง แต่เกิดเสียงดังแก๊ง สะเก็ดไฟแตกกระจายออก ฟางเจิ้งไม่เป็นอะไรเลย!
“เป็นไปได้อย่างไร?” เด็กแดงมองฟางเจิ้งอย่างเหลือเชื่อ จากการสังเกตมานานขนาดนี้ โดยพื้นฐานเขามั่นใจแล้วว่าฟางเจิ้งเป็นคนธรรมดา! เขาผู้เป็นมหาราชาปีศาจยิ่งใหญ่ฆ่าคนธรรมดาไม่ได้? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
“ศิษย์ ดูท่านายคงใช้กระบวนท่าหมดแล้วนะ อาจารย์จะมอบมื้อใหญ่ให้สักชุดเป็นไง?” ฟางเจิ้งพูดยิ้มๆ ถึงเขาจะบินไม่ได้ ไม่เคยฝึกฝน แต่มีการปกป้องจากระบบ การโจมตีทุกอย่างจากเด็กแดงจะไร้ผล เขาจะกลัวอะไรล่ะ! นี่ก็คือต้นทุนที่เขากล้าให้เด็กแดงพาบิน เพียงแค่เคลื่อนความคิด เด็กแดงรู้สึกว่ากำไลทองตรงคอ ข้อมือและข้อเท้าพลันเปล่งแสงแห่งพุทธ ร่างกายนั่งขัดสมาธิลงกลางอากาศโดยไม่อาจควบคุม ประนมสองมือก่อนจะมีสายฟ้าแล่นผ่านในร่างกายทีละสาย เจ็บปวดร้องโอดครวญเสียงดังด้วยความจนปัญญา ได้แต่พูดเสียงดัง “อาจารย์ ข้าผิดไปแล้ว! ศิษย์สำนึกผิดแล้ว จากนี้จะไม่กล้าอีก! ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!”
แต่อีกด้าน เมื่อไม่มีเปลวไฟพ่นมาค้ำยันแล้ว ฟางเจิ้งจึงหัวดิ่งลงพื้น แต่เขาไม่ตระหนก ถึงตกลงไปจะเจ็บมากก็เถอะ แต่ไม่ตายแน่นอน ดังนั้นเขาไม่ต้องกลัวอะไร เพียงพูดด้วยสีหน้าสบายๆ “ศิษย์ ครั้งก่อนนายก็พูดแบบนี้ จะให้อาจารย์เชื่อนายได้ยังไง?” ฟางเจิ้งยิ้ม
“ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ต่อไปนี้อาจารย์ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ศิษย์จะไม่กล้าคิดชั่วช้าอีก” เด็กแดงเจ็บจนร้องเสียงดัง ไม่ว่าในใจจะมีความแค้นพุ่งทะยานฟ้ามากแค่ไหน ก็ได้แต่กลั้นเอาไว้ชั่วคราว
“ศิษย์ อาตมาเคยพูดกับนายไว้นานแล้ว นายอยู่กับอาจารย์ อาจารย์จะไม่จำกัดอะไรนาย แต่ห้ามฆ่าผู้ไม่มีความผิดเด็ดขาด! วันนี้นายจะฆ่าอาตมา พรุ่งนี้ก็คงจะทำลายโลก?” ฟางเจิ้งว่า
“ไม่ ไม่ ต่อให้ศิษย์คิดแบบนั้นก็ไม่กล้าหรอก! อาจารย์มีอภินิหารเลิศล้ำ ขอร้องล่ะ ให้อภัยข้าสักครั้งเถอะ” ครั้งนี้เด็กแดงพูดความจริง ตนใช้กลอุบายหมดแล้วก็ยังทำอะไรฟางเจิ้งไม่ได้ จากนี้ถ้าไม่มีแผนการที่ปลอดภัยอย่างยิ่งล่ะก็ เขาไม่มีวันกล้าลงมือง่ายๆ อีก
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น…ยังไม่ดึงอาตมาอีก!”
ฟางเจิ้งหยุดสวดมนต์ เด็กแดงกลับมามีอิสระอีกครั้ง เห็นฟางเจิ้งกำลังดิ่งลงอย่างรวดเร็วจึงถอนหายใจแล้วตามไปดันฟางเจิ้งไว้ ถามเสียงอ่อยๆ “อาจารย์ พวกเรา…จะไปที่ใด?”
“ไปหาหมูป่าฝูงอื่น ครั้งนี้อาจารย์จะไม่ลงมือ ทำยังไงนายก็รู้แล้ว” ฟางเจิ้งตอบ
เด็กแดงจะกล้าปฏิเสธหรือ เขาเข้าไปในฝูงหมูป่าอีกหลายฝูง ทั้งตีทั้งขู่ขวัญ ฝูงหมูป่าต่างว่านอนสอนง่าย ไม่กล้าลงเขาไปทำร้ายคนอีก
เมื่อครบรอบหนึ่งแล้ว ตอนที่ฟางเจิ้งกลับถึงภูเขาเอกดรรชนีก็เที่ยงคืนแล้ว มองท้องฟ้าแล้วกลับไปนอนในกุฏิ
แต่ว่ามีคนนอนไม่หลับ เด็กแดงนั่งอยู่หน้าอุโบสถ มองพระโพธิสัตว์กวนอิมบนป้ายหมื่นพุทธด้วยความขมขื่น น้ำตานองหน้า “พระโพธิสัตว์ ท่านส่งข้ามาในที่ที่ดีจริงๆ ที่ห่วยๆ นกไม่วางไข่ ป่าเขารกร้าง ซ้ำยังมีหลวงจีนสารเลว ข้าไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไรแล้ว…”
เด็กแดงก็บ่นไป แต่พระโพธิสัตว์ไม่สนใจเขาเลย
หนึ่งคืนผ่านไปเงียบๆ วันที่สองก็ยังเงียบ
ทว่าฟางเจิ้งกำลังตรึกตรองว่าจะออกไปเดินเล่นดีไหม? แต่ไม่นานก็พบปัญหาเล็กน้อย เมื่อชื่อเสียงของไผ่หนาวแพร่งพรายออกไป คนที่มาขุดหน่อไม้ที่ภูเขาเอกดรรชนีเยอะขึ้นเรื่อยๆ แม้พวกชาวบ้านจะขึ้นเขามาจุดธูป แต่พวกนักท่องเที่ยวไม่มีใครมาจุดธูปก่อน แถมยังขุดหน่อไม้อีก ในมุมมองพวกเขา นี่คือของป่า ขุดได้ตามใจชอบ หนึ่งครั้งไม่ได้ขุดเยอะ หนึ่งคนขุดสองสามหน่อ ทว่าไผ่หนาวเกิดปรากฏการณ์เติบโตสวนทางกัน กระทั่งมีคนตัดต้นไผ่ลงเขาไปทำเป็นเครื่องตกแต่ง…
…………………..