ตอนที่ 531 ถูกต้องไหม
ตอนที่ป๋อจิ่งชวนกลับมาถึง เฉินฝานซิงไม่รู้ว่าหลับใหลไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว
ในระหว่างที่เฉินฝานซิงกำลังหลับ จิตใต้สำนึกของเธอกำลังวกวนอยู่กับสิ่งที่เธอคิดก่อนจะหลับไป
มหาสมุทรสีแดงที่กว้างใหญ่นั้น แดงราวกับไฟที่ลุกโชนมอดไหม้ แดงจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน ตามด้วยเสียงยวบยาบเบาๆ ข้างกาย ที่นอนหนานุ่มยุบลงไป ก่อนจะมีใครบางคนเลิกผ้าห่มออกแล้วแทรกตัวเข้ามาด้านใน
เปลือกตาของเฉินฝานซิงขยับเบาๆ กำลังจะลืมตาขึ้นมาดู ทว่าลมหายใจเย็นสดชื่นที่แผ่มาจางๆ ตรงปลายจมูกทำให้เธอทั้งยอมแพ้และยากจะขัดขืน ร่างกายถูไถไปโดยอัตโนมัติ ป๋อจิ่งชวนเงยหน้าขึ้นมามองเธอเป็นระยะ
แขนยาวๆ ยื่นออกไปวางบนหมอน จากนั้นเฉินฝานซิงแทบจะซุกเข้ามาในอ้อมแขนของเขาด้วยสัญชาตญาณในทันที
ศีรษะถูไถไปมาอยู่บนแผงอกของเขาเบาๆ สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา พลันเอื้อมแขนออกไปวางบนเอวของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “คุณกลับมาแล้ว”
“อืม”
ป๋อจิ่งชวนยิ้มมุมปาก ก้มหน้าลงประทับจูบบนหน้าผากของเธอก่อนจะงอแขนเพื่อโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด
ห้องนอนมีเพียงความเงียบสงัดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่น้ำเสียงแหบพร่าของเฉินฝานซิงจะดังขึ้นช้าๆ
“คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่หรือเปล่า”
“ไม่หิว”
ป๋อจิ่งชวนโอบร่างของเฉินฝานซิงไว้ ทั้งสองคนขยับตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มพร้อมกัน
จากนั้นทั้งสองก็โอบกอดกันแนบแน่นภายใต้พื้นที่เล็กๆ ในผ้าห่ม ริมฝีปากอุ่นๆ ของป๋อจิ่งชวนแนบชิดอยู่บนเส้นผมสลวยของเฉินฝานซิง คอยจุ๊บไม่หยุดด้วยความหลงใหล
ลมหายใจที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาอบอวลไปทั่วทั้งผ้าห่ม แพขนตาของเฉินฝานซิงสั่นไหวก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาที่เทอประกายคู่นั้นเผยให้เห็นหยดน้ำจางๆ ขอบตาแดงก่ำ
“ฉันลุกขึ้นไปต้มบะหมี่ให้คุณกินดีไหม”
“ไม่หิว”
ป๋อจิ่งชวนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะดันหน้าผากของเธอไว้เพื่อมองเข้าไปในแววตาที่ดูคลุมเครือของเธอในระยะประชิด
“เพื่อนคุณเป็นยังไงบ้าง”
เฉินฝานซิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเบาๆ ปลายจมูกแตะกับปลายจมูกคมสันของชายหนุ่ม
“หืม?”
เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของป๋อจิ่งชวนดังขึ้นบ่งบอกถึงความสงสัย
คิ้วสวยงามได้รูปของเฉินฝานซิงขยับเบาๆ เรียวปากกระจับเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ ด้วยท่าทางอ่อนหวาน
“นานๆ ทีจะเห็นคุณเป็นห่วงชิงจือแบบนี้”
มุมปากของป๋อจิ่งชวนกระตุกเล็กน้อย
“…เพื่อนของคุณคนนี้น่ากังวลใจเกินไป ผมแค่ทนไม่ได้ที่เธอชอบสร้างความลำบากให้คุณแบบนี้”
เฉินฝานซิงจ้องเขาอยู่นาน “ป๋อจิ่งชวน วันนี้ที่หลีม่อมาหาเราเจอเร็วขนาดนี้ มันจะพอดิบพอดีเกินไปหรือเปล่า”
สีหน้าของป๋อจิ่งชวนชะงักไปครู่หนึ่ง “งั้นเหรอ”
เฉินฝานซิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“คุณนายหลีก็ตามหลีม่อมาติดๆ จากเมืองจิ้นเฉิงที่อยู่ไกลขนาดนั้น มาถึงก็พุ่งประเด็นไปที่ลูกในท้องของชิงจือ มันจะบังเอิญเกินไปไหม”
ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้วแล้วส่งเสียง “อืม” ออกมานิ่งๆ
“พ่อของชิงจือ วันนี้จู่ๆ ก็มาที่บ้านของเธอในเวลานั้นพอดี แล้วก็มีปากมีเสียงกับคนบ้านสกุลหลียกใหญ่ นี่ก็บังเอิญมากไปอีกแล้ว”
คราวนี้ป๋อจิ่งชวนไม่ได้พูดอะไร เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะงับเข้าที่จมูกของเฉินฝานซิงเบาๆ
“เจ็บ…”
“รู้ว่าเจ็บแล้วก็จะได้ไม่ต้องฉลาดแบบนี้อีก”
“…”
เฉินฝานซิงยกมื้อขึ้นมานวดที่จมูกของตัวเอง พลางขมวดคิ้วมุ่นมองไปที่เขา
“ใช่คุณจริงเหรอ”
“ทำไม สวี่ชิงจือไม่ใช่ว่าอยากจะเก็บเด็กคนนั้นไว้เหรอ…
คุณคิดว่าเธอจะหลบๆ ซ่อนๆ ต่อไปได้ถึงไหน…
หลีม่อตามตัวเธอเจอเป็นแค่ปัญหาเรื่องเวลา ช้าเร็วก็ต้องเผชิญกับปัญหานี้อยู่ดี วงศ์ตระกูลอย่างระดับสกุลหลีไม่มีทางปล่อยให้ลูกหลานระหกระเหินอยู่ด้ข้างนอกหรอก”
“ในเมื่อสวี่ชิงจืออยากเก็บเด็กไว้ งั้นก็ทำได้แค่แต่งงานกับหลีม่ออย่างเปิดเผย เด็กก็มีพ่อเหมือนกัน”
เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปาก สุดท้ายเพียงแค่ถอนหายใจออกมา คิ้วที่เรียงอย่างประณีตนั้นกระจุกกันเป็นก้อนด้วยความกังวล
“แบบนี้ฟังดูแล้วเหมือนจะดีที่สุด แต่การที่สวี่ชิงจือแต่งงานกับหลีม่อ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ เหรอ”
ตอนที่ 532 เรื่องที่ไม่เล็กไม่ใหญ่
“แบบนี้ฟังดูแล้วเหมือนจะดีที่สุด แต่การที่สวี่ชิงจือแต่งงานกับหลีม่อ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ เหรอ”
ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องแบบนี้เข้าไปยุ่งมากไม่ได้หรอก ที่เหลือล้วนแต่เป็นเรื่องของพวกเขาเอง คุณจะคอยตามจัดการไปตลอดชีวิตก็ไม่ได้”
เฉินฝานซิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “ที่คุณพูดก็ถูก”
ความรู้สึกระหว่างคนสองคน ต่อให้เป็นคนที่สนิทสนมแค่ไหน แต่ก็ยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ไม่มากนัก
บนโลกใบนี้ เดิมทีก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เข้าอกเข้าใจได้อย่างครบถ้วนอยู่แล้ว
เมื่อเห็นท่าทางของเฉินฝานซิงที่ยังคงปล่อยวางไม่ได้อย่างเดิม ป๋อจิ่งชวนจึงยกมือขึ้นมาลูบไปที่แก้มของเธอ
“เอาน่า เลิกกังวลเกินไปได้แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะมีงานเลี้ยงการกุศล ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนบรรยากาศ”
เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมามองเขา “อีกไม่กี่วัน? เวลาที่แน่ชัดคือเมื่อไหร่เหรอ”
“วันที่สิบสามมิถุนา”
ป๋อจิ่งชวนพูดน้ำเสียงนิ่งเรียบ สายตาของเฉินฝานซิงนิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เป็นอะไรไป” ป๋อจิ่งชวนถามเธอ
เฉินฝานซิงมองเขาพลางส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีอะไร…”
หลายวันต่อมา สถานการณ์ของเฉินฝานซิงก็เป็นอย่างที่เธอพูดไว้จริงๆ เริ่มยุ่งกับงานขึ้นมาอีกครั้ง
ยุ่งจนเจอตัวเธอไม่ได้เลย…
–
เนื่องจากผลจากการหารือกันในคราวนั้นสรุปให้งานหมั้นจัดขึ้นในวันที่สิบสองเดือนห้าตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเวลาค่อนข้างจะกระชั้นชิด หลายวันนี้ซูเหิงต้องคอยยุ่งวุ่นวายกับเรื่องเตรียมงานหมั้นอยู่ตลอด
ทว่าในขณะที่การเตรียมการทุกอย่างกำลังใกล้เสร็จสมบูรณ์ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กขึ้นเรื่องหนึ่ง
ในเวลานี้ ผู้ช่วยกำลังยืนหน้าเสียอยู่ในห้องทำงานของซูเหิง
“ถ้าไม่มีก็ไปหาดูหลายๆ ที่สิ เมืองใหญ่ขนาดนี้ ร้านดอกไม้จะเจ๊งไปหมดทุกร้านเลยหรือยังไง”
ผู้ช่วยสีหน้าไม่สู้ดี “ประธานซู ฉันไปตามหาจนทั่วทุกร้านดอกไม้ในเมืองผิงเฉิงแล้ว ไม่มีดอกกุหลาบเลยจริงๆ …ตอนนี้แทบทั้งเมืองรู้เรื่องนี้หมดแล้ว ในเน็ตก็มีข่าวออกมาว่าเมืองผิงเฉิง หลายวันมานี้ดอกกุหลาบถูกคนอื่นจองไปหมดแล้ว”
ซูเหิงถลึงตาใส่ผู้ช่วยแวบหนึ่งก่อนจะหันไปที่หน้าคอมเพื่อเสิร์ชหาข้อมูล จากนั้นก็ได้เห็นข่าวเรื่องดอกกุหลาบขาดตลาดในเมืองผิงเฉิงจริงๆ ถึงกับขนาดมีนักข่าวไปสัมภาษณ์แต่ละร้านดอกไม้เพื่อสืบถามว่าเจ้าของที่กว้านซื้อดอกกุหลาบไปคนนี้เป็นใครกันแน่ ปรากฏว่าทุกร้านต่างก็ปิดปากเงียบไม่ยอมแพร่งพราย
ดังนั้นทุกคนที่กำลังติดตามเรื่องนี้ต่างก็กำลังเฝ้ารออย่างคาดหวัง เชื่อว่าอีกไม่นานต่อจากนี้ เมืองผิงเฉิงจะต้องมีการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานที่ไม่ธรรมดา หรืออาจจะมีงานแต่งงานที่โรแมนติกมากๆ เกิดขึ้น
หลังจากที่ได้อ่านคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตแล้ว ซูเหิงก็ปิดหน้าเว็บไซต์ลงด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมาแบบหยั่งเชิง
“ประธานซู ฉันได้ยินมาว่าความหมายของดอกลิลลี่ก็ดีเหมือนกัน จะเลือกดอกลิลลี่แทนดีไหม”
ซูเหิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมโอนอ่อนตาม
“งั้นก็ลิลลี่แล้วกัน”
“ได้เลย งั้นฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
รอจนผู้ช่วยออกจากห้องไป ซูเหิงก็เม้มริมฝีปาก ก่อนจะพิงพนักเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ในขณะที่มีอาการเหม่อลอยเล็กน้อย ภายในหัวก็มีใบหน้าที่คุ้นเคยผุดขึ้นมา ถึงแม้จะเป็นสีหน้าที่นิ่งเฉยเย็นชาอย่างเดิม แต่ภายในดวงตาคู่นั้น ความสิ้นไร้หนทาง ความโศกเศร้า ความอาลัยอาวรณ์ ความเสียใจ ความอ่อนโยน…
สายตานั้นของเฉินฝานซิง ราวกับว่ามีหลายสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกมา
ตั้งแต่วันนั้น ใบหน้านั้นก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขามาโดยตลอด
ยิ่งอยากลืม กลับยิ่งชัดเจน ใจดวงนั้นก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้น
เพราะงั้น ฝานซิงเธอ…
สรุปแล้ว ยังคงมีความรู้สึกอะไรกับเขาอยู่ใช่ไหม
–
วันที่ 13 มิถุนายน เป็นช่วงเวลาที่งานเลี้ยงการกุศลชื่อว่า Red Cerpet ถูกจัดขึ้น
กิจกรรมงานเลี้ยงการกุศลครั้งนี้ เพียงแค่ดูจากชื่อก็รู้แล้วว่าผู้ที่มาเข้าร่วมจะต้องเป็นคนดังในวงการธุรกิจและการเมือง รวมไปถึงเหล่าซุปเปอร์สตาร์ผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย