ตอนที่ 529 เป็นแค่อุบัติเหตุครั้งหนึ่งเท่านั้น
“…”
เหล่านักข่าวพากันเบ้ปาก
คนหนุ่มสาวสมัยนี้เนี่ยนะ หน้าบาง? ขี้อาย?
เหอะ เหอะ…
“เอาละ เอาละ เรื่องที่ควรรู้พวกคุณก็ได้รู้ไปหมดแล้ว เดี๋ยวพวกเรายังต้องหารือเรื่องงานแต่งกันอีก รายละเอียดลึกลงไปคงไม่บอกพวกคุณแล้ว แยกย้ายเถอะ แยกย้าย”
–
หลังจากที่ทุกคนเพิ่งเข้าไปในห้องพักของสวี่ชิงจือ หลีม่อก็จับมือสวี่ชิงจือพาเข้าไปในห้องของเธอ โดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของคุณนายหลีเลย จากนั้นเขาก็ปิดประตูเสียงดัง “ปัง” ทันที
“เจ้าเด็กคนนี้นี่…”
“เอาน่า แม่คะ นี่เป็นเรื่องของหลีม่อนะ แม่ก็ให้เขาจัดการเองเถอะ” เฉียวจื่อหลานขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจูงมือเธอไปนั่งพักที่โซฟา
“ให้เขาจัดการเองงั้นเหรอ เขาจัดการเอง เหลนของฉันก็คงได้ตายในมือเจ้านั่นน่ะสิ ไม่อย่างนั้นเขาจะรีบร้อนมาทำอะไร”
เฉียวจื่อหลานหน้านิ่งไปชั่วขณะ
ในห้อง
สวี่ชิงจือนั่งอยู่ที่ขอบเตียง กำลังมองดูแผ่นหลังตรงตระหง่านริมหน้าต่างที่อยู่ตรงหน้าเธอ มือของร่างนั้นกำหมัดแน่น
“นายอยากพูดอะไรกับฉัน”
หลีม่อไม่มีท่าทีตอบสนอง เงียบอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาช้าๆ แววตามืดดำจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาเธอ
“เด็ก เธอจะเก็บไว้?”
น้ำเสียงเย็นชาราวกับเกล็ดหิมะทำให้สวี่ชิงจือรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว
“ลูกเป็นของฉัน จะเก็บไว้หรือไม่ ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่เกี่ยวกับนาย”
สวี่ชิงจือพูดพลางพยายามขยับหนีไปตรงกลางเตียง
หลีม่อหรี่ตาเล็กน้อย ค่อยๆ เข้าใกล้เธออย่างช้าๆ น้ำเสียงที่เย็นยะเยือนนั้นบาดหูราวกับเสียงของปีศาจร้าย
“เพราะงั้นเธอจะแต่งงานกับฉัน?”
แต่งงานกับนาย?
ใจของสวี่ชิงจือเต้นแรง พลันก้มหน้าลง แพขนตาหนายาวสั่นไหวเล็กน้อย ประโยคนั้นของเขาทำให้ใจของเธอสั่นระรัว
เธอเงยหน้าขึ้นมามองหลีม่อช้าๆ
ใบหน้าหล่อเหลานั้นแต่งแต้มไว้ด้วยความเหยียดหยันที่มุมปาก อีกทั้งภายในสายตาก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและเกลียดชัง ทั้งยังแฝงไว้ซึ่งการข่มขู่ลางๆ ด้วย สิ่งเหล่านี้ราวกับมีดแหลมคมทิ่มแทงเข้ามากลางใจของเธอจนกลายเป็นแผลใหญ่
“ไม่จำเป็น ถ้า…”
สวี่ชิงจือพูดได้เพียงเท่านั้นก็ชะงักไป มือทั้งสองข้างที่ประสานกันไว้อยู่ออกแรงเกร็งแน่นจนข้อต่อเริ่มกลายเป็นสีขาว
เธอกัดฟันกรอด เงียบไปพักใหญ่ถึงจะค่อยๆ เอ่ยขึ้นมา
“ถ้าหากว่านายไม่อยากได้เด็กคนนี้ ฉัน…จะลองคิดเรื่องเอาเด็กออก…”
ได้ยินดังนั้น สายตาเรียวยาวของหลีม่อแสดงให้เห็นถึงความตื่นตกใจเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นบางๆ โดยไม่รู้ตัว
ภายในใจคุกรุ่นไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ผ่านไปครู่หนึ่ง รอยโค้งที่มุมปากของเขาก็ยกกว้างขึ้น ดูเหมือนจะกำลังยิ้ม แต่กลับให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
เขาค่อยๆ ยืดตัวตรง เสียงเย็นชาค่อยๆ ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เยือกเย็น
“ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว”
คำง่ายๆ เพียงประโยคเดียว แทบทำให้สวี่ชิงจือยอมล้มเลิกความตั้งใจที่มีทั้งหมด
ผ่านไปครู่ใหญ่ มุมปากของเธอเผยให้เห็นรอยยิ้มขมขื่น จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ แล้วตอบตกลงเสียงเบาเพียงคำเดียวว่า “อืม”
เพียงพยางค์เดียวทำให้ไฟโกรธที่สุมอยู่ในทรวงอกของหลีม่อประทุขึ้นมา สายตาของเขาหยุดอยู่ที่หน้าท้องแบนราบของเธอครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหยุดตรงหน้าประตู
“ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เก็บไว้ งั้นก็รีบจัดการตั้งแต่เนิ่นๆ สวี่ชิงจือ เธอกับฉัน ถือซะว่าชาตินี้เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน มันก็เป็นแค่อุบัติเหตุครั้งหนึ่งเท่านั้น”
สวี่ชิงจือพบว่า หลีม่อ เป็นคนที่ทำร้ายเธอได้อย่างง่ายดายที่สุดบนโลกใบนี้
ตอนที่ 530 หลานแท้ๆ ของฉันจะทำร้ายหลานแท้ๆ ของแก
หลีม่อเปิดประตูเดินออกไปก่อน จากนั้นคุณนายหลีก็รีบพุ่งเข้ามาทันที เธอจ้องหลีม่อตาเขม็งพร้อมกับพูดด้วยความโกรธ
“แกพูดอะไรจือจือ”
หลีม่อหน้านิ่ง ไม่พูดไม่จา เพียงแต่หันหลังกลับไป สวี่ชิงจือเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียว
เฉินฝานซิงเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รีบเข้าไปหาเธอแล้วจับมือเธอไว้ แต่กลับพบว่าฝ่ามือของเธอนั้นเย็นชืด
เมื่อหันไปมองสีหน้าของสวี่ชิงจืออีกครั้ง ในใจของเฉินฝานซิงก็รับรู้ได้ทันที
เธอหันไปมองหลีม่อ สายตาเย็นชา “หลีม่อ นายไม่ต้องการเด็กคนนี้จริงๆ ใช่ไหม”
หลีม่อหน้าเสีย พลันหันมาถลึงตาใส่เฉินฝานซิง
ผู้หญิงคนนี้นี่ ให้ตายสิ
เป็นไปตามคาด วินาทีต่อมา ไม้เท้าของคุณย่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หล่นลงมา
“อะไรกัน แก เจ้าเด็กเลว แกกล้าทำร้ายเหลนฉันเลยเหรอ ดูสิว่าฉันจะตีแกให้ตายได้ไหม”
หลีม่อกัดฟันทนด้วยความโมโห เฉียวจื่อหลานที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามาขวางอย่างเคย
“แม่ แม่คะ เลิกตีได้แล้ว เลิกตีสักที...หลีม่อเป็นหลานแท้ๆ ของแม่นะคะ”
“หลานแท้ๆ แล้วยังไง หลานแท้ๆ ของแกกำลังจะถูกหลานแท้ๆ ของฉันทำร้ายตายอยู่แล้ว แกยังไม่ยอมให้ฉันจัดการหลานฉันอีก มีย่าแบบแกนี่น่ะเหรอ”
“…”
“…”
เฉียวจื่อหลานชะงักไปชั่วขณะกับคำพูดของหญิงชรา ไม่ตอบสนองไปพักใหญ่
เพียงแค่หันไปมองทาง ‘หลานแท้ๆ’ ของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เธอมองไปที่ท้องของสวี่ชิงจือ
ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่เฉียวจื่อหลาน คนอื่นๆ ที่อยู่ในบ้านก็ตะลึงไปกับคำพูดแทงใจนเมื่อครู่นี้ไปด้วย
จากนั้น เฉินฝานซิงที่ตามทันความคิดของหญิงชรามาตลอดอดยกมุมปากไม่ได้
คุณนายหลีคนนี้ สุดๆ ไปเลยจริงๆ
หนึ่งประโยค มีแต่ความย้อนแย้ง
ทั้งสร้างความโกรธแค้นให้ตัวเอง ทั้งยังผลักตัวเองหลงหลุม
แถมยังพูดด้วยท่าทางดูมีเหตุผลแบบนั้นอีก
หลีม่อถูกย่าปั่นป่วนจนปวดหัวไปหมด
เขายกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้ว
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าไร้อารมณ์
“เด็กคนนี้เก็บไว้ไม่ได้ งานแต่งงานก็จัดไม่ได้ด้วย เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้หารือ”
“แก”
คุณนายหลีเห็นท่าทางแบบนี้ของหลีม่อ ในใจรู้ดีว่าหลีม่อไม่มีทางเปลี่ยนใจได้แล้ว ใบหน้าของเธอพลันแปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชา
“งั้นแกจะแต่งกับใคร ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าอยากได้ผู้หญิงแซ่ม่อคนนั้นเข้ามาในสกุลหลี แกต้องข้ามศพฉันไปก่อน”
หลีม่อขมวดคิ้วมุ่น
ใบหน้าราวกับถูกปกคลุมไปด้วยพายุฝนโหมกระหน่ำในชั่วพริบตา ดูเหมือนจะเกิดสถานการณ์เลวร้ายได้ทุกเมื่อ
สวี่ชิงจือที่อยู่ด้านข้างกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น ดวงตาสั่นไหว ก่อนที่สุดท้ายจะหันหน้าไปอีกทาง
เฉียวจื่อหลานที่เห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียดจึงรีบหาทางคลายสถานการณ์ตรงนี้
ในขณะนั้นเอง เสียงกริ่งก็ดังขึ้นพอดี
สวี่ชิงจือเดินไปเปิดประตู
เมื่อเห็นคนที่มาหา สีหน้าของชิงจือก็ย่ำแย่งลงไปกว่าเดิม
“มาได้ยังไงคะ”
“ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ”
น้ำเสียงดุดันแข็งกร้าวของชายหนุ่มดังขึ้นกะทันหัน
เฉินฝานซิงหันไปมอง สีหน้าพลันคร่ำเครียดลงไปถนัดตา
นั่นคือสวี่เส้าเซิ่ง พ่อของสวี่ชิงจือ
เธอจ้องมองสวี่เส้าเซิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายประกายแห่งความพินิจพิเคราะห์ออกมา สุดท้ายก็แอบขมวดคิ้วเบาๆ จนยากจะสังเกตเห็นได้ ก่อนจะเดินไปตรงหน้าสวี่ชิงจือแล้วดึงเธอมาอยู่ข้างๆ
สวี่ชิงจือมองเธอด้วยความขุ่นข้องสงสัย เฉินฝานซิงเพียงแค่จับเธอไว้แน่น ยืนอยู่ข้างเธอแบบนั้นโดยไม่พูดอะไร
เมื่อสวี่เส้าเซิ่งเห็นคนที่อยู่ในห้อง โดยเฉพาะหลีม่อและคุณนายหลีสองคนนั้น สีหน้าของเขาก็ดูงุนงงขึ้นมาทันที...
–
กว่าจะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้ได้ ตอนที่เฉินฝานซิงกลับไปก็เป็นเวลาตอนบ่ายแล้ว
หลังจากที่ล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็นอนลงบนเตียงทันที เลื่อนดูโทรศัพท์เล็กน้อย ดูสถานการณ์ของจี้อี้และความเคลื่อนไหวของศิลปินคนอื่นอีกหลายคนผ่านอินเทอร์เน็ต
จากนั้นก็เปิดดูปฏิทิน แล้วกดดูวันที่ที่มีการมาร์กเครื่องหมายพิเศษไว้ตั้งนานแล้ว
เฉินฝานซิงกัดรีมฝีปากเบาๆ ดวงตาทอประกายระยิบระยับ…