ตอนที่ 527 ปล่อยฉัน
“ไปแล้วเหรอ สวี่ชิงจือ เธอจะไปไหน”
สวี่ชิงจือสะดุ้งตกใจ รีบหันกลับไปดูทันที จึงได้พบกับใบหน้าที่ถึงแม้ไม่ได้เจอมานานแต่ก็คุ้นเคยเป็นอย่างดีที่ทำให้เธอถึงกับดวงตาเบิกโพลง
“นาย…”
สวี่ชิงจือตะลึงงันจนพูดไม่ออก ได้แต่ผงะถอยหลังไปสองก้าว
ใบหน้าที่เพิ่งจะเริ่มผ่อนคลายได้ก่อนหน้านี้กลับซีดขาวในพริบตา
“เฮ้ คุณยังจะตรวจอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าไม่ตรวจแล้วก็หลีกทางไปก่อนได้ไหม”
“เร็วเข้าสิ รีบอยู่นะ”
ผู้คนที่เข้าแถวรออยู่ข้างหลังเริ่มเร่งเร้า สวี่ชิงจือได้สติกลับมาก็รีบบิดข้อมือหวังจะสลัดให้หลุดจากการรัดกุมของหลีม่อ
“ปล่อย…ปล่อยฉัน”
ดวงตาเรียวยาวของหลีม่อหรี่ลงเล็กน้อย สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและแหลมคมจนทำให้คนรู้สึกผวา
ยิ่งสวี่ชิงจือดิ้นขัดขืน มือของหลีม่อก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม ท้ายที่สุด ด้วยความทนไม่ไหว เขาออกแรงกระชากสวี่ชิงจือออกมา
“อ๊าย”
สวี่ชิงจือซวนเซ เกือบจะล้มลงไปที่พื้น
เธอเบิกตาโตด้วยความตกใจและหวาดกลัว มืออีกข้างรีบกุมท้องของตัวเองไว้แน่น
แววตาดำมืดและเย็นชาสั่นไหวอย่างรุนแรงไปชั่วขณะ พลันยื่นมือออกมาโอบร่างของสวี่ชิงจือเข้าไปในอ้อมกอดโดยแทบจะไม่ได้คิดอะไร
เมื่อหาที่ค้ำได้ สวี่ชิงจือจึงรีบฉวยปกเสื้อสูทบริเวณหน้าแผงอกของหลีม่อเอาไว้แน่นราวกับกำหญ้าวิเศษช่วยชีวิตเอาไว้อยู่ ใบหน้าขาวซีดไร้เลือดฝาด
ขณะนั้นเอง เฉินฝานซิงก็พุ่งเข้ามาถึงตัวพวกเขาทั้งสองคนแล้ว มือที่ยื่นเข้ามาเพื่อจะรับสวี่ชิงจือไว้ยังค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อเห็นว่าหลีม่อเข้ามารับสวี่ชิงจือไว้ได้กลางคัน ดวงตาของเธอพลันหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะวางมือลง สายตาหยุดอยู่บนใบหน้าของหลีม่อหลายวินาที จากนั้นก็ละสายตาจากไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
อุบัติเหตุไม่คาดคิดไม่ได้เกิดขึ้น หลังจากที่ทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ลึกลงไปในสายตาที่เย็นชาคู่นั้นของหลีม่อมีความสับสนวุ่นวาย ก่อนจะค่อยๆ นิ่งเรียบไป
ในขณะที่ก้มลงมองร่างบอบบางที่สั่นเทาอยู่ในอ้อมกอด เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
เมื่อสวี่ชิงจือตั้งสติกลับมาได้ก็รีบดันแผงอกของหลีม่อเพื่อรักษาระยะห่างของทั้งสองคน
ทว่าหลีม่อกลับไม่ยอมปล่อยแขนของเธอ ในขณะที่เธอกำลังจะหนีไปอีกครั้ง เขาก็ออกแรงยกแขนของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พวกเรามาคุยกันหน่อย”
ใบหน้าของสวี่ชิงจือขาวซีด แต่ก็พยายามส่ายหน้าปฏิเสธอย่างใจเย็น
“ฉันกับนายไม่มีอะไรให้คุยกัน”
ดวงตาเรียวยาวของหลีม่อหรี่ลงอีกครั้ง สายตานั้นเฉียบแหลมและดูคาดคั้น
“คุยเรื่องเด็กในท้องของเธอ ได้ไหม”
หลีม่อพูดประเด็นหลักออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม
สวี่ชิงจือไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลยสักนิด
“สวี่ชิงจือ เธอ…”
หลีม่อเพิ่งจะเอ่ยปาก ทว่ากลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่กลางหลัง
คิ้วของเขากระตุกเบาๆ เมื่อทุกคนหันไปมองก็เห็นหญิงผมขาวคนหนึ่งกำลังยกไม้เท้าที่อยู่ในมือขึ้นมาฟาดมันลงไปบนตัวของหลีม่ออีกครั้ง
“ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันว่าแล้วเชียวว่าแกต้องมีเรื่องปิดบังพวกเรา แกกล้าแตะต้องเหลนฉันก็ลองดู ถ้าแกกล้าแตะต้องหลานสะใภ้กับเหลนของฉัน…ฉันจะเอาแกให้ตายเลย”
“…”
“…”
“…”
ทั้งสวี่ชิงจือและเฉินฝานซิงต่างก็มึนงง หลีม่อหลับตาลงช้าๆ บนใบหน้าที่หล่อเหลานั้นมีความเอือมระอาผุดพรายขึ้นมาจางๆ คิ้วกระจุกกันเป็นก้อนเผยความเย็นชาลางๆ
“แม่ แม่ โธ่ เลิกตีได้แล้ว”
หญิงสาวที่แต่งตัวสวยสง่าอีกคนเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน พลันดึงมือของหญิงชราคนนั้นไว้ สีหน้าร้อนรนกระวนกระวายและเห็นอกเห็นใจ
“หลีม่อไม่เจ็บหรือไงคะ คุณแม่ทำเขาได้ลงคอเหรอ”
ในฐานะของคนเป็นแม่ เฉียวจื่อหลานจะทนดูลูกชายของตัวเองถูกตีได้อย่างไร เธอดึงมือของหญิงชราออกไปอีกด้าน ก่อนจะถือโอกาสผลักหลีม่อออกไปอีกทาง
ตอนที่ 528 ไม่เข้าใจเรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาว
หญิงชราถลึงตาใส่หลีม่อไปทีหนึ่ง ก่อนจะเดินค้ำไม่เท้ามาหยุดตรงหน้าสวี่ชิงจือแล้วสวมกอดเธอด้วยท่าทางสนิทสนมเป็นกันเอง
“หลานสะใภ้ไม่ต้องกลัวนะ มีย่าอยู่ ย่าจะดูสิว่าใครกล้ารังแกหนู”
สวี่ชิงจืออึ้งกับเหตุการณ์จนยังไม่ได้สติ เงยหน้าขึ้นไปมองหลีม่อปราดหนึ่ง แต่กลับเห็นหลีม่อยืนหน้าตาบึ้งตึงไม่ยอมตอบโต้
แน่นอนว่าเธอรู้จักหญิงชราคนนี้ เธอก็คือย่าของหลีม่อ สมัยเรียนตอนที่ไปเที่ยวเมืองที่เขาอยู่เธอเองก็เคยเห็นท่านที่บ้านของเขา
“คุณย่า หนูไม่ใช่…”
“ไม่ต้องกลัวนะ ลูกก็มีแล้ว หนูเป็นเหมือนทุกอย่าง ย่ารู้สึกถูกชะตาหนูตั้งแต่ตอนที่เห็นหนูครั้งแรกเลย หนูชอบหลีม่อ หลีม่อก็ชอบหนู ตอนนี้ยังมีลูกด้วยกันอีก ดีจะตายไป ไปกันเถอะ พวกเรากลับบ้านไปคุยเรื่องงานแต่งกัน”
“…”
“…”
ระหว่างที่ยืนดูคุณนายหลี เฉินฝานซิงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ สมัยนี้คุณปู่คุณย่าน่ารักแบบนี้กันหมดเลยเหรอ
น่ารักเหมือนกับคุณย่าป๋อเลย
“ย่า”
หลีม่อตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างรุนแรง
ใครชอบเธอกันเล่า
“ทำไม แกกล้าตะโกนใส่ฉันเลยเหรอ ใครใช้ให้แกตะโกน ใครใช้ให้แกตะโกน”
คุณนายหลียกไม้เท้าขึ้นมาชี้ไปทางหลีม่ออีกหลายที
ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทดูสูงสง่า ใบหน้าหล่อเหลาจนทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาต้องหันมามองตาโตด้วยความตะลึงกำลังถูกหญิงชรายกไม้เท้าขึ้นชี้เขา มองดูแล้วน่าขำเสียไม่มี
ภาพลักษณ์ที่ขัดกันราวฟ้ากับเหว
สวี่ชิงจืออดขำออกมาไม่ได้ ถึงแม้ไม้เท้าจะถูกจิ้มไปที่เขา แต่แน่นอนว่าเธอย่อมดูออกว่าคุณย่าไม่ได้ออกแรงทำร้ายเขาสักเท่าไร
ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับเจ็บ แต่ก็แรงพอที่จะทำให้หลีม่อสะทกสะท้านขึ้นมาบ้าง
สมน้ำหน้า
สมควรโดนจัดการซะบ้าง
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของสวี่ชิงจือ หลีม่อก็จ้องเธอด้วยสายตาเย็นชาหน้านิ่ว
เฉินฝานซิงที่อยู่ข้างๆ มองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆ สุดท้ายก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา
“เรื่องหลายเรื่องคุยกันตรงนี้ไม่รู้เรื่องหรอก ชิงจือ พวกเรากลับไปก่อนดีกว่า”
สายตาของหลีม่อเย็นชาขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่คุณนายหลีเองก็หน้าตาเคร่งเครียดขึ้นมาด้วย แต่ทว่าก็ยังคงจับมือสวี่ชิงจือไว้แน่นดังเดิม
สวี่ชิงจือมองไปทางเฉินฝานซิงด้วยท่าทีกังวล หลังจากที่เห็นสัญญาณทางสายตาของเฉินฝานซิงท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจกลับบ้านไปก่อน
และในเวลานั้นเอง ด้านล่างคอนโดนของสวี่ชิงจือ มีเหล่านักข่าวที่ได้ข่าวมาจากสนามบินมารออยู่ตั้งนานแล้ว
เมื่อเห็นสวี่ชิงจือ ก็รีบกรูกันเข้าไปหาทันที
หลีม่อหน้านิ่ง สวี่ชิงจือถูกเหล่านักข่าวเบียดจนเซไปเซมา ถูกเบียดไปกระแทกแผงอกของหลีม่อครั้งแล้วครั้งเล่า
สุดท้าย ดูเหมือนหลีม่อจะถูกชนจนรู้สึกรำคาญ จึงตัดสินใจโอบเอวของเธอไว้ให้อยู่ในตำแหน่งด้านข้างเยื้องไปด้านหลังของตัวเองนิดหน่อย
“อยากจะทราบว่า คุณสวี่ชิงจือ คนนี้ใช่พ่อของเด็กหรือเปล่า”
“…”
แน่นอนว่าสวี่ชิงจือย่อมไม่ตอบคำถามประเภทนี้
ทว่าคุณนายหลี่กลับพยักหน้ารัวพร้อมกับร้อยยิ้มกว้าง “ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
“ถ้างั้นสองคนนี้ก็ต้องแต่งงานกันเพราะท้องก่อนแต่งใช่หรือไม่”
คุณนายหลียิ้มร่ากว่าเดิม “ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
“ได้ยินมาว่าคนที่ตามจีบคุณสวี่มีเยอะมาก แต่กลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าช่วงนี้เธอกำลังคบกับใครอยู่ ไม่ทราบว่าทั้งสองคนแอบคบกันแบบลับๆ ใช่ไหม”
คุณนายหลีตอบอย่างไม่ลังเล “ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
“…”
“…”
“…”
เฉินฝานซิง สวี่ชิงจือ หลีม่อ ทั้งสามคนต่างก็หมดคำจะพูด
แม้แต่เหล่านักข่าวเองต่างก็หันมามองหน้ากันแบบงุนงงแล้วถามขึ้นมาอย่างลำบากใจ
“คุณนาย ไม่ทราบว่าจะปล่อยให้ทั้งสองท่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ พูดอะไรสักสองสามประโยคจะได้ไหม”
คุณนายหลีกะพริบตาปริบๆ เหลือบไปมองทางสวี่ชิงจือและหลีม่อก่อนจะตอบกลับไป
“ดูพวกเธอสองคนเข้าสิ ไม่เข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของหนุ่มสาวเอาบ้างซะเลย พวกเขาสองคนยังวัยรุ่น หน้าบางจะตายไป ขี้อายกันขนาดนั้น จะไปตอบคำถามพวกคุณได้ยังไงล่ะ”
“…”