ตอนที่ 55 แอบฟังมุมกำแพง

“คุณนี่ช่างฉอเลาะจังเลยนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหวินเทากลับมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก “จริง ๆ นะ ภรรยา อาหารที่คุณทำอร่อยที่สุดเลยนะ ร้านอาหารในเมืองยังไม่มีใครทำอร่อยเท่าคุณเลย!”

“ฉันไม่อยากทำอาหารให้คนอื่นกินหรอกค่ะ ฉันอยากทำให้คุณกินไปตลอดชีวิต” เย่ฉูฉู่กล่าวอย่างอ่อนโยนทั้งยังออดอ้อน

จ้าวเหวินเทาได้ยินก็รู้สึกราวกับร่างกายเกิดไฟปะทุขึ้น เขารีบพูดก่อนว่า “ผมไม่ปล่อยให้ภรรยาของไปเป็นแม่ครัวจนกลายเป็นสาวแก่หน้าเหลืองอยู่แล้ว ภรรยาผมต้องงามเฉิดฉายแบบนี้ตลอดไปถึงจะดีที่สุด!” พูดจบเขาก็ปิดปากภรรยาของตนเอง ก่อนจะขึ้นคร่อมร่างของเธอไว้ “ภรรยาจ๋า คุณทำให้ผมหลงใหลจะตายอยู่แล้ว…”

เพียงครู่เดียว วิญญาณของเย่ฉูฉู่ก็เกือบหลุดลอยออกไป

ตอนนี้สองสามีภรรยาอาวุโสกำลังนอนห่มผ้าพูดคุยกันอยู่บนเตียง

คุณแม่จ้าวกำลังถอนหายใจ “เจ้าหกซื้อผักมาหนึ่งคันรถ ฉันว่าคงใช้เงินไปไม่น้อยเลยล่ะค่ะ ได้เงินมาแล้วแต่จะใช้จ่ายแบบนี้ไม่ได้นะ ยังไงก็ต้องเก็บเงินไว้หน่อย”

“คุณรู้ได้ไงว่าลูกไม่เก็บเงิน?” คุณพ่อจ้าวกล่าว “อีกอย่างพวกเขาก็อายุยังน้อย ยังไม่มีลูก กินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็กินไปเถอะ ดูแลร่างกายให้ดีเวลามีลูกก็จะได้แข็งแรง คุณก็อย่าไปกังวลให้มากนักเลย”

“จะไม่ให้เป็นกังวลได้ยังไง ฉันได้ยินคนในหมู่บ้านพูดเรื่องนั้นแล้วก็ร้อนใจ แถมยังมีอีกนะ…” คุณแม่จ้าวกระซิบ “ฉันว่าสะใภ้สี่คงอิจฉามากเชียวล่ะ”

“อิจฉาอะไร?” คุณพ่อจ้าวกล่าว โดยที่ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา แยกบ้านไปแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าหกซื้อผักมาหนึ่งคันรถเลย ต่อให้เขาซื้อเนื้อมาหนึ่งคันรถก็เป็นเงินที่เขาหามาด้วยตัวเอง ใครอิจฉาก็ไปหาเอาเองสิ

คุณแม่จ้าวกลับถอนหายใจหนึ่งเสียง มีลูกสาวและลูกชายเยอะก็เป็นแบบนี้ กังวลใจไม่จบไม่สิ้น

คืนนี้จึงมีบางคนฝันดีและมีบางคนที่นอนไม่หลับ

ส่วนเย่ฉูฉู่นั้นกำลังนอนหลับสบาย โดยเฉพาะการได้นอนอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นราวกับเตาผิงขนาดใหญ่ของเหวินเทา

วันรุ่งขึ้นเย่ฉูฉู่หอบผักส่วนหนึ่งนำไปให้แม่สามีของเธอ

เธออาจจะไม่สนใจคนอื่นก็ได้ แต่กับพ่อแม่สามีนั้นไม่สนใจไม่ได้

ความกตัญญูได้แทรกซึมเข้ากระดูกของเธอไปแล้ว กับพ่อแม่ของเหวินเทาเธอก็แสดงความกตัญญูเหมือนกับพ่อแม่แท้ ๆ ของเธอเอง

แม้ว่าเหวินเทาจะบอกเธอว่าทำเสร็จแล้วค่อยนำมาให้พ่อแม่ของเขา แต่เธอรู้สึกว่านำผักเหล่านี้มาให้แม่สามีดีกว่า มีอาหารอะไรที่แม่สามีชอบรับประทานก็จะได้ทำเองตามใจชอบ สะดวกกว่าด้วย

“พวกเราก็อายุมากขนาดนี้แล้วจะกินสักเท่าไรกันเชียว ในบ้านมีผักพวกนั้นก็พอกินแล้วล่ะ พวกเธออายุยังน้อย รีบเอากลับไปกินกันเถอะ” คุณแม่จ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

สองสามีภรรยาบ้านเล็กคู่นี้เมื่อมีอะไรให้รับประทานก็จะเป็นกังวลปากท้องของพวกเขาทั้งสองคน มีแต่คนบอกว่าพวกเขาทั้งสองลำเอียง จะไม่ให้ลำเอียงได้อย่างไร คนอื่น ๆ มีน้ำใจแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ?

คนเราก็ต้องใช้ใจแลกใจ ลูกสะใภ้แบบนี้ไม่ว่าจะไปอยู่ที่บ้านไหนผู้อาวุโสก็รักทั้งนั้นแหละ

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่คะ ส่วนนั้นของพวกเราก็พอกินแล้วค่ะ ผักพวกนี้ฉันตั้งใจเก็บไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ เหวินเทาบอกว่าผักกาดขาวเอาไปทำผักดองอร่อย ส่วนกวางตุ้งดอกไม้ไฟเก็บไว้ในห้องใต้ดินได้ตลอดหน้าหนาว เอามากินเป็นผักสด ๆ ได้ เอาไปทำเป็นไส้ไว้ห่อเกี๊ยวก็ดี คุณแม่กับคุณพ่อจะได้กินของสด ๆ ด้วย”

คุณแม่จ้าวมองดูผักกาดขาวหัวใหญ่นี้ที่หาได้ยากยิ่ง นางพูดแสดงความรู้สึกออกมา “เธอคิดดูสิ อยู่บนพื้นดินเดียวกัน ทำไมเขาถึงปลูกผักออกมาได้ใหญ่ขนาดนี้นะ!”

“ฉันได้ยินเหวินเทาพูดว่าอวบอ้วนเชียวค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“จริงเหรอ งั้นพวกเราคงต้องหาวิธีทำให้มันใหญ่ขึ้นสักหน่อยในช่วงปีหน้าแล้วสิ” คุณแม่จ้าวพยักหน้า

“ถึงเวลานั้นถ้าปลูกออกมาแล้ว อย่าลืมให้พวกฉันชิมด้วยนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“จะขาดพวกเธอได้ยังไงล่ะ” คุณแม่จ้าวหัวเราะ

“คุณแม่คะ ยังมีต้นหอมอีกส่วนหนึ่งด้วย เดี๋ยวฉันไปเอามาให้นะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ไม่ต้องเอามาแล้ว พวกเธอเก็บไว้กินเถอะ คนแก่ ๆ กินไม่เยอะหรอก” คุณแม่จ้าวเห็นลูกสะใภ้ลุกขึ้น นางจึงกดเสียงต่ำ “ฉูฉู่ มีข่าวเรื่องท้องบ้างไหม?”

เย่ฉูฉู่หน้าแดงระเรื่อ “ยังเลยค่ะ”

คุณแม่จ้าวแอบผิดหวังนิดหน่อย ทว่านางก็ไม่คิดจะกดดันลูกสะใภ้ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่ดีในชีวิตคุ้มค่าแก่การรอคอย ไม่เป็นไร พวกเธอยังเป็นหนุ่มสาว ไม่ต้องรีบร้อน ช่วงฤดูหนาวไม่มีอะไรต้องทำ ก็ดูแลร่างกายให้ดี ๆ คิดว่าคงอีกไม่นานแล้วล่ะ”

เย่ฉูฉู่พยักหน้าตอบกลับไป ภายในใจแอบรู้สึกซึ้งใจ ไม่เพียงแต่จะได้เจอเหวินเทาของเธอเท่านั้น แต่ยังได้เจอแม่สามีดี ๆ อีก

เพียงแต่ ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ?

อันที่จริงเย่ฉูฉู่เองก็แอบร้อนใจขึ้นมาแล้วเช่นกัน

คุณแม่จ้าวรอจนกระทั่งลูกสะใภ้เดินออกไปจึงเริ่มเก็บผักกาดขาว นางวางแผนว่าจะล้างถังในวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะนำผักลงไปดอง ในเวลานี้ก็เห็นเงาหนึ่งเดินแวบผ่านด้านข้างของห้องไป

แม้ว่าจะเห็นแค่เพียงแวบเดียว แต่นางก็พอจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นลูกสะใภ้รอง นางแอบชะงักไป แต่ก็เข้าใจได้ในทันที สีหน้าพลันดำอึมครึมลง

“ฉันหรือก็เห็นว่าหล่อนเป็นคนดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องแอบฟังที่มุมกำแพงแบบนี้!” ตอนที่คุณแม่จ้าวพูดกับคุณพ่อจ้าว นางถึงกับโมโหจนทนไม่ไหว

“คุณเห็นชัดเจนแล้วเหรอ?” คุณพ่อจ้าวแอบไม่เชื่อ

ความประทับใจที่เขามีต่อลูกสะใภ้รองไม่เลวมาโดยตลอด หล่อนเป็นคนสมเหตุสมผล ดูเหมือนกับลูกสะใภ้ใหญ่ แต่งเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งหลายปีแล้วก็ไม่เคยแสดงความโกรธเคืองมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก หล่อนก็อยู่ร่วมกับทุกคนได้ไม่เลวเลย ทำไมถึงมาทำเรื่องแอบฟังข้างมุมกำแพงแบบนี้ได้?

“อยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาตั้งหลายปี มีเหรอที่ฉันจะมองเห็นไม่ชัด? เงาแบบนั้นนอกจากหล่อนแล้วยังจะมีใครได้อีก!” คุณแม่จ้าวปิดซ่อนความผิดหวังไว้ไม่อยู่ “ไม่เรียนรู้กับคนดีเลยจริง ๆ แต่ดันไปเรียนรู้จากสะใภ้สี่ที่ไม่เอาไหนคนนั้นซะได้!”

ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่แยกบ้าน สะใภ้สี่ก็สั่งให้ลูกทั้งสองคนจับตามองนางในห้องครัว แยกบ้านกันแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด คิดไม่ถึงเลยว่าจะเปลี่ยนเป็นลูกสะใภ้รองที่เป็นคนจับตามอง

เป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้นแล้ว ไม่รู้จักขายหน้าคนอื่นเขาบ้าง!

“แล้วหล่อนมาดูอะไร?” คุณพ่อจ้าวไม่เข้าใจ

“ยังต้องพูดอีกเหรอ ก็เป็นเพราะคิดว่าพวกเราจะแอบเอาผลประโยชน์ให้เจ้าหกยังไงล่ะ เมื่อกี้ลูกสะใภ้หกก็เอาผักมาให้ ฉันคิดว่าที่หล่อนมาเพ่งมองเพราะลูกสะใภ้หกมานี่แหละ เพื่อให้แน่ใจไงว่ามาขอเงินหรือขอของดี ๆ จากฉันหรือเปล่า!” คุณแม่จ้าวแค่นเสียงเย็น นางย่อมเข้าใจความคิดนั้นของลูกสะใภ้เป็นอย่างดี!

ฟังถึงตรงนี้คุณพ่อจ้าวจึงหันกลับมา “เพราะผักหนึ่งคันรถนั้นน่ะเหรอ?”

“ใช่ ผักหนึ่งคันรถนั้นนั่นแหละ ในหมู่บ้านพูดกันทั่ว บอกว่าเจ้าหกไปคุยโวโอ้อวด บอกว่าเจ้าหกฟุ่มเฟือย เงินซื้อผักมากมายขนาดนั้นได้มาจากที่ไหน? คนอื่นฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่คนในบ้านมันไม่เหมือนกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลูกสะใภ้รอง!” คุณแม่จ้าวกล่าว

หล่อนแอบเป็นกังวลมาตั้งนานแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลูกสะใภ้รอง ทั้งยังใช้วิธีแบบนี้อีก ก่อนหน้านี้เป็นลูกสะใภ้สี่ที่จับตาเฝ้าระวัง มาตอนนี้ลูกสะใภ้รองยังเป็นแบบนี้อีก บ้านของนางมีลูกสะใภ้แบบนี้ได้อย่างไรกัน?

คุณพ่อจ้าวมีสีหน้าดูไม่ดีเช่นกัน วันธรรมดาเขาสนใจเรื่องพวกนี้น้อยมาก แต่ภรรยาเจ้ารองเป็นลูกสะใภ้ใหญ่ เขาย่อมต้องพูด “ผมจะไปพูดกับเจ้ารองเอง”

แยกบ้านไปแล้วก็ตัวใครตัวมัน ยังจะมาจับผิดคนอื่นอีก เห็นคนอื่นเป็นอะไร? เป็นสายลับกันหรืออย่างไร?

ถึงช่วงกลางดึก คุณพ่อจ้าวก็เรียกพี่รองจ้าวออกมาคุย พี่รองจ้าวทั้งละอายใจและโกรธ ตอนนั้นเขาได้บอกพ่อว่าจะกลับไปจัดการกับภรรยาคนนั้น แต่ก็ถูกคุณแม่จ้าวห้ามไว้ “ที่พ่อของแกพูดกับแกแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากให้แกไปทะเลาะกับภรรยาของแกหรอกนะ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าคนแก่ ๆ อย่างเราสองคนเป็นอะไร”

“แม่ ผมคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าหล่อนจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ทำไมหล่อนถึงทำแบบนี้!” พี่รองจ้าวเป็นคนซื่อสัตย์มาโดยตลอดจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

“ก่อนหน้านี้ภรรยาของแกก็ดีมาก มีแค่วันนี้แหละที่ทำเรื่องแบบนี้ แกกลับไปก็อย่าไปทะเลาะกับหล่อนล่ะ พูดคุยกันดี ๆ แม่เองก็พอจะรู้ตัวดีว่าพวกเราลำเอียงไปทางเจ้าหก แต่พวกเราก็ไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นนะเจ้ารอง แม่ขอพูดกับแกไว้ตรงนี้เลย ไม่ว่าบ้านเจ้าหกจะกินหรือดื่มอะไรก็เป็นเงินที่เจ้าหกหามาทั้งหมด พ่อกับแม่ไม่เคยแอบให้เงินช่วยเหลือเจ้าหกเลยนับตั้งแต่แยกบ้านกันวันนั้น แต่ละคนก็เดินตามเส้นทางของตัวเอง รวมถึงพ่อกับแม่ด้วย!” คุณแม่จ้าวกล่าว

…………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อ้าวโป๊ะแล้วสะใภ้รอง คิดว่าคนแก่ๆ ไม่รู้เรื่องเหรอ

ไหหม่า(海馬)