ตอนที่ 54 หนุ่มสาวกินดื่มอิ่มหนำสำราญ

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 54 หนุ่มสาวกินดื่มอิ่มหนำสำราญ

“พี่รองล่ะครับ?” พี่สามจ้าวก็ไม่กล้าถามเซ้าซี้ เมื่อมองซ้ายมองขวาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ภายในใจแอบรู้สึกเสียดาย หากมาเร็วกว่านี้สักหน่อยก็คงดี คงได้รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้พี่สะใภ้รองโกรธจนร้องไห้แบบนี้?!

“ออกไปแล้ว นายมีอะไร?” พี่สะใภ้รองหมุนตัวแสร้งทำเป็นเลือกผัก

“ก็ไม่ได้มีอะไรหรอกครับ” พี่สามจ้าวกลับไม่ได้เดินออกไป เขายืนมองผักกองนั้นพร้อมกับบ่น “พี่สะใภ้รอง พี่กำลังเตรียมผักไว้ทำผักดองสินะ? เฮ้อ นี่ถ้าไม่เทียบกันก็คงไม่รู้จริง ๆ เมื่อกี้ผมเห็นผักที่เจ้าหกซื้อมา ผักหัวใหญ่จริง ๆ แล้วมาดูผักของพวกเราสิ ก็แค่หญ้า! ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าหกไปเอาเงินมากมายเหล่านั้นมาจากที่ไหน ซื้อทั้งรถจักรยานแล้วยังซื้อผักอีก แอบสงสัยเหมือนกันนะว่าเงินนั่นอาจจะเป็นเงินของพ่อกับแม่ ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว การแยกบ้านครั้งนี้ก็ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยนะครับ”

พอกันที หมอนี่ก็มาที่นี่เพราะผักหนึ่งคันรถนั้นเหมือนกัน

คำพูดที่พี่สามจ้าวพูดแทงใจพี่สะใภ้รองพอดี น้ำตาที่หล่อนกลั้นไว้จึงไหลออกมาอีกครั้ง แม้ว่าน้องสามีสามจะเป็นคนชอบคิดหยุมหยิม แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นคนมีเหตุผล เทียบกับสามีคนนั้นของหล่อน คนๆ นี้เก่งกว่าเยอะ

“พ่อกับแม่อยากจะให้ใครก็ให้ไปเถอะ!” พี่สะใภ้รองเห็นด้วยอยู่ภายในใจ ทว่ายังคงปากแข็งไม่ยอมรับ

พี่สามจ้าวในเวลานี้ดูคล้ายกับพังพอนมาสวัสดีปีใหม่ให้กับไก่[1] เขาถอนหายใจพลางกล่าวว่า “พี่สะใภ้รองมีคุณธรรมจริง ๆ แถมยังต้องเลี้ยงลูกหลายคนด้วยความยากลำบาก บ้านพี่มีสมาชิกเยอะสุด ตอนที่ยังมีให้กิน ตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน ก็ได้เท่า ๆ กัน แต่ตอนนี้ใช้ชีวิตบ้านใครบ้านมันแล้ว ผักแค่นิดเดียวมันจะไปพอกินอะไรล่ะครับ อย่าว่าแต่พี่เลย ต่อให้เป็นบ้านผม ผักแค่นั้นก็ไม่พอกินเหมือนกัน เฮ้อ ถึงเวลานั้นคงได้แทะแตงกวาดองนั่งดูเจ้าหกกินผักฉ่ำ ๆ แล้วล่ะ!” ระหว่างที่พูดเขาก็เตรียมตัวเดินออกไป

พี่สะใภ้รองจ้าวอดไม่ได้ที่จะถามไปว่า “เจ้าสาม นายมาพูดเรื่องพวกนี้ที่นี่หมายความว่ายังไง?”

พี่สามจ้าวไม่เสแสร้งแล้ว เขากล่าว “ผมก็แค่อึดอัดใจน่ะครับ พ่อกับแม่ไม่ควรจะลำเอียงแบบนี้!”

“นายรู้ได้ยังไงว่าพ่อกับแม่ลำเอียง? ผักที่ซื้อมาไม่ใช่เงินที่ได้จากการขายถั่วงอกของเจ้าหกหรอกเหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว

พี่สามจ้าวขำพรืด “ขายถั่วงอกจะซื้อผักได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ? พี่สะใภ้รองเชื่อเหรอครับ?”

“ไม่ใช่ว่าเขาจะพึ่งพาการขายถั่วงอกเพื่อเป็นครัวเรือนหมื่นหยวนเหรอ?” พี่สะใภ้รองกล่าว

“ถั่วงอกของเขาทำมาจากทองคำหรือไง คุยโวแบบนี้ใครก็ทำได้! นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอครับ? นอกจากพ่อกับแม่แล้วยังจะมีใครได้อีก? ตอนที่อยู่ด้วยกัน พ่อกับแม่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำ ของกินดี ๆ ก็เก็บไว้ให้เขาทั้งหมด ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะที่ผมเห็น กลัวว่าจะมีคนรู้ก็เลยหลบ ๆ ซ่อน ๆ คงคิดว่าผมไม่รู้ล่ะมั้ง!”

พูดเรื่องนี้ขึ้นมา พี่สามจ้าวก็ถึงกับโมโห เป็นลูกเหมือนกันแท้ ๆ ทำไมถึงได้ลำเอียงแบบนี้ ตอนเด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้ โตมาก็ยังเป็นแบบนี้อีก แต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ยังเป็นแบบนี้ เจ้าหกคือลูกแท้ ๆ ส่วนพวกเขาคือลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยงสินะ!

อย่าลืมนะว่าเวลาพ่อแม่แก่แล้ว พวกเขาก็ยังต้องมานั่งดูแล ถึงเวลานั้นถ้าหากไม่ดูแลพวกเขาก็ถูกด่าว่าเป็นลูกอกตัญญูอีกไม่ใช่หรืออย่างไร?

ดังนั้นพอเขาได้ยินเรื่องผักหนึ่งคันรถ จึงเกิดความขุ่นเคืองถึงขีดสุด เขามาที่นี่ก็เพื่อบ่นกับพี่รองจ้าว แต่พี่รองจ้าวไม่อยู่ จึงได้มาเจอกับพี่สะใภ้รองที่มีความขมขื่นในใจเหมือนกันกับเขา

คำพูดนี้เป็นเสียงสะท้อนให้กับพี่สะใภ้รองจ้าว แต่ต่อให้น้องสามีสามมีท่าทีขึ้นมาก่อน แต่หล่อนก็ยังไม่พูดความในใจออกมา จึงพูดอย่างขอไปที “จะทำอะไรได้ล่ะ นั่นพ่อกับแม่นะ พวกเราที่เป็นหนุ่มสาวจะไปพูดอะไรได้!”

พี่สามจ้าวเห็นว่าพี่สะใภ้รองยังคงเสแสร้ง เขาจึงบุ้ยปากแล้วเดินออกไป ทุกคนต่างก็อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน มีใครบ้างที่ไม่รู้ความคิดของอีกฝ่าย?

สะใภ้รองจ้าวก็ไม่มีกะจิตกะใจเลือกผักแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ คิดว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องคิดหาวิธีสักอย่าง

จ้าวเหวินเทาไม่รู้อะไรเลย เขานอนจนท้องฟ้ามืดครึ้มแล้ว ทั้งยังตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมกรุ่นของอาหาร

“ภรรยาจ๋า คุณทำของอร่อยอะไรเอ่ย ถึงได้หอมขนาดนี้!” จ้าวเหวินเทาขยี้ตาพลางกล่าว

“บะหมี่น้ำค่ะ” เย่ฉูฉู่ยกน้ำอุ่นเข้ามาพลางกล่าว “มาค่ะ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นหน่อย จะได้กินข้าวกัน”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึๆ ให้ภรรยา “ภรรยาของผมแสนดีจริง ๆ เลย”

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขาอย่างแง่งอน “ล้างหน้าล้างตาค่ะ รู้สึกสดชื่นแล้วค่อยกินข้าว”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะคิกคักขณะล้างหน้า

เย่ฉูฉู่ยกอาหารเข้ามา บะหมี่นวดด้วยมือ มีหมูเส้นสีแดงและผักสีเขียวตัดกับเส้นหมี่สีขาวหิมะ เพิ่มด้วยไข่ไก่สองฟองและหัวไชเท้าขูดละเอียดหนึ่งจาน ทั้งดูดีและอร่อยจริง ๆ

หิวเสียจนจ้าวเหวินเทาดวงตาเป็นประกาย เขาหยิบตะเกียบขึ้นมารับประทาน ระหว่างนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ขณะมีอาหารอยู่ในปาก “ภรรยา คุณทำอาหารอร่อยมากจริง ๆ!”

เย่ฉูฉู่เห็นเขารับประทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ได้สนใจภาพลักษณ์แม้แต่น้อย เธอกลับรู้สึกอบอุ่นภายในใจ ทั้งยังพูดหยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรบ้างละคะที่คุณกินแล้วไม่อร่อย?”

“หึหึ ภรรยาคุณก็กินด้วยกันสิ!” จ้าวเหวินเทายิ้ม

“ค่ะ” เย่ฉูฉู่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา จากนั้นก็รับประทานในถ้วยของตนเอง

ทั้งสองคนสบตากันด้วยรอยยิ้มเป็นครั้งคราว บรรยากาศหวานเชื่อมลอยอวลระหว่างพวกเขาทั้งสอง

ทั้งสองคนยังเป็นหนุ่มสาวอายุน้อย จึงรับประทานหมดเกลี้ยงไม่ว่าจะเป็นบะหมี่หรือหัวไชเท้าหั่นฝอย หลังจากรับประทานหมดก็แอบเรอออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่าออกมา

“ภรรยาคุณพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมเก็บเอง!” จ้าวเหวินเทาพูดขณะเก็บถ้วยและตะเกียบ

เย่ฉูฉู่รีบห้ามเขา “คุณออกไปทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันจะให้คุณทำได้ยังไงคะ อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่งานที่ผู้ชายต้องทำ เดี๋ยวฉันเก็บเองค่ะ”

“ภรรยา อย่าว่าแต่ถ้วยตะเกียบแค่ไม่กี่อันเลย ต่อให้คุณอยากให้ผมอาบน้ำให้ ผมก็จะอาบให้ แค่นี้มันจะไปยากอะไรกันครับ?” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่หน้าแดงก่ำ “คุณนี่พูดจาลามกได้เต็มปากเต็มคำเลยนะคะ!”

“อีกเดี๋ยวคุณก็รู้แล้วว่าสามีของคุณยังลามกได้มากกว่านี้อีก” จ้าวเหวินเทาแอบจักจี้อยู่ภายในใจ คำพูดนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการในใจของเขา

เย่ฉูฉู่เขินอายจนทนไม่ไหวแล้ว เธอจึงไม่สนใจเขาอีก

จ้าวเหวินเทามือยาวเท้ายาว เพียงไม่นานเขาก็ล้างถ้วยและตะเกียบจนสะอาด ตอนที่ออกมาก็เห็นผักกาดขาวกองอยู่ด้านล่างหน้าต่าง

เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันขนผักไปวางไว้ในห้องใต้ดินทั้งหมดแล้ว ผักพวกนี้จะเตรียมทำเป็นผักดองค่ะ”

“ภรรยา ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ารอให้ผมตื่นก่อนเดี๋ยวผมทำเอง?” จ้าวเหวินเทาเอ่ยอย่างจนปัญญา

เย่ฉูฉู่ลากเขาเข้ามาด้านในห้อง “เห็นว่าเป็นงานแค่นั้นฉันก็เลยทำไปแล้ว พรุ่งนี้คุณยังต้องตื่นเช้าไม่ใช่เหรอคะ รีบพักผ่อนเถอะ”

“คำพูดนี้ตรงใจผมพอดีเลย” จ้าวเหวินเทาที่รับประทานจนอิ่มและดื่มจนหนำใจก็ได้อุ้มภรรยาของเขาขึ้นมา จากนั้นก็มองภรรยาที่เขารักและหวงแหนด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “ภรรยา คุณบอกผมมาตรง ๆ เถอะ ว่าคุณเป็นนางจิ้งจอกจำแลงมาทำให้ผมหลงเสน่ห์ใช่ไหม?”

เย่ฉูฉู่อายจนหน้าแดง กระซิบเสียงเบา “นี่หน้าประตูนะคะ คุณรีบปล่อยฉันลงเถอะค่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี!”

“นี่ก็มืดแล้วใครจะมาดู? ไม่เป็นไร ผมปิดประตูก็ได้!” จ้าวเหวินเทาใช้เท้าปิดประตู ก่อนจะอุ้มภรรยาเข้าไปในห้อง เมื่อกลิ้งไปถึงบนเตียงได้ก็เริ่มตระโบมจูบเธอ

“อย่าเพิ่งค่ะ ฉันยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลย” เย่ฉูฉู่หลบหลีก

“ภรรยาผมไม่ล้างหน้าก็ยังสะอาด!” จ้าวเหวินเทาจูบเธออีกครั้ง

“พูดเหลวไหล” เย่ฉูฉู่บ่น สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้หลบเขา และปล่อยให้เขาทำตามใจปรารถนา

จ้าวเหวินเทาเองก็ไม่ได้สร้างความวุ่นวายแล้ว เขากอดเธอไว้ จากนั้นซุกหน้าลงแบบแก้มแนบแก้ม ขณะพูดกับภรรยาของเขาเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้

เย่ฉูฉู่ฟังเขา ทั้งยังเอ่ยถามเป็นระยะ ทั้งสองคนดูอบอุ่นเหลือเกิน

ภรรยาที่อยู่ในอ้อมแขนเขาทั้งตัวหอมทั้งนุ่ม จ้าวเหวินเทาจึงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง “ภรรยา อันที่จริงถ้าพวกเราไปอยู่ในเมืองด้วยกัน ผมกล้าพูดเลยว่าถ้าคุณขายบะหมี่หมูเส้น คนที่อยู่ในเมืองทั้งหมดจะต้องมาต่อแถวซื้อแน่นอน บะหมี่ในคืนนี้ฝีมือระดับเดียวกับแม่ครัวใหญ่ในร้านอาหารรัฐเลยนะครับ!”

………………………………………………………………………………

[1] พังพอนมาสวัสดีปีใหม่ให้กับไก่ (黄鼠狼给鸡拜年) หมายความว่า ต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใย แต่ใจจริงมุ่งร้ายไม่หวังดี /ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ

สารจากผู้แปล

จะเอาเรื่องของบ้านหกไปเผาสินะยัยสะใภ้รอง ถ้าไม่กลัวตัวเองขายหน้าหนักกว่าเก่าก็ทำเลยค่ะ

ส่วนบ้านหกเหรอก็ปลูกอ้อยกันในห้องไม่เคยหยุด อีกไม่นานมดจะขึ้นห้องแล้วนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ปล. ตอนนี้ทางเอ็นจอยบุ๊คได้เปิดนิยายเรื่องใหม่แล้วนะคะ ชื่อว่า “ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม” ว่าด้วยนักธุรกิจสาวที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกแล้วทะลุมิติมาเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสามในนิยายจีนโบราณที่เคยอ่าน ผู้แปลลองแปลแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สนุกอีกเรื่องหนึ่ง เพราะนางเอกเรื่องนี้มีหัวคิดด้านการผลิตเครื่องสำอางและเครื่องประทินผิวเป็นจุดแข็ง ซึ่งผู้อ่านสายสุขภาพและความงามไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ ส่วนสไตล์ของนางเอกเรื่องนี้ก็มีบุคลิกเป็นสาวหัวสมัยใหม่คล้าย ๆ กับหลินชิงเหอในทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม ซึ่งน่าจะตรงจริตกับแฟน ๆ ของคุณแม่ชิงเหออยู่ ล่าสุดลงในเว็บต่าง ๆ ให้อ่านเป็นครั้งแรกแล้ว 30 ตอน อย่าลืมติดตามกันด้วยนะค้า