ตอนที่ 133 ส่งอสูรเข้าประมูล

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ณ โรงประมูลใหญ่แห่งนครไป๋อวิ๋น

ฉินอวี้โม่ถูกจัดแจงให้นั่งตรงเก้าอี้สำหรับแขกพิเศษเพื่อรอให้ผู้ฝึกสัตว์อสูรของโรงประมูลประเมินระดับของอสูรแต่ละตัวที่นางจับมาจากพงไพรแห่งฝันร้าย

ในตอนแรก เมื่อได้ยินว่าฉินอวี้โม่จะนำอสูรมายามาเข้าร่วมเป็นสินค้าสำหรับประมูล เจ้าหน้าที่ทั้งหลายในโรงประมูลก็ไม่ได้ให้ความสนใจนางมากนักเพราะการนำอสูรมายามาเข้าร่วมประมูลถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา คงมีแต่เพียงใบหน้างามล้ำของสตรีผู้มาติดต่อเท่านั้นที่ดึงดูดสายตาผู้คนได้ และหลังจากได้สติจากอาการเคลิบเคลิ้มในความงามของสตรีตรงหน้า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบก็บอกให้นางเรียกอสูรมายาที่ต้องการส่งเข้าประมูลออกมาเพื่อทำการประเมิน

ทว่าในทันทีที่ฉินอวี้โม่นำเอากรงใส่อสูรมายาจำนวนมากออกมาจากแหวนมิติอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผู้คนมากมายที่อยู่ภายในโรงประมูลใหญ่แห่งนครไป๋อวิ๋นต่างก็ชะงักค้างไปหลายอึดใจด้วยความตื่นตะลึง …ในกรงใส่อสูรเหล่านั้นทุกกรงล้วนแต่มีอสูรระดับสูงจับจองอยู่

ในตอนนั้นเอง เหล่าเจ้าหน้าที่ของโรงประมูลก็กุลีกุจอดูแลฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วอย่างดี พวกเขาไม่เพียงพานางไปพักที่ห้องรับรองพิเศษ แต่แม้แต่เถ้าแก่ของโรงประมูลแห่งนี้ก็ยังออกมาต้อนรับและทักทายนางด้วยตัวเอง

นี่ไม่ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาอีกต่อไปแล้ว หากสตรีเลอโฉมผู้นี้สามารถจับอสูรจำนวนมากมายขนาดนี้มาได้ เรื่องสถานะของนางก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงสักนิด เพราะแค่เรื่องความแข็งแกร่งของนางเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกเขาต้องยำเกรงมากแล้ว

“นายหญิงขอรับ ทางเราได้ทำการประเมินเสร็จสิ้นแล้ว อสูรที่ท่านนำมามีอสูรเทวะราชันดาราสูงทั้งหมดห้าตัว อสูรเทวะราชันดาราต่ำสิบตัว และอสูรเทวะดาราสูงอีกสี่สิบสามตัว”

ผู้ฝึกสัตว์อสูรแห่งโรงประมูลกล่าวด้วยวาจาอันนอบน้อม ในขณะที่แจ้งผลการประเมินให้สตรียิ่งใหญ่ผู้นี้ได้ฟังเม็ดเหงื่อมากมายก็ผุดพรายอยู่เต็มใบหน้าและแผ่นหลัง ยามนี้กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของเขากำลังเกร็งตัวเพราะความหวาดหวั่น

ฉินอวี้โม่พยักหน้า แม้ว่านางจะไม่ได้ตรวจนับอย่างละเอียด แต่อดีตสาวนักฆ่าก็คิดว่าจำนวนอสูรที่ตนจับมาไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปจากนี้

“เอ่อ จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยนำมันออกประมูลในงานประมูลประจำปีที่กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้เลย เพราะข้าเองก็อยากจะประมูลของหลายอย่างในงานจึงอยากจะให้ท่านช่วยหักลบราคาของที่ข้าประมูลเอาจากเงินที่ข้าจะได้จากการประมูลอสูรทั้งหมด”

ที่ฉินอวี้โม่จับอสูรมากมายพวกนี้มาก็เพราะว่านางและเสี่ยวโร่วต้องการเงินเพื่อใช้ประมูลสมบัติน่าสนใจที่จะถูกนำออกประมูลในงานประมูลประจำปีอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากอสูรทั้งหลายของนางถูกนำออกไปประมูลในงานเดียวกันนี้ด้วยแล้ว แม้จะมีเงินสดอยู่ไม่มากแต่นางก็สามารถใช้มูลค่าของอสูรเหล่านี้เป็นหลักประกันก่อนได้

เถ้าแก่ของโรงประมูลพยักหน้าตอบรับ

“ย่อมได้แน่นอน พวกเรารับรองจะช่วยอำนวยความสะดวกให้นายหญิงในงานประมูลที่จะถึงนี้อย่างดีที่สุด แล้วข้าก็กล้ารับประกันเลยว่าอสูรพวกนี้จะได้ราคาที่ดีมาก ยิ่งกว่านั้นปกติแล้วทางโรงประมูลของเราจะเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับสิ่งของที่จะนำเข้าประมูลสองในสิบของราคาที่ได้ แต่สำหรับนายหญิงแล้วเราจะลดให้เป็นพิเศษ โดยจะขอหักค่าธรรมเนียมเพียงหนึ่งในสิบก็พอ”

หากโชคชะตาไม่ได้เล่นตลกเรื่องนี้เขาก็พูดจริงทำจริง จู่ ๆ ก็มีอสูรมายาระดับสูงจำนวนมากถูกส่งเข้ามาประมูลพร้อม ๆ กันเช่นนี้  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโรงประมูลของพวกเขาคงได้โด่งดังไปทั่วแผ่นดินจากงานประมูลประจำปีคราวนี้เป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นมูลค่าของอสูรทั้งหมดนี้ต้องมหาศาลอย่างยากจะจินตนาการ แค่ค่าธรรมเนียมหนึ่งในสิบก็ทำเงินให้โรงประมูลได้มากโข ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีอย่างยิ่งที่จะลดราคาค่าธรรมเนียมให้  ไม่ใช่ว่าพวกเขาใจป้ำแต่เพื่อเป็นการสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับผู้ฝึกสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวผู้นี้ไว้

ขอเพียงผู้ฝึกสัตว์อสูรผู้นี้นำอสูรมาส่งเข้าประมูลอีกในอนาคต ชื่อเสียงของโรงประมูลใหญ่แห่งนครไป๋อวิ๋นก็จะเป็นที่เลื่องลืออย่างยากจะหาผู้ใดเทียบได้เป็นแน่

“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก”

ฉินอวี้โม่ยิ้ม เรื่องแสวงหาผลประโยชน์และกำไรเป็นความถนัดของอาชีพพ่อค้า นางเข้าใจเจตนาที่จะผูกไมตรีกับตนของเถ้าแก่โรงประมูลผู้นี้ดีจึงไม่คิดปฏิเสธ อย่างไรหนึ่งในสิบของมูลค่าอสูรพวกนี้ก็ถือว่ามหาศาลและตัวนางก็ได้ประโยชน์ไม่น้อย ในอนาคตหากนางมีอสูรส่งเข้าประมูลอีกก็จะช่วยให้นางทำเงินได้มากเลยทีเดียว

“ยินดีอย่างยิ่ง นายหญิง”

เถ้าแก่โรงประมูลยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าข้าจะติดต่อท่านได้อย่างไร ?”

“นามของข้าคือฉินอวี้โม่ ข้าคิดว่าเถ้าแก่น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง”

ฉินอวี้โม่กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพ คุณหนูตระกูลฉินบอกตัวตนของตัวเองออกไปอย่างไม่คิดปกปิด

“ฉิน อวี้ โม่ ?”

ทันทีที่ได้ยินวาจานั้น ทั้งเถ้าแก่และผู้ฝึกสัตว์อสูรของโรงประมูลต่างก็ผงะไป “คุณหนูฉินอวี้โม่จากตระกูลฉินผู้นั้นใช่หรือไม่ ?”

“ไม่ผิด ข้าคือฉินอวี้โม่คนนั้น”

ฉินอวี้โม่พยักหน้าและกล่าวต่อ “แต่ข้าอยากจะขอให้โรงประมูลของพวกท่านช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ข้าไม่อยากให้มีผู้ใดรู้ว่าอสูรทั้งหมดเป็นอสูรที่ข้าสยบมา”

โดยปกติแล้วเรื่องรักษาความลับเป็นหลักปฏิบัติอันเคร่งครัดอย่างหนึ่งของโรงประมูล ถ้าหากว่าทางผู้ส่งของเข้าประมูลอยากจะให้โรงประมูลเปิดเผยชื่อ ทางโรงประมูลก็ยินดีประกาศแจ้งให้ในช่วงเวลาแห่งการประมูลหรือติดประกาศไว้บนตัวสิ่งของ แต่หากต้องการปิดบังนามและตัวตน ทางโรงประมูลก็จะเก็บรักษาความลับให้เป็นอย่างดี

“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล นายหญิงฉินอวี้โม่สบายใจได้ พวกเราสัญญาว่าเราจะไม่บอกผู้ใดแม้เพียงครึ่งคำ”

เถ้าแก่แห่งโรงประมูลพยักหน้าแล้วเอ่ยคำมั่น เช่นเดียวกันกับผู้ฝึกสัตว์อสูรที่อยู่ข้างกายเขา

คราแรกที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของสตรีตรงหน้าจากจำนวนอสูรระดับสูงที่นางจับมาได้ สองผู้มีตำแหน่งแห่งโรงประมูลก็ตกตะลึงอย่างมากแล้ว ทว่าเมื่อได้รู้ตัวตนของนางในตอนนี้ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม

แน่นอนว่าพวกเขารู้จักนามฉินอวี้โม่ ในเวลานี้เรื่องของนางโด่งดังไปทั่วทั้งนครไป๋อวิ๋นและแทบไม่มีผู้ใดไม่เคยได้ยินนามนี้

ผู้คนมากมายต่างกล่าวขานว่า นางมีพรสวรรค์ดั่งสัตว์ประหลาดและยังองอาจกล้าหาญ ไม่เพียงแค่สังหารผู้อาวุโสสองแห่งอารามและบุตรชายของเขาเท่านั้น แต่ยังทำให้กลุ่มคนจากอารามที่ถูกส่งมากำจัดนางต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปอย่างน่าอนาถ และในเรื่องหลังนี้เองที่ทำให้ทุกคนต่างพากันชื่นชมในตัวสตรีตระกูลฉินผู้นี้มาก เพราะว่ากันว่าเหตุผลที่นางทำเช่นนั้นก็เพื่อสหายของตัวเอง

เป็นเพราะคนจากอารามพยายามทำร้ายสหายของนาง ฉินอวี้โม่จึงลงมือจัดการคนพวกนั้นอย่างหนักหน่วงโดยไม่คิดกริ่งเกรงในความยิ่งใหญ่และลึกลับของอารามแม้แต่น้อย

พวกเขาไม่คิดเลยว่าไม่เพียงแต่ฉินอวี้โม่จะมีฝีมือสูงส่งดุจสัตว์ประหลาดเท่านั้น แต่นางยังมีพรสวรรค์ในด้านการฝึกสัตว์อสูรที่เหนือชั้นกว่ายอดฝีมือทั่วไปมากอีกด้วย อายุเพียงสิบเจ็ดปีก็เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่เก่งกาจได้ถึงระดับนี้แล้ว เรื่องนี้นับว่าน่าอัศจรรย์มาก

เวลานี้เถ้าแก่โรงประมูลตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องผูกสายสัมพันธ์กับคุณหนูสี่ตระกูลฉินผู้นี้ให้ได้ หากทำได้ในอนาคตโรงประมูลของเขาก็จะได้ผลประโยชน์มหาศาลเป็นแน่

“เช่นนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน สำหรับงานประมูลประจำปีที่จะจัดขึ้น รบกวนเถ้าแก่จองที่ไว้ให้ข้าด้วย”

ฉินอวี้โม่ส่งยิ้มให้คู่สนทนาทั้งสองอย่างเป็นมิตรอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากขอตัวลา

“พวกเราจะเตรียมที่ดี ๆ ไว้ให้นายหญิงอย่างแน่นอน”

ผู้ดูแลสูงสุดแห่งโรงประมูลพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างที่แสนปลาบปลื้ม

“เถ้าแก่ โปรดอย่าเรียกข้าว่านายหญิง ท่านเรียกข้าว่าฉินอวี้โม่หรืออวี้โม่เฉย ๆ ก็พอ”

เมื่อกล่าวจบ ฉินอวี้โม่ก็พาเสี่ยวโร่วออกไปจากห้องรับรองของโรงประมูล

“ศักยภาพของแม่นางฉินอวี้โม่ช่างไร้ขีดจำกัดจริง ๆ”

หลังจากร่างของฉินอวี้โม่หายลับสายตาไป เถ้าแก่แห่งโรงประมูลใหญ่ก็ถอนหายใจออกมา

“ขอรับ อายุแค่นี้กลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เท่านั้นยังไม่พอยังเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับสูง พรสวรรค์ของนางไม่ด้อยไปกว่าหานโม่ฉือผู้นั้น หรือแม้แต่อวิ๋นซื่อเทียนอัจฉริยะแห่งยุคเมื่อร้อยปีก่อนเลย ไม่นึกเลยว่าตระกูลฉินจะเก็บซ่อนอัจฉริยะเช่นนี้เอาไว้มาโดยตลอด”

ผู้ฝึกสัตว์อสูรกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยำเกรง เขารู้สึกคลับคล้ายว่าตนกำลังมองเห็นผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็น*‘ผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับตำนาน’*อยู่ลาง ๆ แล้ว

“ผู้อาวุโสหวัง ข้าอยากจะรู้จากสายตาผู้ฝึกสัตว์ของท่าน แม่นางฉินเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับใดรึ ?”

เถ้าแก่มองผู้ฝึกสัตว์อสูรประจำโรงประมูลของเขาพลางกล่าวถามอย่างใคร่รู้

“อย่างต่ำนางก็น่าจะอยู่ในระดับปรมาจารย์ หรืออาจจะสูงถึงระดับจักรพรรดิเลยก็ได้ ทักษะของนางสูงส่งกว่าข้าอย่างเทียบกันไม่ได้”

ผู้ฝึกสัตว์อสูรแห่งโรงประมูลถอนหายใจยาวออกมาขณะทอดสายตามองไปยังจุดที่สตรีตระกูลฉินผู้เก่งกาจเดินจากไป ภายในแววตาอาวุโสฉายประกายแห่งความเลื่อมใสเทิดทูน น้อยครั้งนักจะมีผู้ใดได้รู้จักพบเจอกับบุคคลระดับตำนานด้วยตัวเองเช่นนี้ ตัวเขาในวันนี้นับว่ามีกำไรอย่างยิ่งยวดแล้ว

หลังจากที่ออกมาจากโรงประมูล ฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วก็กลับไปยังตระกูลฉิน

หลายวันหลังจากนั้น ทั้งสาวใช้น้อยและคุณหนูของนางใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการฝึกร่างกายเล็ก ๆ น้อย ๆ และพักผ่อนอยู่ภายในเรือนพักของจวนตระกูลฉินโดยไม่ได้ออกไปที่ใด

สองวันก่อนงานประมูลประจำปีจะเริ่มต้น บนถนนในนครไป๋อวิ๋นก็ครึกครื้นขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เพราะในช่วงเช้าของวัน ทางโรงประมูลได้ให้คนไปเคลื่อนย้ายสินค้าสำหรับประมูลจากโกดังไปยังหอประมูล ซึ่งนั่นก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนบนท้องถนนและชาวบ้านร้านตลาดได้เป็นอย่างมาก

ในที่สุดวันงานประมูลประจำปีก็มาถึง นครไป๋อวิ๋นดูคึกคักมีชีวิตชีวายิ่งนัก เมื่อทราบอย่างคร่าว ๆ ไปก่อนแล้วว่าในปีนี้มีสิ่งใดที่จะถูกนำออกมาประมูลบ้าง ผู้ที่มุ่งหมายใจจะร่วมประมูลจึงตื่นเต้นกันถ้วนหน้า

“อวี้โม่ เสี่ยวโร่ว พวกเจ้าพร้อมกันรึยัง ?”

ฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วเพิ่งจะเตรียมตัวเสร็จ ในตอนที่กำลังเดินออกจากจวนก็ได้ยินเสียงของเยว่ชิงเฉิงดังมาแต่ไกล

“พวกเราพร้อมแล้ว”

ฉินอวี้โม่ส่งเสียงตอบรับ ก่อนจะพาเสี่ยวโร่วเดินตรงไปหาสหายช่างหลอม

เยว่ชิงเฉิงกำลังยืนรออยู่ไม่ไกลจากประตูหน้าของจวน ข้างกายนางไม่มีผู้ใดอยู่เลย นอกเหนือจากโอวหยางชิงเฟิงเท่านั้น

“องค์ชายฉีอวี้กับคนอื่น ๆ ไม่ไปด้วยกันหรอกหรือ ?”

ฉินอวี้โม่ยังจำได้ดี เยว่ชิงเฉิงบอกว่าจะชวนสหายมากมายมาด้วย ทว่ากลับเห็นมีแต่สหายที่คุณหนูช่างหลอมตั้งใจจะละเลยเท่านั้นที่อยู่ด้วยในตอนนี้ คุณหนูตระกูลฉินจึงไถ่ถามด้วยความสงสัย

“อย่าเอ่ยถึงเรื่องนั้นเลย งานประมูลครั้งนี้ครึกครื้นมาก ผู้คนมากมายต่างก็หมายใจจะเข้าร่วม แม้แต่ทางสมาชิกราชวงศ์ก็ยังมาเข้าร่วมด้วย งานนี้ทั้งฉีอวี้ ฉีฉี หลิงเฟิง หลิงซวงต้องไปพร้อมกับครอบครัวของเขา ก็เลยมากับพวกเราไม่ได้”

เยว่ชิงเฉิงเอ่ยตอบพลางโบกไม้โบกมือ ในตอนที่เอ่ยชวนสหายสูงศักดิ์ทั้งหลาย นางก็ได้ทราบว่าพวกเขาจะไปพร้อมกับครอบครัว นางจึงไม่เซ้าซี้ชวนอีก

“แล้วพวกเจ้าสองคนไม่ไปกับตระกูลตัวเองบ้างหรือ ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้ม นางเข้าใจเหตุผลของสหายทั้งหลายแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนั้น อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นว่าภายในงานประมูลมีสมบัติล้ำค่าสิ่งใดอยู่กันแน่ ถึงดึงดูดผู้คนได้มากมาย กระทั่งแม้แต่เหล่าราชนิกุลเกือบทั้งหมดก็ยังเสด็จมาเข้าร่วม

“สมาคมช่างหลอมของเราจะไม่เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้”

เยว่ชิงเฉิงส่ายศีรษะ อันที่จริง โอกาสที่สมาคมช่างหลอมจะเข้าร่วมงานประมูลนั้นมีน้อยมาก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของท่านปรมาจารย์เยว่เหยาและประธานสมาคมคนปัจจุบันที่ไม่ค่อยชื่นชอบบรรยากาศของการประมูลจึงมีน้อยครั้งนักที่พวกเขาจะเข้าร่วมงาน นอกเสียจากมีของที่ทางสมาคมต้องการจริง ๆ เท่านั้น

“ตระกูลโอวหยางเราก็เข้าร่วมด้วย แต่ข้าไม่อยากไปพร้อมกับพวกเขาเพราะมันน่าเบื่อ ข้ามากับพวกเจ้าดีกว่า”

โอวหยางชิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของเยว่ชิงเฉิง เขาก็รีบวิ่งออกจากจวน ซึ่งก็แน่นอนว่าผู้อาวุโสทั้งหลายในตระกูลโอวหยางต่างก็รู้จักนิสัยของคุณชายรองผู้นี้ดี ไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้แน่ พวกเขาจึงทำใจและทำได้แต่เพียงปล่อยเขาไป

“เช่นนี้เอง งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

ฉินอวี้โม่พยักหน้า หลังจากนั้นสหายทั้งสี่ก็พากันออกเดินทางไปยังโรงประมูลใหญ่แห่งนครไป๋อวิ๋น

ที่ตั้งของโรงประมูลดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากจวนตระกูลฉินมากนัก ทั้งสี่คนใช้เวลาเดินทางไม่ถึงหนึ่งก้านธูป อาคารที่ตั้งของหอประมูลก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

ก่อนจะได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ฉินอวี้โม่ก็มองเห็นบุรุษอาวุโสผู้ฝึกสัตว์อสูรของโรงประมูลก่อน อีกฝ่ายเองก็เห็นพวกนางแล้วเช่นกันจึงรีบตรงเข้ามาต้อนรับ

บุรุษอาวุโสส่งยิ้มให้คุณหนูตระกูลฉินอย่างนอบน้อม ก่อนจะกระซิบบอกให้พวกนางตามเขาไปเพื่อไปเข้าทางประตูด้านหลังของหอประมูล

ฉินอวี้โม่พยักหน้าและเดินตามไปอย่างไม่ลังเล

ตามปกติแล้วประตูด้านหลังของหอประมูลแห่งนี้ถือเป็นสถานที่สงวนสิทธิ์ มันจะถูกปิดเอาไว้และไม่อนุญาตให้คนภายนอกผ่านเข้าออกได้ แม้แต่คนงานบางคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะไม่มีสิทธิ์ใช้ ทว่าในครั้งนี้เนื่องจากฉินอวี้โม่เป็นแขกพิเศษของโรงประมูลจึงยอมให้ผ่านไปได้เป็นกรณีพิเศษ

ทางฝั่งโอวหยางชิงเฟิงและเยว่ชิงเฉิงนั้นไม่ทราบเลยว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นจึงได้แต่ทำหน้างุนงงและเดินตามสหายไปเงียบ ๆ เยว่ชิงเฉิงอยากจะถามฉินอวี้โม่หรือเสี่ยวโร่วแต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากในตอนนี้ นางจึงเก็บคำถามเอาไว้และตั้งใจจะถามเมื่อได้อยู่กันเฉพาะกลุ่มสหาย

ผู้ฝึกสัตว์อสูรของโรงประมูลพาฉินอวี้โม่และสหายทั้งสามเข้าไปยังชั้นสามของหอประมูล

บนชั้นสามของหอประมูลแห่งนี้มีห้องอยู่เพียงสองห้องเท่านั้น และทั้งสองห้องนี้ก็ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับแขกพิเศษของโรงประมูล ทั้งสองห้องล้วนจัดแต่งไว้อย่างดี พื้นที่ภายในห้องดูสว่างไสวสบายตาและกว้างขวาง เมื่อนั่งอยู่ด้านใน เหล่าแขกพิเศษจะสามารถมองเห็นภายนอกได้อย่างชัดเจน ทว่าผู้ที่อยู่ภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้

หลังจากจัดการให้ทั้งสี่คนนั่งที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ฝึกสัตว์อสูรของโรงประมูลก็ยิ้มก่อนจะกล่าว “รอสักครู่ อีกประมาณครึ่งชั่วยามการประมูลก็จะเริ่มขึ้นแล้วขอรับ”

ฉินอวี้โม่และสหายทั้งหมดพยักหน้าก่อนที่ผู้ฝึกสัตว์อสูรของโรงประมูลจะขอตัวออกจากห้องไป

“อวี้โม่ บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

เยว่ชิงเฉิงจ้องมองคุณหนูตระกูลฉินพลางคาดคั้นเอาความจริง

“เท่าที่ข้ารู้ ห้องบนชั้นที่สามนี้ปกติแล้วจะถูกปิดเอาไว้ หากไม่มีแขกที่พิเศษจริง ๆ พวกเขาจะไม่มีทางเปิดห้องนี้ให้ใครเข้า”

โอวหยางชิงเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองสหายตระกูลฉินด้วยใบหน้าฉงน

“อวี้โม่ ไม่ใช่ว่าเจ้านำของล้ำค่ามาร่วมประมูลด้วยหรอกนะ ?”

“ยินดีด้วย ! ชิงเฉิง เจ้าตอบถูก”

ฉินอวี้โม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “พอดีว่าเมื่อหลายวันก่อนข้าจับอสูรได้กลุ่มหนึ่ง ข้าก็เลยส่งพวกมันเข้าประมูล ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเห็นข้าเป็นบุคคลผู้ทรงเกียรติแบบนี้”

เมื่อได้ฟัง ทั้งเยว่ชิงเฉิงและโอวหยางชิงเฟิงก็นิ่งไปอย่างหมดคำพูด

มีใครบ้างที่ไม่รู้เรื่องนี้ ? ผู้ที่จะมาใช้ห้องพิเศษที่ชั้นสามได้จะต้องส่งสิ่งของล้ำค่าเข้าประมูล และของล้ำค่าที่ว่าก็มักจะมีมูลค่าสูง*‘เหนือจินตนาการ’*ฉินอวี้โม่กล่าวเพียงว่าส่งอสูรกลุ่มหนึ่งเข้าประมูล ต่อให้ใช้ฝ่าเท้าคิดก็พอจะคาดเดาถึงระดับอสูรที่นางส่งเข้าประมูลได้

‘สัตว์ประหลาดชัด ๆ !’

คุณชายรองตระกูลโอวหยางและคุณหนูใหญ่ตระกูลเยว่อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนใจอย่างพร้อมเพรียงกัน

.