ตอนที่ 79 แพคเกจทำอัลบั้มสุดแพง

Perfect Superstar

ตอนที่ 79 แพคเกจทำอัลบั้มสุดแพง

วันเที่ 10 เดือนมิถุนายน ลู่เฉินเดินทางกลับปักกิ่ง

หยุดอารมณ์ซึมเซาจากการจากลาในพิธีจบการศึกษา เขาตั้งสติแล้วออกเดินทางใหม่อีกครั้ง

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สถานะของเขาไม่ใช่นักศึกษาบนหอคอยงาช้างอีกแล้ว แต่เป็นมนุษย์สังคมคนหนึ่งอย่างแท้จริง

หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เขาจะต้องไล่ล่าตามความฝันต่อไป!

ณ ตอนนี้ ลู่เฉินยังไม่รู้ว่าอนาคตยังมีเหตุการณ์อะไรบ้างที่รอคอยเขาอยู่ ไม่รู้ว่าเส้นทางที่เขาต้องเดินจะสดใส โรยด้วยกลีบดอกไม้ หรือเป็นเส้นทางที่มีแต่ขวากหนามอันตราย

แต่เขาก็ไม่กลัว ทั้งยังตั้งหน้าตั้งตาคอย!

วันที่ 11 มิถุนายน วันพฤหัส ตอนกลางคืน

ลู่เฉินมาถึงตึกเต๋อหลง ที่ตั้งอยู่ตรงเขตวงแหวนชั้นที่ 4 ของเมือง

ตึกเต๋อหลงเป็นอาคารพาณิชย์สูง 58 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเขตวงแหวนชั้นที่สี่ของเมืองหลวงซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่คึกคักที่สุด ช่วงก่อนลู่เฉินเคยมาที่นี่แล้วสองครั้ง เพื่อเข้าร่วมการทำเพลงของวงเฮสิเทชั่นสองเพลงที่ค่ายเพลงเทียนไล่บนชั้น 35

ค่ายเพลงเทียนไล่มีชื่อเสียงมากในเว็บบอร์ดดนตรีของปักกิ่ง ก่อตั้งขึ้นเมื่อสิบปีก่อน เน้นรับงานทำเพลงและสนับสนุนธุรกิจเป็นหลัก มีพร้อมทั้งอุปกรณ์ทันสมัยและพนักงานที่มีความสามารถเฉพาะทางซึ่งเก่งกาจ

ผู้ประสบความสำเร็จมากมายในวงการต่างเคยมาที่ค่ายเพลงเทียนไล่แห่งนี้เพื่อทำเพลงของตัวเอง ชิงอวี่มีเดียเลือกทำเพลงอัลบั้มแรกกับค่ายเพลงเทียนไล่เพื่อเปิดฉากการเปิดตัวก้าวแรกด้านเพลงป็อป

คุณภาพเป็นที่หนึ่ง!

การเข้าร่วมของลู่เฉินถึงจะไม่ได้ลึกซึ้ง แต่ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจในอิทธิพลของค่ายเพลงเทียนไล่มากขึ้น

ดังนั้นเขาจึงคิดว่าอยากยกอัลบั้มแรกของตัวเองให้เทียนไล่เป็นผู้จัดทำ

ความคิดอยากทำอัลบั้มของตัวเองเริ่มขึ้นเมื่อลู่เฉินได้เซ็นสัญญากับ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ต่อมาเมื่องานแข่งขันการแสดงผ่านไป บรรณาธิการของเว็บไซต์ดนตรีอวิ๋นจิ่งเจรจากับเขาแล้ว ถึงจะตัดสินใจทำจริงจัง

ลู่เฉินอยากได้อัลบั้มชุดนี้มาปูทางให้ตัวเองเข้าสู่วงการดนตรี!

ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญมาก เป็นเรื่องแรกที่จะลงมือทำเมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง

ในห้องรับรองของค่ายเพลงเทียนไล่ ลู่เฉินพบกับตัวแทนจากบริษัทเป็นครั้งแรก

ตัวแทนของบริษัทเธอแซ่หนี อายุประมาณ 30 ปี เป็นผู้มีประสบการณ์ในอาชีพมาอย่างโชกโชน การแต่งตัวแต่งหน้าดูภูมิฐาน แม้แต่รอยยิ้มยังแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพ ทำให้ผู้มาเยือนไม่รู้สึกถึงการละเลย

คุณหนีคนนี้พูดจาด้วยเสียงเล็กนุ่ม “คุณลู่เฉินคะ นี่เป็นรายการราคาของการทำเพลงของบริษัทเรา ในนี้แบ่งเป็นแพคเกจ A B C D และ E ห้าแพคเกจ แน่นอนว่าถ้าคุณมีความต้องการอย่างอื่นเพิ่มเติม ทางบริษัทของเราทำให้คุณได้ค่ะ”

ลู่เฉินพยักหน้า รับตารางแสดงราคามาดูอย่างละเอียด

สองครั้งก่อนมาค่ายเพลงเทียนไล่ก็เพื่อช่วยเหลือการทำเพลง ไม่เคยสอบถามถึงเรื่องราคา ตอนนี้ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

ตารางเสนอราคานี้จัดทำขึ้นเพื่อการทำอัลบั้มโดยเฉพาะ ประกอบด้วยการแต่งเนื้อร้อง อัดเสียง และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ตอนหลัง ทั้งห้าแพคเกจนี้ แพคเกจที่ถูกที่สุดคือแพคเกจ E ราคาคือหนึ่งแสน ส่วนที่ราคาสูงที่สุดคือแพคเกจ A ราคาคือหนึ่งล้าน ต่างกันตั้ง 10 เท่า!

ก่อนที่จะมาค่ายเพลงเทียนไล่ ลู่เฉินทำความเข้าใจการทำเพลงเดี่ยวและการออกอัลบั้มมาแล้ว

เมืองหลวงเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมแห่งชาติทางด้านดนตรี มีบริษัทเดียมากเหมือนขนวัว ศิลปินที่ทำงานเกี่ยวกับเพลงมีมากมายเป็นหลายล้านคน ทั้งออฟฟิศใหญ่น้อย ห้องอัดเสียง และบริษัททำเพลงเยอะแยะเต็มไปหมด

ถ้าเน้นที่ความสนุกสนานไม่เน้นคุณภาพ ในอินเตอร์เน็ตสามารถหาคนมาทำอัลบั้มให้ได้โดยตรง

แต่ถ้าอยากลิ้มลองการเข้าห้องอัดเสียง ก็ต้องยอมจ่ายราคาหนึ่งถึงสองหมื่นหยวนเพื่อตอบสนองความต้องการ

แน่นอนว่าเป็นพวกงานเถื่อนทั้งนั้น หากอยากได้เพลงเดี่ยวหรืออัลบั้มที่เป็นผลงานชั้นยอดจริงๆ จะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก หนึ่งหรือสองหมื่นถือเป็นขั้นต่ำ หลายแสนยังไม่ถือว่าแพง คุณภาพสูงตามราคา

ดังนั้นอย่ามองว่านักร้องสมัครเล่นในปักกิ่งมีมากมาย หลายคนทั้งชีวิตยังไม่เคยออกอัลบั้มเลยสักครั้ง นอกจากเพลงแล้ว ค่าใช้จ่ายในการทำเพลงก็เป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปยังต้องเผยแพร่โฆษณาอีก หากขายไม่ออกก็ขาดทุน!

ส่วนเพลงที่ใช้เงินหลายแสนทำออกมาแต่ไม่มีลู่ทางเผยแพร่ จะมอบให้ฟรียังไม่มีใครอยากได้

การจะเป็นบริษัทที่มีเงินทุนมหาศาลได้นั้น ค่ายเพลงเทียนไล่ต้องมีความเป็นมืออาชีพมาก ตารางแสดงราคาแจกแจงรายละเอียดของทั้งห้าแพคเกจอย่างชัดเจน ทำให้คนอ่านเข้าใจ

ลู่เฉินอ่านจบแล้ว เขาพอใจแพคเกจ C มากที่สุด ได้คนมีชื่อเสียงแต่งเนื้อเพลงให้ มีทั้งโปรดิวเซอร์และวงดนตรีประกอบ การอัดเสียงที่มีคุณภาพสูง และขั้นตอนอื่นๆ หลังการทำเพลงเสร็จแล้ว ราคาห้าแสนหยวน เท่ากับเพลงละห้าหมื่น

ไม่ใช่ว่าแพคเกจ A และ B จะสู้แพคเกจ C ไม่ได้ แต่ราคาของแพคเกจ A และ B ไม่ใช่ราคาที่ลู่เฉินจะสามารถแบกรับได้

ต่อให้เป็นแพคเกจ C ตอนนี้เขาก็ยังไม่มีเงินมากพอ

ส่วนแพคเกจ D ที่ราคาสองหมื่นห้ากับแพคเกจ E ที่ราคาหนึ่งหมื่น หากเทียบกับแพคเกจ C แล้วไม่ค่อยคุ้มค่า

หากไม่ได้ดูแลบ้านก็จะไม่รู้ว่าค่าฟืนไฟมันแพง!

ลู่เฉินแอบถอนใจหาย เขาบีบใบตารางราคาไว้แล้วลองหยั่งเชิงถาม “คุณหนีครับ ถ้าเป็นแพคเกจ C ทางบริษัทมีส่วนลดให้ไหม”

เขาเคยได้ยินฉินฮั่นหยางเล่าว่าสามารถต่อรองราคากับบริษัทได้

คุณหนีตอบอย่างจริงใจว่า “คุณลู่คะ ในขอบเขตอำนาจของฉันลดให้คุณได้มากที่สุด 5% ค่ะ ถ้าคุณขอให้ทางผู้จัดการหรือโปรดิวเซอร์หลักเซ็นให้ อย่างมากที่สุดจะลดได้ 10%”

ลู่เฉินได้ยินดังนั้นก็ถอดใจ อย่าเพิ่งเอ่ยถึงผู้จัดการหรือโปรดิวเซอร์ของค่ายเพลงเทียนไล่ที่เขาไม่รู้จักเลย ต่อให้ได้ลายเซ็นมาแล้ว ลดไป 10% ก็ยังเหลืออีกตั้งสี่แสนห้า

ลู่เฉินรู้ดีที่สุด แต่เป็นเพราะตัวเขาต้องการก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง ถ้าเป็นชิงอวี่มิเดียมาเจรจาละก็ จะต้องขอลดราคาได้ต่ำกว่านี้อีกแน่ ใครใช้ให้เขาหัวเดียวกระเทียมลีบเล่า

พูดกันว่าต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา นักร้องที่เซ็นสัญญากับบริษัทตัวแทนด้านดนตรีต้องเสียสิทธิ์อันชอบธรรมในเพลงและอิสรภาพไป แต่ยังมีผลประโยชน์อื่นอีกหลายอย่าง เช่นด้านการทำเพลงและการเผยแพร่ที่ไม่ต้องกังวล แค่ต้องออกแรงมากหน่อย

แต่ลู่เฉินก็ไม่เสียใจกับทางเลือกของตัวเอง!

เขาคิดแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอคิดดูก่อน คุณหนีครับ ตารางราคานี้ผมนำกลับไปได้ไหมครับ”

คุณหนียิ้มอย่างมีมารยาท “ได้แน่นอนค่ะ หากคุณมีปัญหาอะไรก็สอบถามฉันได้โดยตรงเลย”

เธอได้ให้นามบัตรของเธอกับลู่เฉินตั้งแต่ตอนพบหน้ากันแล้ว

“ขอบคุณครับ!”

ลู่เฉินถือตารางราคา ออกมาจากค่ายเพลงเทียนไล่

ความจริงด้วยสภาพของลู่เฉินในตอนนี้ เงินสี่แสนห้าไม่ถือว่าเป็นเงินที่มากเกินไป ผ่านไปอีกช่วงหนึ่งเขาจะหาคืนเงินมาได้ หรือไม่ก็คิดหาวิธีขายเพลงไปสักสองเพลงก็เพียงพอแล้ว

หากแต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง นั่นคือลงทุนไปมากมายขนาดนี้จะได้กำไรคืนหรือเปล่า

ลู่เฉินไม่มั่นใจ

ลู่เฉินออกอากาศในเว็บไซต์ออนไลน์ประสบความสำเร็จอยู่ในระดับหนึ่ง มีแฟนคลับจำนวนมาก ทว่าในวงการดนตรีถือว่าเป็นคนหน้าใหม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ยังเป็นคนนอกวงการอยู่ และไม่มีอิทธิพลใดๆ เลย

อีกทั้งการออกอัลบั้มออนไลน์ก็ยังมีปัญหาด้านการขโมยชิ้นงาน การออกอัลบั้มออนไลน์ราคาต่ำมาก แต่คนที่ยอมจ่ายกลับมีไม่มาก เพราะหลังจากออกอัลบั้มไปไม่นานจะพบว่าผลงานตัวเองถูกขโมยไปปล่อยเป็นเพลงฟรีอยู่วันยังค่ำ

เหตุผลเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ อย่าคิดว่าเขามีแฟนคลับหลายแสนคน รางวัลที่ได้เขาได้รับมานั้น คนที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายให้เป็นเพียงส่วนน้อย

อัลบั้มต้องออกแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ลู่เฉินไม่อยากขาดทุน แล้วก็ไม่อยากให้คุณภาพงานเสีย ถ้าอย่างนั้นปัญหาจะยิ่งใหญ่โต…ความคิดสมบูรณ์แบบ แต่ความจริงกลับโหดร้าย!

ระหว่างคิดไม่ตกอยู่ในใจ เขาลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่างสุดของอาคารเต๋อหลง

เพิ่งเดินออกจากลิฟต์ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนก้าวอย่างว่องไวเข้ามาขวางทางลู่เฉินไว้

“คุณผู้ชายท่านนี้ ขอถามหน่อยครับ คุณเตรียมจะทำเพลงกับค่ายเพลงเทียนไล่ใช่ไหม”

ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างเล็ก ตัวผอม สวมเสื้อผ้าที่ไม่พอดีกับตัวเอาเสียเลย ยิ่งทำให้เขาดูผอมแห้งภายใต้เสื้อผ้าหลวมโพรก

ท่าทีตอนเขาพูดดูตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาหันไปเหลือบมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ห่างไปไม่ไกลหลายครั้ง

“เอ่อ…”

ลู่เฉินนิ่งค้าง ถามอย่างสงสัยว่า “คุณมีธุระอะไรหรือครับ”

ชายวัยกลางคนผ่อนคลายลง เขาหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นให้ลู่เฉินด้วยมือทั้งสอง

“ผมชื่อหวังฉางเซิง เป็นผู้จัดการของสตูดิโอเนี่ยผาน เราคุยกันหน่อยได้ไหมครับ”

เขาพูดอย่างเร็ว แฝงไปด้วยความลุกลี้ลุกลนและความหวัง

สตูดิโอเนี่ยผาน?

ลู่เฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน หลังจากลังเลเล็กน้อยก็ตอบว่า “ได้ครับ”

หลักๆ คือเขาสนใจใคร่รู้

ชั้นหนึ่งของตึกเต๋อหลงมีร้านน้ำชาตั้งอยู่ ทั้งสองหาที่นั่งลงคุยกัน แล้วสั่งน้ำชามากาหนึ่ง

เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ลู่เฉินถามขึ้นมาเป็นคำถามแรกว่า “ผู้จัดการหวัง คุณรู้ได้ยังไงครับว่าผมจะมาทำเพลงที่ค่ายเพลงเทียนไล่”

ผู้จัดการหวังชี้นิ้วไปที่ตารางราคาบนโต๊ะซึ่งลู่เฉินวางไว้ พูดอย่างเกรงอกเกรงใจว่า “ผมเห็นคุณถือเอกสารฉบับนี้อยู่ ดังนั้นเลยมาลองเสี่ยงโชคดูครับ”

ลู่เฉินหลุดยิ้มทันที

………………………………………………………………