บทที่ 26 ไม่สามารถฟาร์มปีศาจที่เป็นกลางได้

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

‘ต้องใช้เวลากว่าสองเดือนในการอัปเกรดระบบเป็นเลเวล 10 หากต้องการอัปเกรดให้ถึงเลเวล 100 จะต้องใช้เวลาขนาดไหนกัน เว้นแต่จะเกิดสถานการณ์พิเศษขึ้นอีก และเปิดให้ใช้งานโมดูลแต่งงานก่อนเวลา ทว่า ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา แม้กระทั่งระบบเองก็ไม่รู้เงื่อนไขการเปิดใช้งาน ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ตะลึงกับความสำเร็จอัน ‘ทบเท่าพันทวี’ นั่น…’ ฟางหนิงคิดแบบนี้ และหลังจากที่เขาล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงานไปชั่วคราว จึงมีใจหันมามองชายที่พูดจาดูถูกคนอื่นคนนั้น

เมื่อเขาหันไปก็พบว่า ที่แท้ชายคนนั้นเป็นวัยรุ่นอายุราวยี่สิบปี หนุ่มกว่าเขา รูปร่างค่อนข้างสูง สัดส่วนดี หน้าตาหล่อเหลา แต่แววตาแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง

ฟางหนิงมองลงไปที่พุงน้อยๆ ของตนเองก็พลันรู้สึกถูกโจมตี แต่หลังจากคิดดูแล้ว ‘จะกลัวทำไม ในเมื่อเรามีระบบ!’

“ฉีเทา วัยรุ่นควรรู้จักควบคุมตัวเองซะบ้าง แม้สินค้าของตระกูลฉีจะดี ก็ไม่ควรขับไล่แขกออกไปแบบนี้…” ประธานจ้าวเป็นคนสุขุมเยือกเย็น เขายังคงข่มอารมณ์ไว้ได้และเอ่ยอย่างสุภาพ

ฉีเทาเดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมแก้วที่เต็มไปด้วยไวน์แดง เขาก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วมองไปทางฟางหนิงและประธานจ้าวอย่างรังเกียจ

“ผมจะกล้าทำแบบนั้นได้อย่างไร? ขืนผมไล่ประธานจ้าวผู้มั่งคั่งออกไป พี่ชายเย่ว์รู้เข้าได้เอาผมตายแน่ ผมเพียงแต่เตือนท่านด้วยความหวังดี แทนที่จะยกลูกสาวสุดที่รักให้กับคนมีพลังพิเศษไร้ประโยชน์แบบนี้ สู้ยกให้ผมดีกว่า และผมจะช่วยรับช่วงดูแลกิจการของท่านต่อเอง โชคดีที่ประธานจ้าวมีลูกสาวคนสวยที่พอเข้าตาผมบ้าง ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ผมไม่สนใจหรอก ว่าพวกเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร”

ฟางหนิงฟังแล้วถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ความคิดบ้าคลั่งผุดขึ้นมา ‘อะไรกัน? ไม่เคยมีใครว่าฉันแบบนี้มาก่อน ฉันผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างในการใช้พลังเหนือธรรมชาติอย่างสันติจนกลายเป็นเศรษฐี และถึงขนาดที่ระบบเรียนซ้ำนั่นนำไปถ่ายทอดสด แต่หมอนี่กลับเรียกฉันว่าผู้มีพลังพิเศษไร้ประโยชน์อย่างนั้นเหรอ? ฉันไปทำอะไรให้หมอนี่ขุ่นเคืองกัน?’

เขาเพ่งมองอีกครั้ง และตั้งใจนึกย้อนความทรงจำเก่าๆ จากนั้นก็มั่นใจว่าตนไม่ได้รู้จักกับคนที่ชื่อฉีเทาเลยแม้แต่น้อย และไม่เคยทำอะไรให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองด้วย

ในเวลานี้ สีหน้าของประธานจ้าวก็พลันเคร่งขรึมขึ้น “คุณชายฉีไม่ต้องห่วง ตอนนี้มีหน่วยกิจการพิเศษรักษาความสงบสุขอยู่ทุกหนแห่ง จึงยังไม่จำเป็นที่จะต้องให้เผ่าพื้นบ้านอย่างตระกูลฉีเข้ามาจุ้นจ้าน”

เมื่อฉีเทาได้ยินดังนั้นก็แสดงสีหน้าเสียดาย เขาส่ายหัวไปมาและชี้ไปที่ประธานจ้าวพร้อมกับพูดว่า

“ประธานจ้าวก็เลยคิดว่า การได้พ่อครัวฝีมือดีกลับไปเป็นลูกเขยย่อมมีประโยชน์กว่าสินะ ไม่เพียงจะได้รับผู้มีพลังพิเศษมาสืบทอดเชื้อสาย นักชิมอาวุโสอย่างท่านเองก็จะได้เพลิดเพลินกับอาหารอร่อยๆ ในทุกๆ วันอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว วางแผนได้ดีทีเดียว ท่านยังคงฉลาดเหมือนเดิมนะครับ แต่น่าเสียดาย ประธานจ้าว แม้พ่อครัวจะมีฝีมือดีแค่ไหนก็เป็นได้แค่พ่อครัวอยู่วันยังค่ำ ในอนาคตก็เป็นได้แค่คนที่คอยรับใช้ใครสักคนเท่านั้น มีเพียงตอนนี้ที่ยังพอมีคนยอมชื่นชมเยินยอ แต่ก็เป็นแบบนี้ได้ไม่นานหรอก หึๆ…”

เมื่อจุดประสงค์ที่แท้จริงของประธานจ้าวถูกเปิดเผย และดูเหมือนคำพูดของอีกฝ่ายใช่ว่าจะไม่มีเป้าหมาย สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ในทางกลับกัน ลูกสาวของเขาหลิ่วเหยายังคงนั่งนิ่งเงียบไม่พูดจา ราวกับว่าคนที่พวกเขากำลังพูดถึงไม่ใช่เธอ

ขณะที่ทั้งคู่กำลังโต้เถียงกัน กลับเป็นฟางหนิงที่เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา

เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจกับจุดประสงค์ของประธานจ้าว แถมแอบรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ เมื่อครู่เขาได้ใช้มุมมองระบบแอบมองหลิ่วเหยาลูกสาวของประธานจ้าวแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะเผยหน้าสด หน้าตาสวยหวานละมุนราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ทำให้คนมองรู้สึกทนไม่ได้ที่อยากจะเอื้อมมือไปสัมผัส

ฉีเทาเป็นใครกัน คิดอยากจะสอดมือเข้ามาจุ้นจ้าน แถมด่าว่าเขาเป็นพ่อครัวไร้ประโยชน์ไม่หยุด เขาทนไม่ไหวจริงๆ

‘เมื่อก่อนฉันเป็นแค่โอตาคุที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ว่าจะถูกโจมตีอย่างไรก็จำต้องอดทนเอาไว้ แต่ตอนนี้ฉันเป็นชายผู้ถูกระบบครองร่างเชียวนะ จะอดทนต่อไปทำไมกัน?’

ฟางหนิงคิดแบบนี้ และขณะที่เขากำลังจะเรียกเทพแห่งระบบออกมาช่วยจัดการ ระบบกลับชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว

“น่าเสียดายจริงๆ ความโกรธของโฮสต์เพิ่งระเบิดเป็นครั้งแรก สามารถเติมสล็อตความโกรธได้ถึงสองอันเชียวนะ แต่มันกลับสูญเปล่า ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ระบบใช้มันไปกับการฟาร์มปีศาจไม่ดีกว่าเหรอ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ระบบพูด ฟางหนิงก็แทบกระอักเลือด “นั่นไม่ใช่ประเด็นสิ ฉันโดนดูถูกขนาดนี้ แกไม่รู้สึกเห็นใจบ้างเหรอ?”

ระบบ “เห็นใจโฮสต์เรื่องอะไรล่ะ? การถูกเยาะเย้ยไม่ได้ทำให้โฮสต์เสียค่าประสบการณ์สักหน่อย ถ้าสล็อตความโกรธยังไม่เต็ม ก็ยังสามารถสะสมความโกรธได้”

ให้ตายเถอะ ฟางหนิงรู้สึกยอมแพ้กับระบบงี่เง่าไร้หัวใจนี้จริงๆ แต่เมื่อเขาลองคิดมุมกลับ ‘ต้องหลอกระบบนี้สักหน่อยแล้วล่ะ’

“เฮ้ ระบบ แกอยากจัดการเจ้าหมอนี่คืนนี้เลยไหม ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว จะต้องเป็นผู้มีพลังพิเศษ มีค่าประสบการณ์ไม่น้อยแน่นอน”

ตามคาด เมื่อพูดถึงเรื่องฟาร์มปีศาจเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง เทพแห่งระบบก็ไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป “แน่นอนอยู่แล้ว ความจริงแล้วค่าประสบการณ์ของหมอนี่สูงจนน่าสยดสยอง แค่ดูบนแผนที่ระบบโฮสต์ก็จะรู้ว่า เขาเหลืองจนเปล่งประกาย แถมประกายสีแดงด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง มีศักยภาพสูง และเป็นอภิมหาชั่วร้ายเชียวล่ะ แต่มันไม่ใช่สีแดง จะฟาร์มยังไง? เขาอาจมีความผิดมหันต์ แต่กฎมีข้อจำกัด ผู้ผดุงคุณธรรมจะฟาร์มได้เฉพาะเหล่าปีศาจที่กำลังก่ออาชญากรรมเท่านั้น ไม่สามารถลงมือกับผู้บริสุทธิ์ได้”

ฟางหนิงถูกเทพแห่งระบบสกัดกั้นด้วยกฎเกณฑ์ แต่เมื่อเขามองไปที่ฉีเทาซึ่งยังคงมีท่าทีได้ใจ จึงไม่อยากยอมแพ้

การปะทะกันในวันนี้ ทำให้เขารู้ว่า หากในอนาคตตนต้องการเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านอย่างสบายใจล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ตนจะไม่แส่หาเรื่อง ปัญหาก็ต้องวิ่งเข้ามาหาเอง และแม้เขาจะขี้เล่นแค่ไหน ก็แยกแยะได้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ก่อนถึงจะทำทุกอย่างได้อย่างสบายใจ ยิ่งไปกว่านั้น คู่นัดบอดของตัวเองยังเป็นที่หมายปองของคนอื่นด้วย จะให้เขาทนต่อไปได้อย่างไร…

เขานึกถึงเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็มีความคิดพิสดารผุดขึ้นมา

“แกบอกว่าถ้ามีคนพยายามโจมตีฉัน และเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่อฉัน คนคนนั้นจะยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่อีกไหม?”

ในฐานะผู้เล่นมากประสบการณ์ ฟางหนิงคุ้นเคยกับการตั้งค่าเกมอย่างยิ่ง การจู่โจมผู้เล่นชื่อขาวอย่างไร้เหตุผลจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน ในบางเกมชื่อจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองก่อน และเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากฆ่าคน และบางครั้งก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลย แต่ตัวระบบเป็นสายคุณธรรมอยู่แล้ว การโจมตี ‘คนชอบธรรม’ อย่างมันอาจเปลี่ยนเป็นสีแดงไปเลย

“แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ถ้ากล้าคุกคามร่างสถิตของระบบ ก็นับว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจอันดับหนึ่ง! ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาคนนั้นจะมีความชอบธรรมและสูงส่งแค่ไหน ล้วนถือเป็นความผิดมหันต์ ความผิดร้ายแรง มหันตโทษ…ระบบจะต้องกำจัดมัน!” ครั้งนี้ระบบตอบกลับโดยไม่รีรอ ไม่มีความลังเลใจเลยสักนิด

ซึ่งนี่คือการตั้งค่าที่ลึกที่สุดในระบบ

หลังจากฟางหนิงพูดจบ ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา เขาจึงบอกกับระบบว่า “จับตาดูแผนที่ระบบให้ดี และดูวิธีการโจมตีทางจิตวิญญาณของเรา…”

ขณะที่เทพแห่งระบบกำลังงุนงงกับศัพท์ใหม่ ก็เห็นฟางหนิงกำลังขมวดคิ้วให้กับฉีเทาที่กำลังดูถูกเขา จากนั้นก็ยกมือกุมหน้าอก กลอกตา และล้มลงอย่างช้าๆ มือข้างหนึ่งพยายามยื่นไปจับอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น ชุดเครื่องจานชามบนโต๊ะก็ไถลลงทั้งหมด

“เกิดอะไรขึ้น ประธานฟาง คุณฟาง? คุณเป็นอะไรไหม?” ประธานจ้าวรีบเข้าไปประคองฟางหนิงเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าฟางหนิงมีปัญหาสุขภาพอะไรไหม หรือตอนนี้เขาจะโกรธมากจนโรคหัวใจกำเริบ?

“ผม… ถ้าผมถูกกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล ผมก็จะรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก เร็วเข้า ช่วยพาผมไปโรงพยาบาลทีครับ ผมต้องการการรักษา…” ฟางหนิงพูดอย่างยากลำบาก ท่าทางดูเจ็บปวดมากทีเดียว หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หมดสติและล้มไปที่ประธานจ้าว

จู่ๆ ผู้คนในงานก็ตื่นตะหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก หลิ่วเหยาซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นด้วยความกังวล และเข้ามาช่วยประคองฟางหนิงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ประธานจ้าวผ่านโลกมามาก เขารีบโทรเรียกรถพยาบาล ร่วมด้วยช่วยกันกับลูกสาววางฟางหนิงราบกับพื้น และเรียกหาใครสักคนมาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ฟางหนิง

มีเพียงฉีเทาเท่านั้นที่แสดงสีหน้าเฉยเมย จากท่าทีไม่แยแสของเขา ดูเหมือนอยากให้ฟางหนิงตายๆ ไปกับความโกรธเลยดีที่สุด…

รถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็ว จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันยกฟางหนิงขึ้นไปบนรถ ประธานจ้าวและหลิ่วเหยาก็ขึ้นรถไปด้วยในฐานะคนในครอบครัว

บนรถพยาบาลนั้น กลุ่มหมอและพยาบาลต่างกำลังยุ่งกับการวัดความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และเปิดเส้นให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ…

หลังจากนั้นไม่นาน หมอคนหนึ่งก็จ้องไปที่ค่าต่างๆ ด้วยความสับสนเล็กน้อย “ร่างกายของผู้ป่วยแข็งแรงเกินมาตรฐาน แล้วทำไมจู่ๆ เขาถึงได้สลบไป?”

“เป็นไปได้ไหมว่าผู้ป่วยจะมีภาวะอื่น และจะกำเริบเมื่อถูกกระตุ้น?” หมออีกคนสันนิษฐาน

‘จู่ๆ ก็กำเริบอะไรกัน’ ขณะนี้เทพแห่งระบบรู้สึกงงงวย มันรู้ดีว่าร่างกายของฟางหนิงไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย หัวใจเขาเต้นแรงกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเสียอีก…

แต่บนแผนที่ระบบ ทำไมจู่ๆ ฉีเทาถึงได้เปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดงล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น จากแดงเป็นม่วง จากม่วงเป็นดำ ทั้งๆ ที่ห่างกันไกลมากแล้ว แต่ไม่มีวี่แววที่จะคืนค่ากลับไปเหมือนเก่าเลย…

แน่นอนว่ามันเข้าใจความหมายของสีนี้ดี อย่างที่มันพูดกับฟางหนิงเมื่อครู่ ปีศาจตัวนี้ไม่เพียงแต่มีค่าประสบการณ์ที่สูง ยังมีระดับความผิดบาปที่สูงมากด้วย ซึ่งหมายความว่า การจัดการปีศาจตัวนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยอัพเกรดระดับ แต่สล็อตพลังปราณที่เพิ่งปลดล็อกไม่นานมานี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อาจถึงเต็มเลยก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจอปีศาจแบบนี้ในยามสงบ…

“ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ? โฮสต์ทำได้ยังไงกัน?” เทพแห่งระบบอดถามออกไปไม่ได้ดูเหมือนว่ามันจะค้นพบสิ่งใหม่อีกแล้ว…

หากมันมีตัวตนและดวงตา ฟางหนิงคงได้เห็นแววตาของมันกำลังเป็นประกาย…

“คิดไม่ถึงล่ะสิ ถ้าพูดถึงการเข้าใจกฎของระบบ ฉันอาจไม่รอบรู้เท่าแก แต่รู้ลึกกว่าแกแน่นอน เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง จริงด้วย อย่าเพิ่งควบคุมร่างกายของฉันล่ะ”

เวลานี้ สติของฟางหนิงกลับไปซ่อนตัวอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบอีกครั้ง ด้านระบบที่รีบร้อนอยากรู้คำตอบ ในเวลานี้ได้กลายเป็นเด็กประถมที่ว่านอนสอนง่าย เลิกควบคุมร่างกายของเขาทันที ‘อย่างไรเสียก็มีหมอคอยดูอยู่แล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก’

ในสายตาของคนอื่น ฟางหนิงโกรธจนเป็นลมหมดสติไป

ผู้คนในนั้นล้วนเป็นอัจฉริยะ หมอฉุกเฉินก็มาจากโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง มีสถานการณ์ไหนที่พวกเขายังไม่เคยเจอบ้าง มีผู้ป่วยจำนวนมากที่แกล้งตายแต่ความจริงไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรเลย

การเล่นละครตบตาไม่ใช่เรื่องง่าย ปฏิกิริยาทางสรีระวิทยาต่างๆ ของคนมีสติกับคนหมดสตินั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้จากการวินิจฉัยของพวกเขา แม้ว่าฟางหนิงจะไม่มีปัญหาทางร่างกาย แต่เขาหมดสติไปจริงๆ นี่ไม่ใช่การแสร้งทำแน่นอน

ประธานจ้าวที่ขึ้นไปกับรถพยาบาล ถามไถ่อาการจากหมอ เขารู้ว่าตอนนี้ฟางหนิงหมดสติไปแล้ว เขาไม่สงสัยเลยว่าหมอกำลังโกหก เพราะฟางหนิงไม่มีทางติดต่อกับหมอฉุกเฉินเหล่านี้มาก่อนแน่นอน

เขารู้สึกเห็นใจเล็กน้อย ‘เจ้าเด็กคนนี้ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ก็เลยไม่สามารถทนปากพล่อยๆ ของคนแบบนั้นได้ น่าสงสารจริงๆ’

หลิ่วเหยาเองก็เฝ้ามอง ‘ฟางหนิง’ ที่หมดสติไปด้วยความเป็นห่วง เธอไม่คิดว่าจะมีคน ‘โกรธจนเป็นลมหมดสติไป’ เพราะเธอ…

……………………………………………………..