บทที่ 27 การตัดสินใจของระบบ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

ณ ด้านหลังห้องจัดเลี้ยง

“มีคนรายงานว่าเมื่อกี้แกเถียงกับประธานจ้าวเหรอ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีที่สวมแว่นกรอบทองเดินเข้าไปหาฉีเทาพร้อมเอ่ยปากถาม

“เปล่า ฉันก็แค่สนใจลูกสาวของเขาเท่านั้น แต่เขากลับปฏิเสธที่จะยกลูกสาวให้ฉัน คนตะกละตะกลามอย่างเขาน่ะ กลับชอบผู้มีพลังพิเศษไร้ประโยชน์ที่มีเพียงทักษะการทำอาหารมากกว่า ฉันเลยเดินเข้าไปสร้างความบันเทิงให้พวกเขาสักหน่อย ไม่คิดว่าไอ้ขยะนั่นจะถึงกับเป็นลมหมดสติ ตลกชะมัด ขยะก็คือขยะจริงๆ…” ฉีเทาตอบหน้าตาเฉย

ชายสวมแว่นกรอบทองหงุดหงิดเล็กน้อย “แกอยากจะแสดงความเป็นเพลย์บอยของตัวเองก็ได้ แต่ต้องดูสถานการณ์ด้วย เขาจะเป็นขยะหรือไม่นั้น ถ้ามีปัญญาเข้ามานั่งในนี้ ก็คือพวกคนรวย นี่คือวิธีการสร้างสีสันให้ลูกค้าของแกเหรอ?”

เมื่อฉีเทาถูกชายสวมแว่นกรอบทองตำหนิซึ่งๆ หน้าก็พลันโมโหขึ้นมา “เหอะ คุณชายฉี ต่อหน้าคนอื่นฉันเห็นว่านายเป็นที่เคารพน่านับหน้าถือตาก็เลยไว้หน้า โดยการเรียกนายว่าพี่เย่ว์ เพื่อยกเวทีให้นายได้แสดงเต็มที่ นายคิดว่าฉันกลัวนายจริงๆ เหรอ? กล้าดียังไงมาสั่งสอนฉัน อย่าลืมล่ะ ที่นายสำเร็จได้นั้น ต้องยกความดีความชอบให้ปู่ของฉันครึ่งหนึ่งด้วย!”

หลังจากที่เขาพูดจบ ก็สะบัดหน้าและเดินออกจากประตูหลังไป

ฉีเย่ว์มองแผ่นหลังอันเหิมเกริมของอีกฝ่าย แววตาเย็นชาลง ตามคาด มีบุญคุณแต่ไร้อำนาจก็ไม่มีความหมาย

เวลานี้เทพแห่งระบบว่านอนสอนง่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันรอฟังฟางหนิงอธิบายว่าเขาทำได้อย่างไร นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่ได้รับพลังพิเศษ ‘ตอบแทนดั่งสายธาร’

เห็นได้ว่าวิธีหลอกลวงทางจิตวิญญาณที่ฟางหนิงเพิ่งคิดขึ้นเมื่อครู่สำคัญแค่ไหน…

แน่นอนว่าสำคัญมาก ซึ่งมันหมายความว่าระบบจะสามารถฟาร์มปีศาจสีเหลืองที่ทรงพลังได้มากมาย และประสิทธิภาพก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วระบบมันจะไม่ว่าง่ายได้ยังไงล่ะ…

ถึงขั้นที่ว่ามันพยายามอดทนทิ้งปีศาจสีแดงประกายม่วงไว้ไม่ฟาร์ม ถ้าเป็นเวลาอื่น ถึงแม้จะต้องวิ่งจากทิศตะวันออกของเมืองไปยังทิศตะวันตกของเมือง แม้มีเวลาน้อยนิดแค่ไหน มันก็ต้องวิ่งตามแน่นอน…

โชคดีที่ฟางหนิงรู้ว่าเขากับระบบเป็นหนึ่งเดียวกัน ในอนาคตข้างหน้าตัวเองจะสามารถนั่งอ่านนิยายและเล่นเกมอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ยิ่งอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากเท่าไร ตนก็ยิ่งมั่นคง…

ฟางหนิงพูดว่า “จริงๆ แล้วมันง่ายมาก ฉันอ่านนิยายมามาก และหมอนั่นมาถึงก็ด่าฉันว่าขยะ ซึ่งถือเป็นการโจมตีร่างกายของฉันแล้ว และเมื่อฉันคิดมากเข้าไปอีก การคุกคามของเขาที่มีต่อฉันก็ยิ่งชัดเจน…”

“คุกคามอะไร? ไม่เห็นรู้สึกเลย จริงอยู่ที่เขาแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าใช้ทักษะลับล่ะก็ เขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของระบบ” ระบบไม่เข้าใจ

เทพแห่งระบบยอดเยี่ยมจริงๆ ฟางหนิงหมดคำพูด แต่ก็ยังคงพูดต่อ “เขาบอกว่าฉันเป็นขยะ และต้องการที่จะแย่งคู่นัดบอดของฉันด้วย ถ้าเขาเป็นคนธรรมดาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เขาคือคนที่มีศักยภาพสูงที่แกพูดถึง ถ้าตอนนี้มีการชิงคนเกิดขึ้น ในอนาคตข้างหน้าก็คงคิดจะกำจัดฉันให้สิ้นซากแน่นอน ขืนปล่อยเอาไว้ วันหนึ่งที่เขาเติบโตขึ้น ไม่ใช่ภัยคุกคามอันใหญ่หลวงเหรอ?”

“แม้ว่าถึงเวลานั้นแกจะสามารถโต้ตอบได้ แต่เขาคือคนของตระกูลฉี มีผู้อาวุโสมากมายอยู่เบื้องหลัง จำเป็นต้องมีการตอบโต้ นี่ไม่ใช่นิยายแนวขายความฟินที่ฉันติดตามหรอกนะ ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่มีพลังเหนือกว่าขีดจำกัดของแก ฉันจะไม่ตาย ไปเลยหรือไง? ทันทีที่ฉันคิดได้ว่าจะมีผลร้ายแรงมากขนาดนี้ ซึ่งก็คือจะทำให้ฉันไม่สามารถอ่านนิยายและเล่นเกมอย่างสบายใจในทุกวันได้อีก ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทนมีชีวิตต่อไปได้แล้ว…”

ระบบเริ่มเข้าใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงสับสน “ฟังดูมีเหตุผล ถึงแม้ว่าสิ่งที่โฮสต์พูดจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและหลักฐาน แต่ก็เป็นแค่การเพ้อฝันเท่านั้น แล้วโฮสต์ทำให้แผนที่ระบบเปลี่ยนสีปีศาจตัวนี้ได้อย่างไร? ระบบยังทำไม่ได้เลย”

“แน่นอนว่าแกไม่สามารถทำได้หรอก แกเคยบอกแต่แรกแล้วว่า แกเป็นแค่ระบบที่ทำงานตามกฎที่ตั้งไว้จึงจะได้รับพลัง ไม่สามารถทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่แกจะไม่รู้ว่ามีการตั้งค่าลับ ไม่อย่างนั้นเมื่อตอนได้รับพลังพิเศษ ‘ตอบแทนดั่งสายธาร’ แกคงไม่ตกใจแบบนั้น แต่ฉันเป็นโฮสต์ ฉันมีวิธีเรียกใช้การตั้งค่าลับอยู่แล้ว” ฟางหนิงค่อนข้างมีความอดทน เขาต้องทำให้เจ้าระบบงี่เง่านี่เชื่อเขาให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะเก็บซ่อนจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา

เขาค่อยๆ โน้มน้าวทีละนิด “สำหรับโอตาคุที่อ่านนิยายมาหลากหลายแนว การกดขี่ข่มเหงที่ไม่ใช่แค่จินตภาพ โดยมีหลักฐานยืนยันแบบนี้ก็จะกลายเป็นความโหยหาอย่างหนึ่ง แกลืมวิธีปลดล็อก ‘พระคุณแห่งหยดน้ำ’ ที่ได้รับก่อนหน้านี้แล้วเหรอ?”

“ในการแจ้งเตือนแจ้งว่าได้บรรลุความโหยหาในการตอบแทนบุญคุณของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ? ความโหยหาใหม่นี้มีแนวโน้มที่จะไปกระตุ้นการตั้งค่าลับบางอย่าง และวิธีการกระตุ้นที่ง่ายที่สุดก็คือ การตั้งค่าให้ฉีเทากลายเป็นศัตรูที่จู่โจมฉันโดยตรง เพื่อให้แกกำจัดเขา แกคิดว่าฉันพูดถูกไหม”

ระบบตอบกลับ “ถูกต้อง!”

เมื่อฟางหนิงได้ยินก็ดีใจอย่างยิ่ง เจ้าระบบงี่เง่านี่มันหลอกง่ายจริงๆ เพียงสะกิดเล็กน้อยมันก็เชื่อไปหมด อันที่จริง ถ้ามันมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์ ก็จะรู้ในทันที

การที่เขาสามารถกระตุ้นความโหยหาของการตั้งค่าลับเมื่อครู่นั้น ไม่ได้เกิดจากการถูกกดขี่ข่มเหง และไม่ใช่ความคิดใหม่ แต่มันมีมาโดยตลอด และหยั่งรากลึกในกระดูกไปแล้ว ความโหยหาไม่ใช่ความคิดแปลกใหม่ มันจะเกิดขึ้นโดยเปลี่ยนมุมมองเพียงเล็กน้อยได้อย่างไร ก็เพราะระบบไม่ใช่มนุษย์ ไม่มีอารมณ์ และไม่เข้าใจความซับซ้อนของอารมณ์มนุษย์ จึงหลอกได้ง่าย ถ้าเป็นมนุษย์ล่ะก็ คงจับพิรุธได้นานแล้ว

การที่ความโหยหาในการตอบแทนบุญคุณของตัวเองบังเกิดขึ้น มันต้องใช้เวลากว่าสิบปี…

เช่นนั้นแล้ว อีกความโหยหาในตัวเขาที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นล่ะคืออะไร? มันชัดเจนจนไม่สามารถชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว

ฟางหนิงคิดในใจ ไม่บอกเจ้าระบบงี่เง่านี้หรอก ถ้าบอกมัน ขืนมันหาทางขจัดความโหยหานั้นของเราได้ ชีวิตนี้จะมีอะไรน่าสนุกอีก? อีกอย่าง เขาไม่ต้องการและไม่สามารถกำจัดความโหยหานี้อยู่แล้ว ตราบใดที่มันยังคงอยู่ ก็เท่ากับว่าได้สร้างบัฟฟาร์มปีศาจถาวรให้กับเทพแห่งระบบ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีปีศาจให้ฟาร์ม

ก่อนหน้านี้ที่ใช้อาวุธเทพในการดึงดูดปีศาจนั้นได้ผลก็จริง ทว่า ไม่สามารถควบคุมได้ แต่บัฟนี้สามารถเปิดใช้งานได้ตามต้องการ และการรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด…

ขณะฟางหนิงกำลังครุ่นคิด เวลานี้เทพแห่งระบบที่กำลังถูกหลอกจนเป็นง่อยก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“โฮสต์ หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ระบบต้องยอมรับความแตกต่างในไอคิวของเรา และระบบเพิ่งทำการตัดสินใจที่ค่อนข้างลำบากใจไป…”

“ตัดสินใจอะไร” ขออย่าได้เป็นเรื่องที่ฉันโจมตีเจ้าระบบงี่เง่านี่จนมันหมดความมั่นใจและต้องถอนการติดตั้งระบบอัตโนมัตินะ ฟางหนิงกังวลใจมาก เพราะเขาพบว่า การถูกครองร่างแบบนี้ก็สะดวกสบายดีเหมือนกัน ซึ่งมันทำให้เขาได้บรรลุความปรารถนาและความโหยหาที่แท้จริงของตัวเอง…

โชคดีที่สิ่งเลวร้ายนี้ไม่เกิดขึ้น…

ระบบตอบกลับ “ถ้าในอนาคตข้างหน้ามีปัญหาที่แก้ไขไม่ได้อีก ระบบจะหยุดระบบความคิดทั้งหมดอัตโนมัติ และเรียกโฮสต์ออกมาจัดการแทน”

ฟางหนิงแทบกระอักเลือด เป็นการตัดสินใจที่ลำบากใจจริงๆ แต่เขาไม่ยอมทำงานฟรีๆ หรอก “แล้วฉันจะได้อะไรตอบแทน?”

“โฮสต์สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการในระบบร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ บางทีโฮสต์อาจเจอแนวคิดใหม่ๆ จากนิยายหรือเกม…”

เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว ในที่สุดต่อไปนี้ก็จะสามารถเล่นเกมได้อย่างสบายใจแล้วสินะ แต่ฟางหนิงได้คืบจะเอาศอก “ถ้าฉันกำลังยุ่ง และไม่มีเวลาออกมาช่วยแกแก้ปัญหาล่ะ?”

ระบบตอบ “ก็แค่ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต”

เจ้านี่มันโหดเหี้ยมจริงๆ ฟางหนิงกระอักเลือดอีกครั้ง “แล้วถ้าฉันออกมาแล้วไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ล่ะ?”

ระบบตอบกลับอีกครั้ง “ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเหมือนกัน”

เทพแห่งระบบก็เอาแต่ใจเป็นด้วยสินะ…

ฟางหนิง “แล้วแกจะทำอะไร?”

ระบบเอ่ยตอบ “ฟาร์มปีศาจและฝึกวิทยายุทธ”

เมื่อฟางหนิงได้ยินประโยคนี้ก็ตื่นตกใจ ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ‘ฉันพอจะรู้แล้วว่าระบบอย่างแกเกิดขึ้นได้ยังไง’

จำได้แล้ว ในคืนเทศกาลชีซีที่มีดาวตกเพลิงนั้นเขาเป็นลมไป และไปชนเข้ากับโน๊ตบุ๊ก เขาจำได้ชัดเจนว่าวันนั้นมีเลือดออกด้วย แต่สุดท้ายกลับไม่มีร่องรอยอะไรเหลืออยู่เลย และในวันนั้น เขากำลังเล่นเกมจอมยุทธ์ออนไลน์ที่ดัดแปลงมาจากเกมออนไลน์ปัญญาอ่อนเก่าแก่ ถ้าระบบงี่เง่าอย่างแกไม่ได้มีวิวัฒนาการมาจากมันล่ะก็ ต่อไปไอคิวของฟางหนิงก็เทียบเท่ากับมัน…

หลังจากรู้เบื้องลึกของระบบแล้ว ฟางหนิงก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ไม่ต้องคอยกังวลอีกว่าเจ้าระบบนี่จะยึดครองร่างกายของเขาในวันหนึ่ง และยึดครองความรู้สึกนึกคิดของเขาไปด้วย ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามปีแน่นอน ‘แต่มันจะดีกว่าถ้าแกยอมรับความพ่ายแพ้เหมือนอย่างวันนี้ หลายเดือนมานี้ฉันต้องคอยกังวลในตอนอ่านนิยายและตอนเล่นเกมอยู่เรื่อย ทว่าตอนนี้ก็วางใจได้แล้วล่ะ แต่ไอ้สารเลวที่อยากจะชิงคู่นัดบอดของฉัน ทำให้ฉันนอนไม่เต็มอิ่มและเล่นได้ไม่เต็มที่คนนั้น ทางที่ดีต้องรีบกำจัดโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยไว้ให้มากระทบกิจวัตรประจำวันของฉัน…’

ระบบแจ้งเตือน: ความโหยหาของโฮสต์เพิ่มขึ้น หากแข็งแกร่งขึ้นอีกสามระดับ จะไม่สามารถขจัดออกไปได้อีก

ระบบ “??”

ฟางหนิงคิดในใจ ไอ้ระบบงี่เง่านี้คงไม่ได้มองอะไรออกใช่ไหม แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองคิดมากเกินไป

เทพแห่งระบบไม่ได้สนใจกับการแจ้งเตือนนี้แต่อย่างใด ดูเหมือนว่าการตัดสินใจที่ลำบากใจเมื่อครู่ ทำให้มันเลิกวิเคราะห์โดยสิ้นเชิง “ระบบเห็นบนแผนที่ระบบ สีของไอ้เจ้าฉีเทาเข้มขึ้นกว่าเดิม เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำเลยทีเดียว ยังต้องรออีกไหม”

ฟางหนิงตอบกลับ “รอไปก่อน ฉันขอถามหน่อยเถอะ ตอนนี้เรามีสล็อตความโกรธ และได้รับสล็อตพลังปราณล่วงหน้าที่จะเปิดให้ใช้งานก็ต่อเมื่อถึงระดับ 50 และมีผลทวีคูณ ในระหว่างนี้จะมีปีศาจที่แกสู้ไม่ไหวอีกหรือเปล่า?”

ระบบเอ่ย “ไม่มี เดิมทีมีแค่ความโกรธ อาศัยทักษะลับเพียงลำพังยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่เมื่อมีสล็อตพลังปราณ จะทำให้พลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า อีกอย่าง ถ้าฝ่ายตรงข้ามมุ่งเป้ามาที่เราซึ่งเป็นผู้ผดุงคุณธรรมแล้ว ก็ถือเป็นคนชั่วทันที พลังปราณของเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าเราขยันสักนิด คอยสั่งสมสล็อตพลังปราณให้เต็ม เป็นไปไม่ได้ที่จะมีปีศาจที่เราฟาร์มไม่ไหว แม้ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเราก็สามารถหลบหนีได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ตอนนี้สามารถไปจัดการเขาได้แล้วใช่ไหม”

ฟางหนิงลังเล “รออีกสักนิด อย่างที่ฉันเพิ่งบอกไป ปีศาจตัวนี้ไม่ใช่ปีศาจป่าเหมือนที่ผ่านๆ มา มันมีรากฐานที่ลึกล้ำและเป็นปีศาจประเภทใหม่ในยุคใหม่ จึงไม่สามารถจัดการอย่างไร้สมองได้ เราต้องรวบรวมข้อมูลกันก่อน เพื่อหาแผนที่ดีที่สุด”

ระบบชี้แจง “ก่อนที่โฮสต์จะคิดแผนที่ดีที่สุดออก ขอตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก่อน…”

‘เชี่ย!’ ฟางหนิงสบถแล้วรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ ฉันต้องใช้ในการหาข้อมูล”

“ไม่ต้อง โฮสต์อยากรู้อะไรก็ถามมาได้เลย ระบบจะหาให้เอง ซึ่งเร็วกว่าแน่นอน ละเอียดและลึกซึ้งกว่าด้วย หลายวันมานี้ระบบได้ทดลองแล้ว พบว่าการเข้าอินเทอร์เน็ตไม่ยากอะไร มันคล้ายๆ กับการก้าวข้ามกำแพงบล็อก ระบบก็เลยลองเข้าไปท่องเว็บที่โฮสต์เคยบอกมารอบหนึ่ง ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าโฮสต์ต้องการอะไร ระบบจะดึงมาให้ และคัดลอกไปยังเครื่องของโฮสต์…” ถึงแม้ระบบจะงี่เง่าแค่ไหน แต่มันก็รู้ว่าถ้าเจ้าหมอนี่ได้เล่นจะต้องลืมหน้าที่ของตัวเองแน่นอน ดังนั้นการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

‘ให้ตาย แกมันร้ายนัก’ ฟางหนิงเริ่มคิดกังวลถึงวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดทันที เขาไม่ยอมให้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเด็ดขาด! ‘นิยายยังรอการอัปเดตได้ แต่เพื่อนๆ ในเกมนั้น ไม่มี ‘ขาแบก’ อย่างเขาก็คงอยู่รอดได้ไม่นานหรอก ถ้าต้องรอหลายวัน คงแยกย้ายกันหมดก่อนพอดี’

…………………………………………………………….