ตอนที่ 311 วันนี้ข้าจะกินเนื้อหมาให้ได้!

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ท่าทางต้าไป๋จะดูตื่นเต้นมากในยามเช้าตรู่ ถือหนังสือโป๊เปิดให้อันหลินดู

“พี่อัน ข้าชอบคนนี้ที่สุดเลย”

“แต่ว่านะ…คนนี้รูปโฉมงามสะคราญ ข้าก็ชอบเหมือนกัน โฮ่ง!”

ความแค้นของอันหลินกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาไม่อยากดู แต่หนังสืออยู่ตรงหน้า คลองจักษุของเขาก็อยู่ตรงนี้ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเบือนหน้าหนีหรือหลับตาด้วยซ้ำ

“กริ๊ด!” จู่ๆ เสียงแหลมปรี๊ดที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

ซูเฉี่ยนอวิ๋นยกมือปิดใบหน้าที่แดงเรื่อ หันหลังแล้ววิ่งหนีไป

อันหลิน “…”

ต้าไป๋เห็นดังนั้นก็เก็บอาการ เก็บหนังสือโป๊เงียบๆ

“พี่อัน ไม่ว่าเจ้าจะดูภาพพวกนี้ได้หรือไม่ ข้าก็จะไม่ยอมแพ้”

“ทุกอย่างที่ข้าทำ ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าจดจำความดีของข้า…”

“พรุ่งนี้ข้าจะเอาใหม่ โฮ่ง!”

อันหลิน “…”

ไม่ต้องห่วง การกระทำที่ชวนให้หยุดหายใจของต้าไป๋ เขาจะไม่ลืมเด็ดขาด

อรุณรุ่ง เซวียนหยวนเฉิงก็ออกจากการทำสมาธิกำหนดลมหายใจแล้ว

เขาถือกระบี่โบราณ ฝึกกระบี่ต่อหน้าอันหลิน

ทุกกระบวนท่าล้วนแฝงจิตวิญญาณแห่งสรรพสิ่ง ประณีตชดช้อย

ท่วงท่าที่ร่ายรำงดงามมีเสน่ห์ บอกได้คำเดียวว่า หล่อ!

การรำกระบี่ที่น่าดูชมแบบนี้ต่างหากที่เป็นภาพที่ปกติ

เช้าตรู่ควรจะชมของพรรค์นี้สิถึงจะถูก

มองพี่เฉิงแล้วมองต้าไป๋ อันหลินอยากกินเนื้อหมาขึ้นมาอีกแล้ว

เวลาล่วงเลยไปอย่างเชื่องช้า

ยามเที่ยง สวีเสี่ยวหลานปรากฏตัวตรงหน้าอันหลินอีกครั้ง

สีหน้าของนางดูเป็นปกติขึ้นเยอะแล้ว ขยิบตาใส่ใบหน้าที่นิ่งค้างของอันหลินอย่างซุกซน จากนั้นเดินไปพูดคุยสัพเพเหระ เล่นหมากรุก จิบชาที่ศาลา

“สหายเสี่ยวหลาน ไยเจ้านอนนานปานนี้เล่า” ซูเฉี่ยนอวิ๋นคล้องแขนสวีเสี่ยวหลานแล้วถามอย่างแปลกใจ

“อ้อ…ช่วงเวลาที่ผ่อนคลายเช่นนี้ ต้องนอนตื่นสายสักหน่อยสิ” สวีเสี่ยวหลานหาวหวอดๆ ตอบอย่างยิ้มแย้ม

ซูเฉี่ยนอวิ๋นเชิดใบหน้าเกลี้ยงเกลา บ่นกระปอดกระแปดว่า “เสี่ยวหลาน ข้าจะบอกอะไรให้นะ ต้าไป๋เป็นสุนัขลามก เจ้าต้องอยู่ให้ห่างจากมัน”

“โฮ่ง! ซูเฉี่ยนอวิ๋นใส่ร้ายข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!” ต้าไป๋ไม่พอใจขึ้นมาทันที พูดอย่างเต็มปากว่า “ทุกอย่างที่ข้าทำเมื่อเช้านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่พี่อันกำชับให้ข้าทำก่อนจะแข็งตัว!”

อันหลิน “…”

จะนึ่งต้าไป๋ดี หรือว่าตุ๋นน้ำแดงดีล่ะ

ซูเฉี่ยนอวิ๋นถลึงดวงตาสีน้ำเงินจนโต พูดอย่างตกใจระคนสงสัยว่า “จริงหรือ”

“แน่นอนสิ! เจ้าคิดว่าข้าเป็นสุนัขพรรค์นั้นหรือ” ต้าไป๋ตอบเป็นจริงเป็นจัง

“เช้านี้ต้าไป๋ทำอะไรหรือ” สวีเสี่ยวหลานถามด้วยความอยากรู้

“คือว่า…” ใบหน้าเนียนนุ่มของซูเฉี่ยนอวิ๋นขึ้นสี กระดากใจที่จะเอื้อนเอ่ย

“ความจริงเป็นเรื่องที่บุรุษทำบ่อยๆ ปกติมาก เจ้าไม่ต้องรู้หรอก”

ต้าไป๋พูดอย่างขอไปที

ซูเฉี่ยนอวิ๋นอ้ำอึ้ง ไม่พูดอะไรต่อ

สวีเสี่ยวหลานได้ยินก็ไม่ซักไซ้ ทุกคนก็คุยเรื่องอื่นกันต่อไป

อันหลินจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

นับถอยหลังไปสู่ความตายของเจ้างั่งต้าไป๋ยังเหลืออีกสองวัน…

เวลาก็ยังเดินไม่หยุด

ตกกลางคืนสวีเสี่ยวหลานยังคงลักลอบมากระตุ้นประคำเพลิงเก้าสวรรค์ ให้ความอบอุ่นแก่อันหลิน ร่วมข้ามผ่านราตรีอันเหน็บหนาวยาวนานกับอันหลินไปเงียบๆ

ตอนเช้าต้าไป๋ยังคงให้อันหลินดูหนังสือโป๊ ใช้วิธีกระตุ้นเลือดลมแห่งสกุลไป๋รักษาอันหลินที่แข็งตัวเช่นเดิม

เซวียนหยวนเฉิงจะมาฝึกกระบี่ต่อหน้าอันหลินทุกวัน หวังว่าจะช่วยคลายเครียดได้บ้าง หรือไม่ก็เพียงแค่อยากอวดเพลงกระบี่สุดเท่ของเขาเท่านั้น

ส่วนซูเฉี่ยนอวิ๋นกลับเดินวนรอบตัวอันหลินอย่างงุ่มง่าม ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ควรพูดอะไร กังวลเป็นอย่างมาก กลัวว่าพลาดท่าจะทำร้ายอันหลิน มักจะเหม่อมองอันหลินบ่อยๆ อยากดูว่าอันหลินขยับไม่ได้เลยสักนิดจริงๆ หรือ…

อันหมิงชวนมักจะมาพูดคุยกับอันหลิน ซ้ำยังเกลี้ยกล่อมไม่ให้อันหลินฝึกวรยุทธ์ที่วิปริตเช่นนี้อีก พูดเรื่องตรรกะถนนทุกสายมุ่งสู่โรมกับเขา[1]

ประสบการณ์ในหลายวันมานี้ มันเป็นพิเศษสำหรับอันหลินมากจริงๆ

อันหลินที่แข็งตัวยังคงรู้สึกเหน็บหนาว แต่ความเย็นเยือกจับขั้วหัวใจกลับอุ่นขึ้นมาเพราะครอบครัวและเพื่อนรอบข้าง เพราะว่ามีพวกเขา อันหลินรู้สึกว่าการเป็นมนุษย์น้ำแข็ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวมากนัก อย่างน้อยเขาก็ไม่โดดเดี่ยว ไม่สิ้นหวัง

วันสุดท้าย

แสงแดดสาดกระทบแผ่นน้ำแข็งโปร่งใส เริ่มมีหยดน้ำผุดออกจากน้ำแข็งเป็นจุดๆ

“น้ำแข็งของอันหลินเริ่มละลายแล้ว!” ซูเฉี่ยนอวิ๋นพูดด้วยความตื่นเต้น

“ฟู่…ละลายภายในสามวันให้หลังจริงๆ ด้วย เช่นนี้ข้าก็หายห่วงแล้ว” เซวียนหยวนเฉิงโล่งอกเมื่อเห็นดังนั้น

สวีเสี่ยวหลานจ้องน้ำแข็งรอบตัวอันหลินที่ละลายด้วยความลุ้นระทึกและคาดหวัง อยากจะโหมไฟให้มันละลายเร็วขึ้นสักหน่อย

ต้าไป๋กลับหลบอยู่หลังอันหมิงชวน จ้องอันหลินด้วยความหวาดกลัว

คำพูดที่ข้าพูดในศาลาพี่อันคงไม่ได้ยินหรอกใช่ไหม พี่อันหลินน่าจะเข้าใจในความตั้งใจของข้ากระมัง

แกรก…

น้ำแข็งเย็นเยียบโปร่งใสเริ่มมีรอยร้าว จากนั้นก็แตกละเอียดเหมือนแผ่นกระจก หล่นร่วงลงบนพื้น

เมื่อไม่มีน้ำแข็งช่วยพยุง ร่างของอันหลินก็ค่อยๆ เอนลงพื้นอย่างช้าๆ

ทุกคนต่างก็สะดุ้งโหยง ปรี่เข้าไปประคองอันหลินที่จวนจะล้มลงขึ้นมา สวีเสี่ยวหลานแนบฝ่ามืออันอ่อนนุ่มกับแผงอกของอันหลิน พลังแห่งเพลิงที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ไหลจากฝ่ามือแทรกซึมสู่ร่างกายของอันหลิน ให้ความอบอุ่นแก่เขา ทำให้เส้นเลือดที่แข็งตัวของเขาไหลเวียน

“ขอบใจนะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว!” อันหลินมองสวีเสี่ยวหลานด้วยความซึ้งใจ ยืนทรงตัวด้วยตัวเอง

ร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ท่าทางน้ำแข็งชนิดนี้จะไม่มีผลข้างเคียงอะไร มันทำให้เขาโล่งอกโล่งใจ

“ดีเหลือเกิน หลินจื่อ ลูกฟื้นสักที!”

อันหมิงชวนกอดอันหลิน “ฟังพ่อนะ ต่อไปห้ามฝึกวิชาแบบนี้อีก น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

“เอาละ ฟังพ่อบ่นมาสามวันแล้ว ต่อไปผมจะไม่ฝึกอีก” อันหลินตอบยิ้มๆ

อันหมิงชวนพูดอย่างแปลกใจว่า “ลูกถูกแช่แข็ง ได้ยินพวกเราคุยกันด้วยหรือ”

อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ “แหงอยู่แล้ว ทั้งมองเห็นและได้ยิน”

เขากวาดตามองทุกคนรอบข้างแล้วพูดเบาๆ ว่า “มีทุกคนอยู่มันดีจริงๆ!”

สวีเสี่ยวหลานชะงักไป ดวงหน้าผุดผ่องดุจหยกขาว มือขาวสะอาดกำแน่น

นางเริ่มกระวนกระวายแล้ว ถ้อยคำที่นางพูด การกระทำของนางตลอดทั้งสามคืนนี้ อันหลินรู้หมดเลยงั้นหรือ

ต้าไป๋ได้ยินก็สะดุ้งโหยง แลบลิ้มกะพริบตาแอ๊บแบ๊วใส่อันหลิน พยายามประจบประแจงสุดชีวิต

“เอาละสหายอันหลิน ตอนนี้เจ้าเพิ่งละลาย ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” เซวียนหยวนเฉิงเป็นห่วงอันหลิน จึงพูดเสนอแนะทันที

อันหลินไม่มองต้าไป๋ เขาส่ายหน้าแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ต้องหรอก ตอนนี้สภาพร่างกายข้าดีเยี่ยมทีเดียว คืนนี้…ข้าจะเลี้ยงเนื้อสุนัข”

อันหมิงชวนชะงัก “เนื้อหมาเหรอ ร้านที่ขายเนื้อหมาในเมืองหลวงมีน้อยมาก”

ในที่สุดอันหลินจดจ้องไปที่ต้าไป๋ ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่หรอก ต้าไป๋มีหลายร้อยกิโลเลย พอให้พวกเรากินแล้ว…”

ทุกคน “…”

ต้าไป๋สะดุ้ง หันหลังสาวเท้าจะหนีทันที!

“คิดจะหนีหรือ” อันหลินแสยะยิ้ม ปีกวายุก่อตัวขึ้นด้านหลัง พุ่งใส่ต้าไป๋ดุจสายลม

หางขาวราวหิมะของต้าไป๋ถูกมือใหญ่คว้าหมับแล้วถูกแรงมหาศาลสะบัดไปข้างหลัง

“ไว้ชีวิตข้าเถอะ! พี่อัน ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น โฮ่ง!” ต้าไป๋ตกใจจนหน้าถอดสี อ้อนวอนเสียงดัง

“เหอะๆ เจ้าน่าจะคิดถึงจุดจบหลังข้าหลุดออกมาได้ตั้งแต่ตอนที่เจ้ารนหาที่ตายแล้ว”

อันหลินยิ้มแสยะ กระแทกกำปั้นใส่ต้าไป๋โดยไม่ลังเล

ลมคลั่งฝนเปรียว! หมื่นสายฟ้าคำรามก้อง! ฟ้าถล่มดินทลาย!

ปึกๆ ๆ…เพี๊ยะๆ ๆ…ปักๆ ๆ…ผลัวๆ ๆ…

ปึกๆ ๆ…เพี๊ยะๆ ๆ…ปักๆ ๆ…ผลัวๆ ๆ…

เสียงโหยหวนที่เจือความสำนึกผิดอย่างท่วมท้นดังก้องเมฆา

[1] ถนนทุกสายมุ่งสู่โรม หมายถึง มีหลากหลายวิธีการที่ให้ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน