ตอนที่ 310 บทสนทนายามราตรี

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ขณะที่อันหลินกำลังเพลิดเพลินกับร่างมนุษย์น้ำแข็งอยู่เพียงลำพัง ชายสวมชุดขาวงามสง่าคนหนึ่งก็เหาะลงมา หยุดลงข้างกายอันหลิน

“สหายอันหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ชายหนุ่มวางฝ่ามือบนแผ่นน้ำแข็ง ย่นคิ้วน้อยๆ

ได้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเหนือสามัญ ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลเปี่ยมด้วยความห่วงใย อันหลินอบอุ่นดุจอาบลมวสันต์

ผู้มาเยือนคือหัวหน้าห้องเซวียนหยวนเฉิงนั่นเอง เขายังคงอ่อนโยนเช่นเดิม

เซวียนหยวนเฉิงฉุกคิดขึ้นได้ ชักกระบี่ออกจากฝัก ภาพของมัจฉาหยินหยางปรากฏใต้ฝ่าเท้า

ชั่ววินาทีที่เมฆเคลื่อนตัว พลังธาตุแท้แห่งสรรพสิ่งก็ถูกเขากระตุ้นจนถึงขีดสุด

“สหายอันหลิน ข้าจะหั่นแผ่นน้ำแข็งแล้วช่วยเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!” เซวียนหยวนเฉิงถือกระบี่มือเดียว คมกระบี่สัมผัสชั้นน้ำแข็ง กระแสพลังงานแผ่กระจายออกไปกัดกร่อนน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง

“พี่เฉิงอย่าวู่วาม พี่อันกำลังฝึกยุทธ์อยู่! โฮ่ง!”

ต้าไป๋เห็นดังนั้นก็วิ่งออกจากศาลามาหยุดยั้ง

“ข้ารู้ว่าเขากำลังฝึกยุทธ์! แต่เจ้าไม่เห็นท่าทางที่ทุกข์ทรมานของเขาหรือ หากว่าทำได้ ข้าก็อยากพยายามช่วยเขา ไม่ปล่อยให้เขาทรมานมากปานนั้น!” เซวียนหยวนเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

ฮือๆ ๆ…พี่เฉิงเป็นคนดีจริงๆ ด้วย

พออันหลินได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ตื้นตันใจมากมายเหลือเกิน

“โธ่! หัวหน้าเซวียนหยวนเฉิงอย่าใจร้อน เกิดพลาดฟันสหายอันหลินเข้าจะแย่เอานะ!” ซูเฉี่ยนอวิ๋นรีบเข้ามาห้ามปรามเซวียนหยวนเฉิง

พอเซวียนหยวนเฉิงได้ฟัง ก็เหมือนจะมีเหตุผล

แม้เขาจะใช้กระแสพลังงานที่อ่อนโยน พยายามไม่ให้ส่งผลร้ายต่ออันหลิน แต่ใครจะรู้เล่าว่าท่าฟันเช่นนี้ จะส่งผลกระทบไม่ดีต่อวิชายุทธ์ที่อันหลินกำลังฝึกหรือไม่ เกิดพลังงานจากภายนอกทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกจะทำอย่างไร เอาเท้าราน้ำเสียนี่ ครั้งนี้เขาใจร้อนเกินไปจริงๆ

อืม มีอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อครู่เขาฟันอย่างเต็มแรง แต่ชั้นน้ำแข็งไม่สะเทือนเลยสักนิด

“เฮ้อ สหายอันหลินช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ…” เซวียนหยวนเฉิงส่ายหน้าอย่างนึกเสียดายแล้วเก็บกระบี่ใส่ฝัก

สวีเสี่ยวหลานก็เดินเข้ามามองอันหลินด้วยความโมโห พูดอย่างไม่พอใจว่า “เขาชอบรนหาที่ตายเช่นนี้อยู่เรื่อย ไม่คิดถึงจิตใจคนเป็นเพื่อนอย่างพวกเราเลย ตอนนี้เราจะทำอะไรได้อีก ทำได้แค่รอเท่านั้น”

อันหลินอึดอัดใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินสวีเสี่ยวหลานบ่น

เขาอยากบอกเซียนหญิงเสี่ยวหลานใจจะขาดว่า เพื่อรักษาความดีงามของบุรุษ เขาถึงได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ รนหาที่ตายที่ไหนกัน นี่เป็นการยึดมั่นอันยิ่งใหญ่! นี่เป็นคงไว้ซึ่งความรัก!

เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋นกับสวีเสี่ยวหลานมองหน้ากันเงียบๆ สุดท้ายก็ถูกคุณลุงอันเชิญชวนไปดื่มชาที่ศาลา

อันหลินใช้ชีวิตมนุษย์น้ำแข็งผู้โดดเดี่ยวของเขาต่อ

เพียงชั่วพริบตา พระอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า

ทั้งสามหารือกันแล้ว ตัดสินใจว่าจะพาอันหลินเข้าไปที่โถงภายในสวนวีไอพี

พวกเขาต่างก็สนิทสนมกับอันหลินเป็นอย่างมาก เห็นอันหลินในสภาพนี้ก็ทิ้งไม่ลง จึงอยู่ค้างที่เขาเป่ยอู้

ตกดึก ค่ายกลเมฆหมอกของเขาเป่ยอู้แยกโลกภายนอกกับที่นี่ออกจากกัน ตัดขาดความอึกทึก

ทุกอย่างช่างเงียบสงบ มีแสงดาวไม่กี่จุดแหวกม่านเมฆสาดกระทบสวนเป็นครั้งคราว

มนุษย์น้ำแข็งอันหลินหลับไม่ได้ เพราะดวงตาเบิกโพลง แถมสติสัมปชัญญะก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ไหนจะมีความเย็นจับขั้วหัวใจกัดกร่อนไม่หยุด เขาไม่มีทางนอนหลับได้เลย

ราตรีกาลยาวนาน แสงไฟภายในโถงปราศจากความอบอุ่น เพียงให้แสงสว่างแก่บริเวณนี้เท่านั้น

ไม่รู้ว่าเสียงฝีเท้าดังขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

เห็นร่างที่สวมชุดสีมรกตปรากฏกายเบื้องหน้าอันหลิน เรือนคิ้วโก่ง เพ่งพิศใบหน้าของอันหลิน นัยน์ตาที่สุกใสเปี่ยมด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวาย

“ข้านอนไม่หลับ เลยมาดูเจ้า”

ผู้มาเยือนคือสวีเสี่ยวหลาน เพื่อนยากของอันหลิน

นางยกม้านั่งตัวหนึ่งมานั่งลงข้างกายอันหลิน มือข้างหนึ่งเท้าคาง ใบหน้าสะสวยเจือความกังวล

เมื่ออันหลินเห็นสวีเสี่ยวหลานก็ตื้นตันใจ เสียดายที่ขยับไม่ได้

“นี่ อันหลิน ตอนนี้เจ้าได้ยินที่ข้าพูดไหม ตอนนี้เจ้าตื่นหรือหลับอยู่กันนะ”

นางมองชายหนุ่มข้างกาย เสียงนุ่มนวลเสนาะหูดังขึ้นอีกครั้ง

อันหลินคิดในใจว่าข้าได้ยินที่เจ้าพูดอยู่แล้ว เสียดายที่ตัวข้าพูดไม่ได้

เฮ้อ สภาพแบบนี้มันทำให้เขาปวดกบาลขึ้นทุกที

น้ำแข็งอันหลินแผ่ไอเย็นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิภายในห้องโถงต่ำกว่าอุณหภูมิภายในห้องที่อยู่ห่างออกไป สวีเสี่ยวหลานที่อยู่ใกล้เขาที่สุดถูกอุณหภูมิต่ำของน้ำแข็งกระทบจนหนาวสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“อันหลิน เจ้าหนาวไหม”

“อยู่ในสภาพนี้คงทรมานแน่ๆ เลยใช่ไหม”

พูดพลางหยิบประคำสีทองเม็ดหนึ่งออกจากแหวนมิติ ข้างในมีมังกรทองเก้าตัวกำลังแหวกว่าย เมื่อกระตุ้นประคำ พลังเพลิงก็แผ่คลุ่มไปทั่วบริเวณ ทำให้ห้องโถงเหมือนฤดูร้อน!

“นี่เป็นประคำเพลิงเก้าสวรรค์ ข้าเติมพลังเพลิงให้มันทุกวัน พลังงานที่มันปล่อยออกมาในตอนนี้ เป็นพลังเพลิงที่บริสุทธิ์ที่สุด เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”

สวีเสี่ยวหลานวางประคำสีทองเหนือชั้นน้ำแข็งของอันหลิน มืออีกข้างลูบน้ำแข็งที่แผ่ไอเย็นเยียบแผ่วเบา เนื้อตัวสั่นเทา

นางขี้หนาวมาก อาจเพราะพลังเพลิงสู้น้ำแข็งเย็นสุดขั้วไม่ได้ ยามนางสัมผัสมันมือถึงได้แข็งทื่อ นางคิดว่าอันหลินต้องทรมานมากเป็นแน่ จึงอยากแบ่งเบาอันหลินบ้าง

ไม่รู้เพราะเหตุใด อันหลินรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาชั่วขณะ ราวกับถูกร่างที่อบอุ่นโอบกอดไว้

ไปสิ ไปจากที่นี่!

อันหลินไม่จมดิ่งอยู่ในภวังค์ของความอบอุ่น เขาอยากจะตะโกนออกมา ให้สวีเสี่ยวหลานกลับไป

เขาเห็นนิ้วมือของสวีเสี่ยวหลานที่หนาวเหน็บจนสั่นระริกลูบไล้น้ำแข็ง และเห็นความเด็ดเดี่ยวที่อบอวลในตาสวีเสี่ยวหลาน รวมถึงผมดำขลับที่มีน้ำค้างประดับประดา

นี่เป็นการเอาคืนของน้ำแข็งเหรอ

อันหลินนึกเสียใจ เขาไม่คิดว่าสวีเสี่ยวหลานจะทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้

เขาควรจะบอกล่วงหน้า ไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้

อย่างที่คิดไว้…ถ้าออกไปได้จะกินเนื้อหมา!

สวีเสี่ยวหลานยิ้มบางๆ ประดุจลมวสันต์เดือนสาม กล่าวเสียงนุ่มว่า

“ในฐานะเพื่อนยากของเจ้า ไม่มีโอกาสทำอะไรเพื่อเจ้าเลย”

“เจ้าชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อยเลย แต่ข้ากลับไม่มีสิทธิ์ไปห้ามปรามเจ้า เพราะเจ้าย่อมมีเหตุผลที่หาเรื่องใส่ตัวสินะ ครั้งนี้แช่แข็งสักหน่อยอาจจะได้วิชาแขนงน้ำแข็งมาก็ได้”

อันหลิน “…”

ครั้งนี้เจ้าทายผิดเสียแล้ว เป็นแค่การลงโทษเท่านั้น

“แต่ว่า แม้ข้าจะห้ามเจ้าไม่ได้ แต่ในยามที่เจ้าทุกข์ทรมาน ข้าก็อยากช่วยเจ้าได้บ้าง…”

“อืม…” สวีเสี่ยวหลานกะพริบตาปริบๆ ย่นจมูกขาวผุดผ่องสวยได้รูปเล็กน้อย ราวกับกำลังเรียงร้อยคำพูด “นี่คงเป็นสิ่งที่เพื่อนยากอย่างข้ายึดมั่นกระมัง…”

อันหลินฟังถ้อยคำเหล่านี้ด้วยความอุ่นใจและปวดใจ

ในใจพร่ำรำพันว่า ‘เซียนหญิงเสี่ยวหลาน ดึกดื่นอากาศเย็น รีบกลับไปเถอะ! คุยกับมนุษย์น้ำแข็งที่ไม่รู้ว่าได้สติหรือไม่คนหนึ่งมันสนุกตรงไหน’

สุดท้ายนางก็จากไป

จากไปในยามรุ่งสาง

นางย้ายอันหลินไปวางแถวศาลาบนยอดเขาอีกครั้ง

“เจ้าตากแดดต่อไปเถอะ ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน”

ใบหน้าของสวีเสี่ยวหลานซีดเซียว แต่มันกลับดูงดงามสะดุดตาภายใต้แสงอาทิตย์ยามอรุณรุ่ง

อันหลินอุทานในใจว่า อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นผู้ชายที่ได้โต้รุ่งกับเซียนหญิงเสี่ยวหลาน

เพียงแต่ว่าสภาพของทั้งคู่ค่อนข้างแปลกพิลึก ไม่ได้หลับกันทั้งคู่ คนหนึ่งมัวแต่กระตุ้นประคำเพลิงเก้าสวรรค์ อีกคนถูกแช่แข็งจนพูดไม่ได้

มันเป็นค่ำคืนที่พิสดารทว่าอบอุ่น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ต้าไป๋วิ่งมาอย่างสบายอุรา

“คุณพระ พี่อัน เมื่อครู่ไม่เห็นเจ้าอยู่ในห้องโถง ทำข้าตกใจแทบแย่ โฮ่ง!”

ต้าไป๋จ้องอันหลินที่ถูกน้ำแข็งห่อหุ้มไม่กระดิกกระเดี้ยด้วยสีหน้าตกใจ “ใครย้ายเจ้าออกมาตรงนี้”

อันหลิน “…”

แน่นอนว่าคำตอบมีเพียงความเงียบ

ต้าไป๋ตบหัวตัวเองราวกับฉุกคิดได้ว่ามันช่างโง่งมสิ้นดี จากนั้นก็พูดต่อว่า “พี่อัน เจ้าหนาวหรือไม่”

อันหลิน “…”

ต้าไป๋พูดต่อว่า “ข้าขบคิดมาทั้งคืน หากเจ้ายังมองเห็นละก็ ข้ามีวิธีหนึ่งที่ทำให้เลือดของเจ้าพลุ่งพล่าน เร่าร้อนขึ้นมาได้”

อันหลินได้ยินคำพูดมั่นอกมั่นใจของต้าไป๋ ก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว

จากนั้นเขาก็เห็นต้าไป๋หยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่รู้ว่าได้มาจากไหนออกมา

เปิดแล้วยื่นมาตรงหน้าอันหลิน

ข้างในเป็นรูปของสาวๆ ที่เปลือยกายโพสต์ท่าเซ็กซี่เย้ายวนต่างๆ นานา…

แผนการในแต่ละวันเริ่มต้นจากยามเช้า เลือดลมพลุ่งพล่าน แบกรับภาระหนักอึ้งได้…

“ร้อนหรือไม่ พี่อันร้อนหรือไม่” ต้าไป๋ตะโกนอย่างตื่นเต้น

อันหลิน “…”

ตามที่คาดการณ์ เรื่องแรกที่จะทำหลังน้ำแข็งละลายแล้วก็คือกินหมา