ตอนที่ 519 ลูกศิษย์ปรากฎตัว
“หลินเยียน คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้” เว่ยสวีเฟิงที่อยู่ด้านข้างมองหลินเยียนอย่างจริงจัง ดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ที่แท้ใครเป็นเชิญผู้หญิงคนนี้มา ฉันไม่อยากเห็นคนแบบนี้ รบกวนเรียกพนักงานมาเชิญตัวเธอออกไปที” ความรังเกียจเดียดฉันท์ฉายวาบภายในดวงตาของตัวปลอม
เดิมทีเผยอวี่ถังคิดจะเอ่ยปากพูดจาให้หลินเยียน แต่คิดไปคิดมา กลับไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากเช่นไรดี
ฉีเซ่าหยวนมีสีหน้าเคียดแค้นเดือดดาลเช่นเดียวกัน เพียงแต่…เรื่องราวพัฒนามาจนถึงขั้นนี้ มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขาแล้วเช่นเดียวกัน
“พวกนายพอแล้วรึยัง?”
ทันใดนั้นหลินเยียนที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จามาตลอดก็ยกมุมปากเล็กน้อย เปล่งเสียงพูดด้วยท่าทีสบายๆ
“หลินเยียน เธอขอโทษบอสเยวาเดี๋ยวนี้นะ!” เว่ยสวีเฟิงพูดด้วยเสียงอันเย็นชา
“ขอโทษตัวปลอม ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะ” หลินเยียนกล่าวระคนหัวเราะ
“เธอพูดอะไรนะ?!”
“ผู้หญิงคนนี้สมองเป็นอะไรกันแน่? ถึงตอนนี้ยังพูดว่าคุณเยวาเป็นตัวปลอมอีก?!”
“มิจฉาชีพ”
“หลินเยียน เธอบอกว่าเยวาเป็นตัวปลอม เธอมีหลักฐานอะไรรึเปล่า?” เว่ยสวีเฟิงมองหลินเยียนอย่างเย็นชา
“หลักฐาน?” หลินเยียนส่ายหน้า และไม่แยแสต่อสายตาคนรอบข้าง “ฉันบอกว่าเธอคือตัวปลอม เธอก็คือตัวปลอม คำพูดของฉันก็คือหลักฐาน”
“ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว กลับยังมีคนหน้าไม่อายขนาดนี้อยู่ด้วย” สมาชิกทีมเควันคนหนึ่งส่งเสียงจึ๊จ๊ะออกมา
“เหอะๆ คุณหลินเยียน ด้วยฐานะของคุณ คุณสมบัติที่จะได้คุยกับคุณเยวาก็ยังไม่มีเลย วันนี้คุณไม่ใช่แค่ได้เจอคุณเยวา กระทั่งว่ายังได้ลงสนามแข่งกับคุณเยวาครั้งหนึ่งอีกด้วย คุณไม่เพียงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ แถมยังพูดจาใส่ความคุณเยวาตั้งหลายครั้ง ผมรู้สึกว่าคุณชายฉีกับพวกก็อดซีคงคบเพื่อนผิดเสียแล้วล่ะ”
เมื่อพูดจบ หัวหน้าทีมเควันก็มองก็อดซี “ก็อดซี คุณกลับเชิญคนแบบนี้มาร่วมงานเลี้ยงของคุณเยวา เรื่องนี้วันหลังถ้าแพร่ออกไป ชื่อเสียงของซีเอ็ชวันคงฉาวโฉ่ด้วยเหมือนกันล่ะนะ”
ขณะนี้ก็อดซีกับมู่มู่กลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย พวกเขาสองคนไม่เข้าใจการกระทำของหลินเยียนแม้แต่น้อย
เผยอวี่ถังเดิมคิดจะเอ่ยปากพูดอะไร แต่หลินซูหย่ากลับได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่ามีชายหนุ่มชื่อซุนซั่วหรันมาขอพบ
“คุณซุนซั่วหรันมาถึงแล้วค่ะ” หลินซูหย่าบอกกล่าวกับทุกคน
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ซุนซั่วหรันซึ่งสวมชุดสูทสากลก็เดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาข้างใน
“ซั่วหรัน”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ตัวปลอมก็ยืนขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่แยแสหลินเยียน เดินออกไปนอกห้องโถงใหญ่ทันที
“อาจารย์ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ซุนซั่วหรันมองตัวปลอมพร้อมกล่าวระคนหัวเราะเบาๆ
“เป็นซุนซั่วหรันจริงด้วย!”
เมื่อเห็นซุนซั่วหรันปรากฏตัว พวกเว่ยสวีเฟิงก็แน่ใจโดยสิ้นเชิงว่าผู้หญิงคนนั้นคือเยวาจริง ไม่มีทางผิดตัวแน่นอน
เว่ยสวีเฟิงมองหลินเยียนเย็นชาทันที จากนั้นก็เดินตามหลังผู้หญิงคนนั้นไป
“คุณพ่อ เห็นรึเปล่าครับ ซุนซั่วหรันมาจริงด้วย ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ตัวปลอม!” เผยอวี่ถังพูดกับหลินเยียนด้วยความร้อนใจ “พวกเราฉวยโอกาสตอนนี้รีบแอบออกไปกันเถอะครับ!”
หลินเยียนมองไปทางชายหนุ่มคนนั้น ชายหนุ่มคนนี้เธอย่อมรู้จักดี เขาคือซุนซั่วหรัน หนึ่งในลูกศิษย์ของตนเอง
เพียงแต่น่าเสียดายที่ซุนซั่วหรันมองไม่เห็นหลินเยียน ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าสีหน้าของซุนซั่วหรันตอนนี้จะเป็นอย่างไร
…
“คุณซุนซั่วหรัน ขอละลาบละล้วงถามสักหน่อยนะครับ คุณคนนี้คือคุณเยวาตัวจริงใช่หรือเปล่า?” ฉีเซ่าหยวนก้าวมาข้างหน้า ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินซุนซั่วหรันก็มองฉีเซ่าหยวนแวบหนึ่ง จากนั้นก็ตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ ออกมาทันที “พูดอะไรกัน หรือว่ายังจะมีเยวาคนที่สองอีกงั้นเหรอครับ”
ตอนนี้ 520 บอกฉันมาว่าเธอคืออาจารย์คุณอย่างนั้นเหรอ
“คุณซุนซั่วหรัน ไม่ขอปิดบังคุณนะคะ ก่อนหน้านี้มีสมาชิกทีมรถแข่งระดับต้นตั้งข้อสงสัยฐานะของคุณเยวา…” หัวหน้าทีมหญิงของเควันเอ่ย
“อ้อ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ น่าสนใจจริงๆ” ซุนซั่วหรันไม่แยแส
“หลินเยียนคนนั้นน่ะ ให้เธอมานี่ซิ!” หัวหน้าทีมหญิงของเควันตวาดด้วยเสียงเย็นชา
เมื่อได้ยินเผยอวี่ถังก็ถอนหายใจ คราวนี้จบกันแล้ว คิดจะหนีก็หนีไม่ได้แล้ว
“คุณพ่อ ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันดีครับ!” เผยอวี่ถังมองหลินเยียนที่อยู่ด้านข้าง
อย่างไรก็ตามใบหน้าหลินเยียนยังคงประดับรอยยิ้มบาง ไม่ประหวั่นลนลานแม้แต่น้อย
“กลัวอะไร ฉันจะไปเจอซุนซั่วหรันสักหน่อยนะ” หลินเยียนตอบ
เผยอวี่ถัง “คุณพ่อ ผมรู้สึกว่า…คืนนี้ผมต้องซวยเพราะพ่อแน่เลย…”
ระหว่างที่พูด หลินเยียนก็เดินไปข้างหน้าแล้ว เผยอวี่ถังจึงได้แต่ตามอยู่ข้างหลังหลินเยียนเท่านั้น
ดึกมากแล้ว ภายในคฤหาสน์ค่อนข้างมืด ซุนซั่วหรันเห็นเพียงเงาดำร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาอย่างแช่มช้า แต่กลับมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
“คนนี้อย่างงั้นเหรอครับ” ซุนซั่วหรันพูดด้วยเสียงเรียบเฉย
“ใช่ค่ะ คุณซุนซั่วหรัน ผู้หญิงคนนี้นั่นล่ะ เอาแต่ก่อกวนมาตลอด ท้าทายคุณเยวาไม่หยุดเลย” หัวหน้าทีมหญิงของเควันผงกศีรษะพร้อมตอบกลับไป
“เหอะๆ คุณซุนซั่วหรัน ด้วยสถานะของคุณกับคุณเยวา ไม่มีความจำเป็นคนต้องคุยกับพวกปลาซิวปลาสร้อยแบบนี้ เรียกรปภ.มาแล้วไล่พวกเขาออกไปเลยก็ได้”
“ผมคิดว่าคุณหลินเยียนคงเข้าใจอะไรคุณคุณเยวาผิดไป ไม่จำเป็นต้องเรียกรปภ.มาหรอกครับ” ก็อดซีขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยปาก
“คุณซุนซั่วหรัน คุณเยวา ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ อย่าโทษพี่สาวฉันเลยค่ะ ถ้าจะโทษ…ให้โทษฉันก็พอ เรื่องนี้ฉันจะรับผิดชอบเอง…” หลินซูหย่าก้าวมาข้างหน้า
“ซูหย่า นี่ไม่เกี่ยวกับเธอ ความจริงใจของเธอ ความปรารถนาดีที่เธอมีต่อหลินเยียน ทุกคนต่างเห็นกันหมดแล้ว แต่หลินเยียนทำตัวเกินไปแล้วจริงๆ ควรให้เธอรับผิดชอบเองมากกว่านะ” เว่ยสวีเฟิงพูดพลางมองหลินซูหย่า
“ซูหย่า ฉันบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าคนชั่วช้าอย่างหลินเยียนจิตใจยากหยั่งถึง ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องถูกหล่อนทำร้ายจนตายแน่!” หันอี้เซวียนกันหลินซูหย่าไว้ด้านข้าง
“ละครฉากนี้ไม่เลวจริงๆ นะ”
ไม่นานนักหลินเยียนที่มีใบหน้าประดับรอยยิ้มก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
“คุณซุนซั่วหรัน คุณ…คิดว่ายังไงคะ” หลินเยียนยกมุมปากเล็กน้อย เกิดเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด ดวงตาทั้งสองข้างกำลังจ้องมองซุนซั่วหรันที่กำลังขยี้ตาอยู่
“ผู้หญิงคนนี้โผล่มาจากที่ไหนกันเนี่ย คุณซุนซั่วหรันมีฐานะอะไร ก่อนอื่นก็ท้าทายคุณเยวา ตอนนี้ยังจะมาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับคุณซุนซั่วหรันอีกงั้นเหรอ!” หัวหน้าทีมคนหนึ่งเอ่ยปากพูด
“หลินเยียน นี่เธอกำลังขุดหลุมศพให้ตัวเองอยู่นะ” เว่ยสวีเฟิงจ้องมองหลินเยียนอย่างเย็นชา ความรังเกียจภายในดวงตาไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามหลินเยียนกลับไม่เหลือบแลพวกเว่ยสวีเฟิงแม้แต่น้อย ดวงตาที่ประดับรอยยิ้มมองซุนซั่วหรันอยู่ตลอด
ขณะนี้เองความรู้สึกเหลือเชื่อก็ผุดขึ้นบนใบหน้าซุนซั่วหรัน
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขาจะไม่รู้จักได้อย่างไร…
ซุนซั่วหรันมีสีหน้าตื่นตะลึง กระทั่งว่าร่างกายยังเริ่มสั่นเทาเล็กน้อยอีกด้วย
“ผู้หญิงคนนี้ยังไม่รีบไสหัวไปอีก หรือจะให้รปภ.เชิญตัวเธอออกไปด้วยวิธีหยาบคาย?!” หัวหน้าทีมหญิงของเควันตวาดด้วยเสียงเย็นชา
“หุบปากเน่าๆ ของเธอไปซะ!” ทันใดนั้นซุนซั่วหรันก็มองหัวหน้าทีมหญิงของเควันพร้อมตวาดอย่างมีโทสะ
“หา?”
หัวหน้าทีมหญิงของเควันมีสีหน้าประหลาดใจ ซุนซั่วหรันกำลังพูดกับเธออย่างนั้นเหรอ
“เหอะ ซุนซั่วหรัน คุณลองบอกฉันหน่อยสิว่าผู้หญิงคนนี้ใช่เยวาอาจารย์ของคุณรึเปล่า” หลินเยียนจ้องมองซุนซั่วหรันพร้อมถามระคนหัวเราะเบาๆ