คฤหาสน์ตระกูลสวี
ในห้องหนังสือ สวีหว่านเอ๋อร์กำลังรบเร้าสวีมู่หยาง “พี่ใหญ่ พี่เคยรับปากเรื่องที่จะให้ฉันเข้าไปทำงานที่จางกรุ๊ป เมื่อไหร่ถึงจะทำได้กัน?”
สวีเมิ่งหยางคลึงขมับเขาอย่างหงุดหงิด มองไปที่น้องสาวสุดที่รัก “หว่านเอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้”
“ฉันรอมานานขนาดนี้แล้วนะ!” สวีหว่านเอ๋อร์ดึงแขนของสวีมู่หยาง พูดอย่างกระเง้ากระงอดว่า “พี่ใหญ่ ฉันรู้ว่าพี่เป็นห่วงฉันที่สุด แต่ฉันไม่กลัว ฉันจะไปที่ฮ่อกรุ๊ปให้ได้”
สวีมู่หยางหมดทางเลือก ถอนหายใจ “หว่านเอ๋อร์ ผู้ชายบนโลกนี้เยอะแยะ ทำไมถึงเธอถึงมองแค่ฮ่อหยุนเฉิง?”
“ฉันไม่สน ยังไงฉันก็ชอบเขา!” ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์ปรากฏแววมุ่งมั่นเอาชนะ
สวีมู่หยางจึงพูดอย่างขอไปทีว่า “เอาเถอะ ฉันจะหาทางอีกที”
“พี่ใหญ่ พี่ต้องช่วยฉันนะ!” สวีหว่านเอ๋อร์พูดสำทับ
เธอรอที่จะไปทำงานที่จางกรุ๊ปไม่ไหวแล้ว ทุกวันจะได้เจอฮ่อหยุนเฉิง
สวีหว่านเอ๋อร์ออกจากห้องหนังสือมาที่ห้องก็ได้รับโทรศัพท์จากไป๋หลาน
“ดึกขนาดนี้มีธึระอะไรกับฉัน?” สวีหว่านเอ๋อร์มองเวลา เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
ไป๋หลานพูดอย่างลังเลว่า “หว่านเอ๋อร์ มีบางอย่างที่ฉันไม่รู้ว่าควรบอกคุณหรือเปล่า”
เมื่อเห็นความลังเลของไป๋หลาน สวีหว่านเอ๋อร์ก็พูดอย่างอารมณ์เสีย “ถ้าเธอมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเลย”
ไป๋หลานรีบร้อนพูด “คืนนี้ลูกพี่ลูกน้องของฉันกับลูกไปเล่นที่ชายหาด เห็นฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิง”
“อะไรนะ? ดึกขนาดนี้พวกเขายังอยู่ด้วยกัน?” สีหน้าของสวีหว่านเอ๋อร์เย็นชา น้ำเสียงริษยา
“ใช่ แล้วก็…”
“แล้วก็อะไร?” สวีหว่านเอ๋อร์ถามอย่างอดรนทนไม่ไหว
ไป๋หลานจึงพูดอย่างระมัดระวังว่า “แล้ว ฮ่อหยุนเฉิงก็ของซูฉิงแต่งงานแล้ว”
ขอแต่งงาน?!
แววตาของสวีหว่านเอ๋อร์ก็ระงับความเกลียดที่หาที่เปรียบไม่ได้ไว้ไม่อยู่
ต้องเป็นนางสารเลวหน้าไม่อายซูฉิงล่อลวงฮ่อหยุนเฉิงแน่
“หว่านเอ๋อร์ เธอไม่ต้องกังวลไป ดูเหมือนว่าจะขอแต่งงานไม่สำเร็จน่ะ” สวีหว่านเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไป๋หลานจึงรีบพูดเสริม
“ไม่สำเร็จ? ต้องเป็นหลุมพรางของซูฉิงแน่นอน” สวีหว่านเอ๋อร์พูดอย่างเกลียดชัง “ซูฉิง ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่!”
สายตาของสวีหว่านเอ๋อร์มิอาจระงับความเกลียดชังอย่างที่สุดที่มีต่อซูฉิง
ซูฉิง!
เป็นซูฉิงอีกแล้ว!
เธออาศัยอะไรถึงได้รับความชื่นชอบจากฮ่อหยุนเฉิง!
ฮ่อหยุนเฉิงขอเธอแต่งงาน คาดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ตอบรับเขา
เล่นลูกไม้เล่นตัวสมบูรณ์แบบ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่จิ้งจอกไร้ยางอายตัวนี้ล่อลวงผู้ชายได้มากมายขนาดนี้
เมื่อวานเป็นเฉินจุนเหยียน วันนี้เป็นฮ่อหยุนเฉิง
ผู้ชายที่เพียบพร้อมของเมืองA ต่างพากันขอซูฉิงแต่งงานทีละคน
ผู้ชายพวกนี้ตาบอกหรือยังไง?
ทำไมถึงทุกคนถึงไปล้อมรอบซูฉิง?
แท้จริงแล้วซูฉิงผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีกัน?!
“หว่านเอ๋อ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” เมื่อเห็นว่าสวีหว่านเอ๋อร์เงียบไปอย่างกะทันหัน ไป๋หลานที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
สวีหว่านเอ๋อร์ได้สติ พูดเสียงเย็นว่า” ช่วยฉันให้ได้เจออู๋ชิงหร่าน”
“หว่านเอ๋อร์ ความหมายของเธอคือ…” ไป๋หลานจงใจถาม
ที่จริงแล้วเธอก็รู้ว่า สวีหว่านเอ๋อร์จะใช้วิธียืมดาบฆ่าคน
“ที่อยากให้ซูฉิงตาย ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว!” สวีหว่านเอ่อร์โค้งริมฝีปาก นัยน์ตาทอประกายอำมหิต
“หว่านเอ๋อร์ ฉันรู้แล้ว” ไป๋หลานพยักหน้า และไม่ลืมที่จะเยินยอไปด้วย “ยังเป็นหว่านเอ๋อร์ที่ฉลาด”
วันต่อมาแสงแดดเจิดจ้า เป็นวันที่อากาศแจ่มใส
ซูฉิงเพิ่งออกมา กำลังจะไปทำงาน ทันใดนั้นรถโรลส์รอยซ์สีดำที่คุ้นเคยก็ตรงดิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอรู้จัก นี่เป็นรถของฮ่อหยุนเฉิง
“ซูฉิง ขึ้นรถเถอะ” ฮ่อหยุนเฉิงเปิดประตูรถ มองซูฉิงอย่างกึ่งยิ้มไม่ยิ้ม
ซูฉิงนั่งที่นั่งข้างคนขับ ถามอย่างสงสัยว่า “นายมาได้ยังไงกัน?”
ฮ่อหยุนเฉิงยกมุมปาก ดวงตาลุ่มลึกปรากฏความนุ่มนวลอันหาได้ยาก “มารับภรรยาไปทำงาน เป็นเรื่องคัมภีร์สวรรค์จารีตแผ่นดิน”
ภรรยา?
ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าท่านประธานใหญ่ฮ่อที่เย่อหยิ่ง จริงจังต่อหน้าผู้อื่น และไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอจะไร้ยางอายขนาดนี้
“ใครเป็นภรรยาของนาย?” ซูฉิงกรอกตาขาวใส่ฮ่อหยุนเฉิงอย่างอารมณ์เสีย
ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะเสียงเบา นัยน์ตามีความมั่นอกมั่นใจที่จะเอาชนะ “เป็นในเร็วๆ นี้ล่ะ”
“หน้าหนา” ซูฉิงกดมุมปาก หันศีรษะกลับไปเกือบชนเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงที่เข้ามาใกล้
ใบหน้าที่เค้าโครงคมกริบราวกับมีด อวัยวะบนหน้าที่มีมิติและประณีต ดวงตาลุ่มลึก สันจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางที่น่าหลงใหล เขาหล่อมากจนทำให้คนหายใจไม่ออก
“นายทำอะไรน่ะ?” ซูฉิงเอนหลัง ใบหน้าปรากฏความระแวดระวัง
ฮ่อหยุนเฉิงขยับเข้ามาใกล้ซูฉิงอีก ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ติดขมับของของเธอ ริมฝีปากเปิดออก น้ำเสียงอันน่าหลงใหลดังขึ้นข้างหูของซูฉิง “ฉันช่วยคาดเข็มขัดให้เธอ”
ระยะห่างที่ถูกลดอย่างกะทันหัน ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขารินรดใบหน้าของซูฉิง
ใบหน้าซูฉิงก็ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในสมองของซูฉิงก็มีภาพความฝันเมื่อคืนกระโดดออกมาอย่างห้ามไม่ทัน
ใบหน้าของเธอไหม้ฉ่า ลมหายใจติดขัดอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอรีบร้อนผลักฮ่อหยุนเฉิงออก “ฉันทำเองได้”
ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าน้อยๆ นัยน์ตาลุ่มลึกจ้องไปที่ดวงหน้าของซูฉิง นำเสียงหยอกล้อ “ทำไมหน้าเธอแดงขนาดนี้?”
สวรรค์ ผู้ชายคนนี้เลิกแตะกาไหนกานั้นเดือดได้ไหม?
ซูฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ร้อนน่ะ”
“ใช่เหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงโค้งมุมปาก ตาและคิ้วปรากฏรอยยิ้มอย่างอดไม่ไหว
ซูฉิงนั่งตัวตรง เบิกตาจ้องเขา “ยังไม่รีบออกรถอีก?”
เมื่อเธอมาถึงฮ่อกรุ๊ป ซูฉิงก็จมอยู่กับงานที่ลืมเธอ
เมื่อใกล้เที่ยง เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากแอนโธนี่
“พี่เอด้า ที่พี่เคยให้ผมหาตัวตนของถังรั่วอิงน่ะ เริ่มมีเค้าแล้วนะ” เสียงแอนโธนี่ดังมาจากปลายสาย
ซูฉิงเดินไปที่ระเบียงด้านนอก มองรอบตัวว่าไม่มีคน ถึงถามว่า “เป็นยังไง?”
“ชาวจีนโพ้นทะเลที่รับเลี้ยงถังรั่วอิงเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ล่วงลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน” แอนโธนี่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“อาจารย์มหาวิทยาลัย? เกี่ยวข้องกับหลี่เฉิงหยางหรือเปล่า?” ซูฉิงถามต่อ
แอนโธนี่ผงกศีรษะ “ตอนนี้ยังหาความเกี่ยวข้องไม่ได้ แต่ว่ามีเรื่องแปลกๆอยู่เรื่องหนึ่ง”
ซูฉิงถาม “เรื่องอะไร?”
“ไม่มีประวัติการเข้ารักษาของถังรั่วอิงที่ออสเตรเลีย” แอนโธนีพูดอย่างไตร่ตรอง “พูดตามเหตุผล อาการบาดเจ็บของถงรั่วอิงสาหัสมากจนไม่สามารถรักษาให้หายได้ในชั่วข้ามคืน ถึงเธอจะมาออสเตรเลีย เธอควรได้รับการตรวจสุขภาพตามปกติ สอบทุกปีแต่ไม่มีเลย”
“ถ้าปีนั้นเธอไม่ได้รับบาดเจ็บล่ะ?” ซูฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
ถ้าหากถังรั่วอิงไม่ใช่ถังถังล่ะ เธอก็จะไม่เคยตกลงจากหน้าผา และไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัส
แอนโธนี่พูดเสียงทุ้ม “ก็เป็นไปได้”
ซูฉิงครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ฉันอยากได้ข้อมูลทั้งหมดของพ่อแม่ที่เลี้ยงถังรั่วอิงมา”
“ได้ พี่เอด้า ผมจะรีบส่งให้” แอนโธนี่ตอบรับ
วางสายโทรศัพท์ ซูฉิงก็เม้มริมฝีปากใช้ความคิด
วันนั้นตอนที่ถังรั่วอิงถูกเธอเปิดเผย เพื่อให้ได้รับความเห็นใจจากฮ่อหยุนเฉิง ถังรั่วอิงจงใจเปิดเผยรอยแผลบนร่างกายเพื่อ ร้องไห้ฟูมฟายรื้อฟื้นอดีตที่ได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตฮ่อหยุนเฉิงไว้
ซูฉิงจำได้อย่างแจ่มชัดว่ารอยแผลพวกนั้นมีปัญหาอย่างมาก ไม่เหมือนรอยแผลที่เกิดจากการตกหน้าผาเมื่อแปดปีก่อนเลย
ดูท่าเธอจะต้องหาเวลาไปเจอถังรั่วอิงหน่อยแล้ว
ซูฉิงเพิ่งกลับมานั่งประจำที่ ก็ได้รับโทรศัพท์จากฮ่อหยุนเฉิง
“มีธุระอะไรกับฉัน?” ซูฉิงรับโทรศัพท์ประจำโต๊ะ
น้ำเสียงใสเย็นของฮ่อหยุนเฉิงดังมาจากโทรศัพท์ “เอากาแฟมาส่งให้ฉันที”
ซูฉิง:……
เขาให้เธอไปทำงานบ้านอีกแล้วเหรอ?
ไม่รอให้ซูฉิงกล่าวอะไร ฮ่อหยุนเฉิงก็วางสายไปแล้ว
ในเมื่อฮ่อหยุนเฉิงออกปาก ซูฉิงก็ทำได้เพียงไปที่ร้านน้ำชาชาที่ชั้นสองเพื่อซื้อกาแฟให้ฮ่อหยุนเฉิง
เมื่อมาถึงประตูออฟฟิศประธานกรรมการชั้นที่สิบแปด ซูฉิงก็เคาะประตู
“เข้ามา” น้ำเสียงทรงเสน่ห์ของฮ่อหยุนเฉิงดังขึ้น
ซูฉิงผลักประตูเข้าไป เสิร์ฟกาแฟลงตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิง พูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “กาแฟที่นายอยากได้”