บทที่ 256 ฉันนอนกับเขา
กลุ่มผู้จัดการของกิลด์ต่าง ๆ กลับไปทีละกิลด์ และเกือบทั้งหมดเป็นกิลด์ในภาคใต้ พวกเขาทั้งหมดบรรลุเป็นพันธมิตรกับกิลด์มิดซัมเมอร์
แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่การที่พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่า ตอนนี้ชื่อเสียงของกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในภาคใต้
หลังจากส่งผู้นำของกิลด์ต่าง ๆ ออกไปแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็มองไปที่กิลด์ที่อยู่หลังสุด กิลด์วอร์สปิริตฮอลล์ ซึ่งเป็นกิลด์เดียวจากกิลด์ทั้งหมดที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรกับกิลด์มิดซัมเมอร์อย่างแน่นอน
“เอ่อ…”
มีผู้เล่นของกิลด์วอร์สปิริตฮอลล์มาเยี่ยมกิลด์มิดซัมเมอร์สองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้ากิลด์วอร์สปิริตฮอลล์ สกาย และอีกคนเป็นผู้หญิงเซ็กซี่นามว่าจืออี้ หลังจากที่คนอื่นจากไปแล้วสกายก็กล่าวขึ้นมาด้วยความลังเล
“คุณหัวหน้ากิลด์วอร์สปิริตฮอลล์ หากคุณมีอะไร เชิญพูดออกมาได้เลย” หลิวเฉียงเหว่ยกล่าวราวกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เสียงของเธอก็ไพเราะและงดงาม
“โอเค ถ้าอย่างนั้นผมจะถามตรง ๆ เลยนะ คุณหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ ผมจำได้ว่ามีความบาดหมางกันระหว่างกิลด์มิดซัมเมอร์กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ คุณเคลียร์ปัญหาและเป็นพันธมิตรกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ยังไง?” สกายอยากรู้เรื่องนี้มาก และนี่คือเหตุผลที่เขามาฐานที่ตั้งของกิลด์มิดซัมเมอร์และต้องการถามหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์คนงามด้วยตัวเอง
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างกิลด์วอร์สปิริตฮอลล์กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นจะดี แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะขอให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ช่วยพวกเขาได้หรือเปล่า แต่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ช่วยกิลด์มิดซัมเมอร์ ซึ่งเป็นกิลด์ที่มีความบาดหมางกับเขา
จืออี้กอดแขนไว้รอบหน้าอกของตน เธอมีหน้าอกใหญ่ และยืนอยู่ข้างหลังสกายในท่าทางเย้ายวน หญิงสาวมองมาที่หลิวเฉียงเหว่ยอย่างสงสัยด้วยดวงตาที่ดึงดูดใจคู่นั้น
คิ้วของหลิวเฉียงเหว่ยขมวดเล็กน้อย เซียวเฟิงแอบช่วยพวกเขาอย่างลับ ๆ มาตลอด แม้แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ในกิลด์มิดซัมเมอร์ก็ไม่รู้จักรูปร่างหน้าตาของเซียวเฟิง แต่คนนอกเหล่านี้ที่ไม่ได้อยู่ในกิลด์มิดซัมเมอร์กลับรู้เรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าหลายกิลด์จะ ‘ทุ่มเท’ ให้กับกิลด์มิดซัมเมอร์
หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้แสดงท่าทางแปลก ๆ ต่อคำพูดของสกาย เธอดึงสายตากลับจากร่างที่มีเสน่ห์ของจืออี้ ซึ่งเป็นสิ่งล่อใจที่ร้ายแรงต่อผู้ชายทุกคน แล้วก็ตอบว่า
“ฉันนอนกับเขา”
“หา?”
หลังจากที่หลิวเฉียงเหว่ยพูดจบ สกายก็ตกตะลึงในทันที และจืออี้ก็แทบเป็นใบ้
สถานะของหลิวเฉียงเหว่ยคืออะไรกันแน่? เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในรายชื่อเทพธิดาของเขตฮัวเซีย เธอไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่พิเศษเท่านั้น แต่เธอยังมีอารมณ์เฉพาะตัวที่คนอื่น ๆ ทำได้แค่มองจากไกล ๆ เท่านั้น เธอเป็นดั่งนางฟ้าบนท้องฟ้าซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นชายทุกคนชื่นชมและผู้เล่นหญิงทุกคนต้องอิจฉา
ทว่านางฟ้าที่แสนบริสุทธิ์และงดงามที่สุดกลับพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เธอ…นอนกับเขางั้นเหรอ?
แม้ว่าสกายและจืออี้จะตกตะลึง แต่หลิวเฉียงเหว่ยก็เพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของพวกเขาและออกจากระบบทันที ร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอหายไปในแสงสีขาว
“เอ่อ… ก็โชคดีที่เราเป็นพันธมิตรกันได้…”
สิ่งที่หลิวเฉียงเหว่ยทิ้งไว้ก็คือสกายที่กำลังเช็ดเหงื่อเย็น ๆ และจืออี้ที่ยังกะพริบตาของเธอปริบ ๆ
…
“ฉันหิว ฉันหิว!”
เซียวเฟิงเพิ่งออกจากระบบ ทันทีที่เขาเปิดประตูห้อง เขาก็ได้พบกับซือเยี่ยจิ๋งที่เพิ่งออกมาจากห้อง
“เร็วเข้า เร็วเข้า เร็วเข้า!! นายมีอะไรกินไหม รีบหาอะไรให้ฉันกินเร็ว!” ซือเยี่ยจิ๋งอ่อนแรงและยังคงพิงกำแพงอยู่ หลังจากที่หญิงสาวเห็นเซียวเฟิง เธอก็ตะโกนใส่เขาทันที
“เธอไม่มีมือหรือเท้าเหรอ? เธอควรไปหาอะไรในครัวกินเองสิ”
เซียวเฟิงกล่าวอย่างไม่พอใจ ใครคือเจ้าของบ้านกันแน่นะ? แต่ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะพูดไปแบบนี้ ชายหนุ่มก็ยังลงไปชั้นล่างและเดินไปที่ห้องครัว
ซือเยี่ยจิ๋งเข้าสู่ระบบตั้งแต่บ่าย และออกจากระบบตอนตีหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าเธอไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลยเป็นเวลาสิบสองชั่วโมง น่าแปลกใจที่เธอยังคงมีแรงเหลือพอที่จะตะโกนใส่อีกฝ่าย
“ฉันทำอาหารไม่เป็น ไม่กลัวฉันเผาครัวนายเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงเดินเข้าไปในครัว ซือเยี่ยจิ๋งก็พูดอย่างภาคภูมิใจ และไม่มีความรู้สึกละอายเลย
เซียวเฟิงไม่อยากต่อปากต่อคำกับซือเยี่ยจิ๋งอีก ชายหนุ่มอุ่นอาหารเย็นแล้วทำข้าวผัดให้ซือเยี่ยจิ๋ง นอกจากนี้ เซียวเฟิงยังทำซุปไข่ให้ซือเยี่ยจิ๋งด้วย จากนั้นเขาก็ตักอาหารใส่ถ้วยสำหรับตัวเองแล้วนั่งกินในห้องอาหาร
“อร่อย!”
ซือเยี่ยจิ๋งร้องออกมา แล้วเธอก็นั่งลงกินข้าวผัด เธอไม่ได้แสดงความอ่อนช้อยหรือสงวนตัวให้ดูงาม บางทีเธออาจจะหิวเกินไป หรือบางทีทักษะการทำอาหารของเซียวเฟิงนั้นดีเกินมาตรฐานคนปกติ
ซือเยี่ยจิ๋งน่าจะกลืนเร็วเกินไป ดังนั้นเธอจึงสำลักทันที ทว่าเธอก็ตักซุปไข่หนึ่งช้อนแล้วกลืนตามลงไปด้วยช้อนนั้นในทันที หลังจากนั้นซือเยี่ยจิ๋งก็มีสีหน้าสบายใจ
“รู้สึกดีมาก! ฉันฟื้นคืนชีพแล้ว! เฮ้ เจ้าบ้า นายเคยเป็นเชฟมาก่อนหรือเปล่า? ทำไมนายทำอาหารได้อร่อยจัง?”
ซือเยี่ยจิ๋งรู้สึกสบายตัวมาก เธอถามเซียวเฟิงอย่างสงสัยขณะที่เธอกินข้าวผัด
เซียวเฟิงเหลือบมองช้อนที่ซือเยี่ยจิ๋งใส่กลับเข้าไปในหม้อซุป ชายหนุ่มไม่พูดอะไร และเขาก็กินข้าวผัดต่อ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ละอายเลย และตอนนี้เธอก็สวมเสื้อและกางเกงขาสั้นที่สั้นมาก ๆ ประกอบกับที่ใบหน้าที่สวยงามของเธอ จึงส่งให้หญิงสาวเองยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่
คาดว่าเธอคงมีนิสัยแบบนี้ในหอพักของโรงเรียนด้วย ตอนนี้นิสัยนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แม้ว่าเธอจะมาอยู่ในบ้านเดียวกับเซียวเฟิงซึ่งเป็นผู้ชาย
“เฮ้ นายกินอาหารเย็นแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายถึงกินตอนนี้อีกล่ะ”
เมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไร ซือเยี่ยจิ๋งจึงถามต่อ แม้ว่าเซียวเฟิงจะเข้าร่วมสงครามกิลด์ของกิลด์มิดซัมเมอร์ แต่เขาไม่ได้ต่อสู้กับกิลด์กลอรี่โดยตรง ดังนั้นจึงน่าจะมีเวลากินข้าว
อย่างไรก็ตามเซียวเฟิงยังคงเพิกเฉยต่อเธอ เขากินข้าวผัดในชามแล้วเอาชามกับตะเกียบกลับไปล้างที่ห้องครัว
“เฮ้! นายเป็นขอนไม้หรือนายโง่ไปแล้วกันแน่?!”
ซือเยี่ยจิ๋งไม่พอใจอย่างมาก เธอกลืนข้าวผัดที่เหลืออย่างรวดเร็วแล้วซดซุปไข่ทั้งหมด จากนั้นเธอก็ไล่ตามเซียวเฟิงเข้าไปในครัวและต่อว่า
“เธอเป็นคนกิน งั้นเธอก็ควรล้างชามของเธอเอง”
ในที่สุดเซียวเฟิงก็พูดออกมา เหตุผลก็เพราะเขาเห็นซือเยี่ยจิ๋งมีแนวโน้มว่าจะวางชามของตัวเองและหนีจากการล้างจาน ดังนั้นจึงพูดดักไว้ก่อน
“นาย! ฮึ่ม! ฉันล้างเองก็ได้! วันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันไม่อยากจะทะเลาะกับนายหรอก!”
เห็นได้ชัดว่าซือเยี่ยจิ๋งไม่พอใจกับท่าทีของเซียวเฟิงมาก แต่ชัยชนะของกิลด์มิดซัมเมอร์ในสงครามกิลด์ทำให้เธอรู้สึกดีจริง ๆ ดังนั้นจึงล้างชามด้วยตัวเอง เธอถึงขนาดร้องเพลงขณะล้างชามไปด้วย…
เซียวเฟิงไม่สนใจเธออีกต่อไป จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องหลังจากออกกำลังกายเสร็จ
เขาพร้อมที่จะทำภารกิจหลักต่อ ชายหนุ่มได้ทิ้งเครื่องหมายมิติไว้ในแดนทมิฬและมันอยู่ไม่ไกลจากพิกัดของเมืองแห่งความโศกเศร้า
เซียวเฟิงเข้าสู่ระบบ หลังจากตรวจสอบยาในตัวของตัวเองแล้ว เซียวเฟิงก็เปิดใช้งานแหวนห้วงมิติและกลับไปยังตำแหน่งที่ได้ทิ้งเครื่องหมายมิติไว้ในแดนทมิฬ เนื่องจากเซียวเฟิงได้เข้าไปในส่วนลึกของแดนทมิฬและมอนสเตอร์ที่พบตามทางก็เป็นภัยคุกคาม ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่สามารถประมาทได้ ชายหนุ่มถึงกับต้องอ้อมหลบสถานที่ที่บอสอยู่รวมกันเป็นฝูง
แดนทมิฬเป็นแผนที่ระดับสูง มีมอนสเตอร์ระดับสูงเลเวล 30 มากมาย และมีบอสอยู่ในนั้นด้วย นอกจากนี้ บอสเหล่านั้นยังโจมตีผู้เล่นได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ทัศนวิสัยต่ำของแดนทมิฬ
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากหมอกดำแผ่ซ่านไปทั่ว จึงไม่เพียงแต่มีบอสใหม่จำนวนมากเท่านั้น แต่ยังมีมอนสเตอร์จำนวนมากที่มีการกลายพันธุ์อีกด้วย ดังนั้นระดับความเสี่ยงจึงเพิ่มขึ้น
และไม่ใช่บอสทุกตัวจะมีคุณลักษณะมืดและอันเดด หากเซียวเฟิงเจอบอสที่มีคุณลักษณะมืดและอันเดดซึ่งจัดการได้ง่าย เขาก็จะไม่ยอมปล่อยพวกมันไป แต่ชายหนุ่มก็ยังคงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงพวกมันเกือบตลอดเวลาหากเป็นบอสประเภทอื่น
ท้ายที่สุด จุดหมายปลายทางของเขาคือเมืองแห่งความโศกเศร้า เขาจะเสียเวลามากถ้ามัวแต่ต่อสู้กับพวกมันระหว่างทาง
เมื่อเทียบกับการเสียเวลาไปกับการทำภารกิจหลัก เซียวเฟิงขอไปเก็บเลเวลของตัวเองดีกว่า ส่วนบอสที่มหาสุสานใต้พิภพก็มีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นชายหนุ่มจึงมีบอสให้สู้ไม่ขาด
ทว่าจู่ ๆ เซียวเฟิงพลันขมวดคิ้ว เมื่อเขาเดินผ่านพุ่มไม้หนาม เขาก็ทิ้งเครื่องหมายมิติไว้ตรงนั้น จากนั้นก็หยิบคัมภีร์เทเลพอร์ตกลับเมืองออกมาทันทีเพื่อกลับไปที่พื้นที่ปลอดภัยของเมืองเทียนหลง ก่อนที่เซียวเฟิงจะออกจากระบบทันที
หมวกเกมของ ‘มิธ’ จะช่วยให้ผู้เล่นนอนหลับในสภาพที่ไม่หลับลึก และผู้เล่นแทบจะไม่สามารถรู้สึกถึงสถานการณ์ภายนอกในสภาพดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายและอุบัติเหตุ หมวกเกมก็ได้เพิ่มระบบเตือนภัย ตราบใดที่ยังมีเสียงที่ดังมาก ๆ หรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หรือร่างกายของผู้เล่นเคลื่อนไหว หรือสถานการณ์อื่น ๆ ระบบเตือนภัยจะเตือนให้ผู้เล่นออกจากระบบ
นอกเหนือนจากพื้นฐานของระบบเตือนภัยนี้ เซียวเฟิงยังปรับปรุงการรับรู้ของเขาต่อโลกภายนอกด้วย เซียวเฟิงสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ตราบเท่าที่มีบางอย่างเกิดขึ้นภายนอก
ตอนที่เซียวหลิงพยายามจะแอบขึ้นมาบนเตียงของเซียวเฟิง ก่อนหน้านี้ เซียวเฟิงก็รับรู้ได้ แต่การรับรู้ของร่างกายของเขานั้นคุ้นเคยกับเซียวหลิงมาก ดังนั้นระบบเตือนภัยจึงไม่เตือนให้เขาออกจากระบบ
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้น แม้ว่าเซียวเฟิงจะไม่ได้รับสัญญาณเตือนจากระบบ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองจากร่างกายบอกชายหนุ่มว่ามีคนปรากฏตัวขึ้นในห้องของเขา!
เซียวเฟิงถอดหมวกเกมของเขาออก แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เปิดไฟ แต่เขาก็ยังเห็นเงาสีขาวที่มีผมยาวยืนอยู่ข้างเตียงของตัวเองท่ามกลางแสงจันทร์ ถ้าไม่ใช่เซียวเฟิงแต่เป็นคนอื่นที่เห็นแบบนี้ตอนกลางดึกก็คงจะกลัวไปแล้ว
“เธอมาทำอะไรที่ห้องฉัน”
เซียวเฟิงเปิดโคมไฟข้างเตียงแล้วถามเงาสีขาวพร้อมขมวดคิ้ว เงาสีขาวนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิวเฉียงเว่ย เซียวเฟิงมองข้ามเรื่องที่เธอมาที่วิลล่าตอนกลางดึก แต่เธอเข้ามาในห้องของเขาได้ยังไง!
“ฉัน…ฉัน…”
เห็นได้ชัดว่าหลิวเฉียงเหว่ยไม่คิดว่าเซียวเฟิงจะออกจากระบบในทันที ดังนั้นจึงแสดงความสับสนบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ
“มีอะไรเกิดขึ้นกับมิดซัมเมอร์เหรอ? คนที่ฉันตามหาปรากฏตัวขึ้นงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงคิดได้เพียงความเป็นไปได้นี้แล้วเขาก็ถาม
“ไม่… ไม่ใช่” หลิวเฉียงเหว่ยสงบลงอย่างรวดเร็วและส่ายหัว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฟิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังได้ออกจากมิดซัมเมอร์กรุ๊ปไปแล้ว มิฉะนั้นคงสามารถเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่ายได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปไปแล้ว
“ขะ… ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของนายในวันนี้นะ”
บางทีหลิวเฉียงเหว่ยคงสังเกตเห็นแววตาที่ผิดหวังของเซียวเฟิง ดังนั้นเธอจึงมองไปที่เซียวเฟิงด้วยดวงตาคู่งามของตัวเองแล้วพูดทันที
“ด้วยความยินดี มีอะไรอีกไหม?”
เซียวเฟิงส่ายหัว เขามองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ และหลิวเฉียงเหว่ยที่ไม่คิดจะจากไป จากนั้นเขาก็ถาม
“วันนี้… นายคงเหนื่อยใช่ไหม?”
หลิวเฉียงเหว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด เธอได้รู้จากเฉียนโตวโตวว่ายาหายากนั้นมาจากเซียวเฟิง และชายหนุ่มสามารถซื้อได้ครั้งละพันชุดเท่านั้น แต่วันนี้ ยาหายากที่กิลด์มิดซัมเมอร์ใช้ไปในสงครามกิลด์มีมากกว่าสิบล้านชุด กล่าวคือเซียวเฟิงอยู่ในกระบวนการขนส่งยาหายากเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน
“ฉันอยากนวดไหล่ให้น่ะ”
หลิวเฉียงเหว่ยไม่รอการยินยอมจากเซียวเฟิง เธอกลัวว่าเซียวเฟิงจะปฏิเสธเธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงมาที่เตียงของชายหนุ่มทันทีหลังจากสิ้นคำพูดของเธอ
หลิวเฉียงเหว่ยเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน เรือนร่างที่งดงามไร้ที่ติของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเหมือนกล้วยไม้ จากนั้นเธอก็นั่งข้างเตียงของเซียวเฟิง มือที่อ่อนนุ่มและขาวของหญิงสาววางไว้บนไหล่ของเซียวเฟิงอย่างระมัดระวังและเบามือ