เล่ม 1 ตอนที่ 252 ตระกูลวิปลาส

ราชินีพลิกสวรรค์

ประสาท!

เจียงหลีสบถในใจ ไม่รู้จัก

“เขาคือขันทีรับใช้ข้างกายเสด็จพ่อของข้า” เฉียนลี่อธิบายถึงตัวตนของคนนั้น

เจียงหลีอึ้ง ก่อนจะยิ้มเยาะ “รัชทายาททรงกล้าจริงๆ แม้กระทั่งคนข้างกายฝ่าบาทยังฆ่าได้ลงคอ”

เฉียนลี่กลับไม่ยี่หระแล้วเอ่ยขึ้น “ขันทีข้างกายของเสด็จพ่อมักจะหายไปโดยไม่มีใครรู้ เจ้าคิดว่าคนพวกนั้นไปที่ไหน”

“…” เจียงหลีอยากจะชกหน้าเขานัก

นางรู้ปัญหานี้ดี

แน่นอนว่านางไม่ใช่คนโง่ย่อมเข้าความหมายที่เฉียนลี่สื่อว่าหมายถึงอะไร

“เจ้าคงยังไม่รู้ว่าเสด็จพ่อของข้ามีงานอดิเรกที่พิเศษ” รอยยิ้มของเฉียนลี่เศร้าหมอง “เสด็จพ่อดูเหมือนว่าจะชอบเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเป็นพิเศษ เจ้าชอบเล่นสนุกกับพวกเขา เสียงกรีดร้องจากพวกเขาราวกับเสียงสวรรค์ก็มิปาน”

นายบำเรอ!

เจียงหลีหรี่ตาอย่างตกใจ ฮ่องเต้วิปลาสเกินไปแล้ว

ดวงตาเป็นประกายของเจียงหลีสะท้อนให้เห็นถึงท่าทางของเฉียนลี่แล้วเสริมว่า ตรงหน้าก็เป็นคนบ้าดีเดือด

“กลับมาที่เรื่องสำคัญ” เฉียนลี่พูดพลางยกขาเหยียบหน้าคนนั้นแล้วค่อยๆ ย่ำยี “ที่เขามาปรากฏตัวที่นี่เพราะบังเอิญได้ยินความลับ”

“…” ไม่รู้เพราะเหตุใด เจียงหลีรู้สึกคำว่าความลับที่ออกจากปากเขาเกี่ยวข้องกับนาง

นางไม่ตอบโต้และรอเฉียนลี่พูดประโยคถัดไป

“อยากรู้หรือเปล่าว่าเขารู้ความลับอะไรถึงทำให้มีจุดจบวันนี้” เฉียนลี่ยกยิ้มเยือกเย็นมองเจียงหลี

ดวงตาของเจียงหลีวูบไหวแล้วยกยิ้ม “จุดประสงค์ที่เจ้าเรียกข้ามามิใช่เพราะเรื่องนี้หรือ”

“ถือว่าเจ้าฉลาดมาก” เฉียนลี่เหยียดยิ้ม

เจียงหลีไม่สนใจ ‘คำเยินยอ’ ของเขา สิ่งที่นางสนใจคือความลับนั้นที่เฉียนลี่พูดต่างหาก

“หลังเสร็จสิ้นการสอบของสถาบันไป๋หยวน เฉียนจวิ้นได้ไปหาเสด็จพ่อเพื่อร้องขอบางอย่าง เห็นบอกว่า…” เฉียนลี่จงใจหยุดพูดแล้วมองเจียงหลีด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

สีหน้าเช่นนี้ของเขาทำให้เจียงหลีรู้สึกถึงลางสังหรณ์

“เขาต้องการแต่งกับองค์หญิงเสวียนเทียนแห่งราชวงศ์จยาเซียนมาเป็นพระชายา” ในที่สุดเฉียนลี่ก็พูดเรื่องสำคัญออกมา

อะไรนะ!

นางเบิกตาโตมองเฉียนลี่ที่ยิ้มร้ายๆ อย่างตกตะลึง

เฉียนจวิ้นบ้าไปแล้ว!

โดยเฉพาะในระหว่างการสอบ นางฆ่าเขาถึงสองครั้ง ระหว่างสองคนมีแต่ความแค้นไม่มีสิ่งอื่นใด เหตุใดเขาจึงกลับไปทูลฮ่องเต้ซีเฉียนถึงการคิดบัญชีนี้!

เฉียนจวิ้นถูกทารุณมาหรือ เจียงหลีอดค่อนแขวะในใจไม่ได้

“เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้ากับองค์ชายรองไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ผู้หญิงที่เขาสนใจในสถาบันดูเหมือนว่าจะชื่อโจวยวน” เจียงหลีใจเย็นลงและสบตากับเฉียนลี่ด้วยแววตาเรียบนิ่ง

เขาหัวเราะติดตลก “เขาอยากแต่งกับเจ้า แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะมีใจให้เจ้า เจ้าเคยต่อสู้กับพระอนุชาของข้าก็น่าจะรู้ว่าเขาฝึกฝนไปยังหนทางไหน”

“ทักษะประเภทช่วยเหลือ” เจียงหลีตอบแทบไม่ต้องคิด

หลังจากที่พูดคำนั้นออกไป นางก็ชะงักค้างเรียกสติกลับมา “เขาทำเพื่อต้องการวิญญาณยุทธ์ทักษะประเภทช่วยเหลือ!”

“ใช่ จุดประสงค์ที่เฉียนจวิ้นเข้าสถาบันไป๋หยวนก็เพื่อวิญญาณยุทธ์ แล้ววิญญาณยุทธ์นั่นถูกมอบให้เจ้าต่อหน้าธารกำนัน สิ่งที่เขาใฝ่ถึงตลอดกลับตกไปอยู่ในมือของเจ้า เจ้าว่าเขาจะทำเช่นไรดีล่ะ” ในรอยยิ้มของเฉียนลี่แฝงความรู้สึกยินดีในโชคร้ายของคนอื่น

เจียงหลีหรี่ตา คาดเดาในใจไว้แล้วว่าเฉียนจวิ้นมีแผนการอะไร

หากเขาหมั้นหมายกับนาง ความสัมพันธ์ของทั้งสองเปลี่ยนไป เขาสามารถร้องขอวิญญาณยุทธ์เป็นสินสอดได้โดยตรง หากเป็นสินสอด หรือเขาสามารถใช้วิธีอื่นหลอกเอาของนางไป

ถึงอย่างไรขอแค่นางอยู่ในนามว่าที่พระชายาของเฉียนจวิ้น เขาอยากทำอะไรก็สะดวกแล้ว อีกทั้งไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว คนอื่นอยากจัดการอะไรก็จัดการไม่ได้

“ความคิดดีจริงๆ” เจียงหลียิ้มเยือกเย็น

“เขาไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นหรอก คงมีคนคอยชี้แนะข้างเขา” เฉียนลี่ยิ้มอย่างเย็นชา

คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้เตือนสติเจียงหลี

ใช้แผนการชั่วร้ายเช่นนี้สามารถทำลายชื่อเสียงนางได้ต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถเพิ่มโอกาสที่จะได้รับวิญญาณยุทธ์นั่นอีกด้วย ถ้าไม่ใช่คนที่เกลียดแค้นนางก็คงคิดไม่ถึง

‘โจวยวน’ อยู่ข้างกายเขา ทั้งยังเป็นคนที่เกลียดนาง นอกจากนี้เจียงหลีก็ไม่มีใครอีกแล้ว

เมื่อเข้าใจแผนการดังกล่าว เจียงหลีก็นึกโกรธขึ้นมา

นางไม่เคยคิดสนใจพวกเขา แต่แมงเม่าพวกนี้กลับอยากบินเข้ากองไฟเอง

“อีกอย่าง เสด็จพ่อรับปากเรื่องนี้แล้ว ความสำเร็จที่เจ้าได้รับจากการสอบคราวนี้ก็ทำให้พวกเขามีข้ออ้างได้ อีกสามวันจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับเจ้า ถึงเวลานั้นเฉียนจวิ้นต้องแสดงความรักที่มีต่อเจ้าต่อหน้าธารกำนัน เสด็จพ่อก็คงต้องไหลไปตามน้ำ ให้ทั้งสองแคว้นแต่งงานดองกันผนึกความสัมพันธ์อันดีของฉินและจิ้น” ไม่รู้ว่าเฉียนลี่มีจุดประสงค์อะไรถึงได้บอกเรื่องทุกอย่างให้เจียงหลีรู้อย่างหมดเปลือก

เจียงหลีได้ยินก็ยิ่งโกรธ แต่ยิ่งโกรธก็ยิ่งขำ แต่ทว่านางจะไม่เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงต่อหน้าเฉียนลี่เด็ดขาด

จู่ๆ นางก็ขำขึ้นมา “ข้าเองก็มีวาสนาได้เจอรัชทายาทเพียงครั้งเดียวแล้วยังจากกันไม่ดีอีกด้วย ในเมื่อเจ้าทราบเรื่องนี้แล้วมีเหตุอันใดถึงได้มาแจ้งกับข้า”

“เจ้าฉลาดมาก ข้าชอบพูดกับคนฉลาด” เฉียนลี่หัวเราะแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าที่เย็นชาของเขา

“ข้าบอกเจ้าก็ได้ แน่นอนว่าข้าไม่ต้องการให้เฉียนจวิ้นครอบครองวิญญาณยุทธ์นั้น และข้าก็ไม่หวังว่าเบื้องหลังเขาจะปรากฏคนจากราชวงศ์จยาเซียน” เฉียนลี่เผยความคิดตามตรง

เจียงหลีเข้าใจจุดนี้แล้ว

ถึงแม้นางไม่ได้ให้ความสนใจสถานการณ์บ้านเมืองของซีเฉียน แต่นางก็รู้ว่าการฟาดฟันระหว่างฮ่องเต้ทั้งสองนั้นดุเดือดแค่ไหน

ฮ่องเต้ซีเฉียนโปรดปรานเฉียนจวิ้นมาก แต่กลับเกรงกลัวอำนาจจากตระกูลของฮองเฮา เช่นนั้นตำแหน่งรัชทายาทของเฉียนลี่ถึงจะปลอดภัย

การแต่งงานดองกันครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ซีเฉียนร่วมมือกับพระโอรสของตัวเองเพื่อทำลายพระโอรสอีกคน

การวิเคราะห์เมื่อครู่นี้ยังลืมอีกสิ่งหนึ่ง หากเฉียนจวิ้นได้เป็นราชบุตรเขยของราชวงศ์จยาเซียนขึ้นมาจริงๆ ไม่สนว่าจะมีความรู้สึกต่อเจียงหลีอย่างไรต่างก็สามารถเพิ่มอำนาจในการต่อสู้กับเฉียนลี่ได้ทั้งนั้น

เกรงว่ารัชทายาทรู้สึกถึงข้อนี้จึงได้เป็นฝ่ายเข้าหาเจียงหลีก่อน

แววตาของเจียงหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ได้ถูกคำพูดของเฉียนลี่ยุแยงได้ง่ายๆ นางหัวเราะพลางเอ่ยกับเขา “ข้อนี้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามิยอมเอาวิญญาณยุทธ์ของข้าให้เฉียนจวิ้นหรอก แล้วก็จะไม่ตกลงแต่งงานกับเขาด้วย”

ฮ่องเต้ซีเฉียนออกหน้าให้แล้วอย่างไรล่ะ

นางยังเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์จยาเซียนแล้วไม่ได้เป็นคนของแคว้นซีเฉียน ต้องเชื่อฟังพระราชโองการของเขาด้วยหรือ

“องค์หญิงเสวียนเทียนเข้าใจข้าผิดแล้ว” จู่ๆ เฉียนลี่ก็เปลี่ยนมาเรียกยศฐาของนาง

เจียงหลีหรี่ตายิ้มแต่ไม่พูดอะไร

นางไม่ได้เข้าใจผิด แต่ไม่อยากเหยียบเรือของเฉียนลี่ ไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทแห่งซีเฉียน

“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไร” เจียงหลีถามสีหน้าเรียบนิ่ง

……………………