เล่ม 1 ตอนที่ 253 ข้าขอปฏิเสธ/ตอนที่ 254 ข้าไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย

ราชินีพลิกสวรรค์

ตอนที่ 253 ข้าขอปฏิเสธ

เฉียนลี่อภิเษกพระชายาแล้ว ทั้งพระชายายังเป็นบุตรสาวของขุนนางคนสำคัญในรัชสมัยก่อนและเป็นหลาวสาวของฮองเฮาอีกด้วย แน่นอนว่าเขามิอาจทอดทิ้งพระชายา ดังนั้นถึงได้บอกให้เจียงหลีรั้งตำแหน่งสนม แต่ก็ยืนยันว่าได้ว่าฮองเฮาในอนาคตเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น

เมื่อฟังเขาพูดจบ เจียงหลีก็หัวเราะเย้ย

เฉียนลี่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายเย็นวาบแล้วจึงเอ่ยต่อ “เจ้ากับข้าร่วมมือกัน มีทายาทเป็นครอบครัวกันจริงๆ พอถึงตอนนั้นด้วยอำนาจของข้าและพรสวรรค์ของเจ้า หากอยากครอบครองทั่วทั้งหนานฮวงก็มิใช่เรื่องอยาก ลูกของเราต้องถูกสมญานามว่าเป็นคนที่สูงส่งที่สุดในใต้หล้า สามารถนั่งครองทั้งหนานฮวง เป็นรัชทายาทแห่งหนานฮวงที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนนับล้าน!”

ฮ่าๆ! เจียงหลีอดขำไม่ได้

“เจ้ามองการณ์ไกลจริงๆ!”

เพ้อเจ้อ!

อยากให้ราชินีอย่างข้ามีลูกให้กับเจ้าอย่างนั้นหรือ อยากครอบครองใต้หล้าก็ไม่ส่องกระจกดูเสียก่อน เจียงหลีก่นด่าในใจ

คิดไม่ถึงว่าเฉียนลี่ฟังไม่ออกว่านางพูดประชดอีกทั้งยังเรียกชื่อน่าสะอิดสะเอียน “หลีเอ๋อร์”

“หยุดนะ!”

เจียงหลีถอยไปข้างหลัง

ปฏิกิริยาของนางเช่นนี้ ทำให้เฉียนลี่เค้นความรู้สึกลึกๆ ออกมาอย่างห้ามไม่ไหวอีกแล้ว “หรือว่าองค์หญิงเสวียนเทียนกำลังรังเกียจข้า”

เหอะๆ!

เจียงหลีเว้นระยะห่างระหว่างสองคนอย่างไม่ปิดบัง “ดูท่าทางช่วงนี้เจ้าพักผ่อนไม่เพียงพอ กำลังฝันกลางวันแสกๆ ข้าไม่รบกวนเวลาพักเจ้าแล้วดีกว่า ขอตัวก่อน”

เรื่องที่ควรรู้ก็ได้รู้แล้ว เจียงหลีขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเขาและกำลังเตรียมตัวหนีออกไป

“เจ้าว่าข้ากำลังฝันกลางวันรึ” เฉียนลี่หรี่ตา ปรากฏแววตาเยือกเย็น

บรรยากาศน่ากลัวกำลังล้อมรอบเจียงหลี สัตว์ร้ายที่ถูกล่ามโซ่ในกรงทั้งแปดรอบตัวดูเหมือนจะเริ่มคลุ้มคลั่ง

เมื่อเห็นว่าเฉียนลี่คิดจะฉีกหน้า เจียงหลีก็ยกยิ้มเย็นเยียบ “ทุกคนล้วนฉลาด แต่บางเรื่องต้องบอกตรงๆ เช่นนี้เชียวหรือ”

“นี่ก็เป็นสิ่งที่ผิดพลาดครั้งแรกของหลีเอ๋อร์เช่นกัน” เฉียนลี่ยิ้มตาหยี

เจียงหลีลูบแขนตัวเองอย่างแรง “เจ้าอย่าเรียกข้าเยี่ยงนี้เลย ฟังดูน่ากลัวพิลึก”

เฉียนลี่มีสีหน้าเรียบนิ่งบรรยากาศที่รุนแรงล้อมรอบเขา “เจียงหลีอย่าลามปาม ความอดทนของข้ามีไม่มากนัก”

เจียงหลีกำลังจะตอกกลับ แต่ในขณะนั้นเองมีเสียงมาจากด้านนอกตำหนักริมทะเลสาบหลังนี้

“กระหม่อมเฟิงสิงอวิ๋นจากสถาบันไป๋หยวนมารับเจียงหลีลูกศิษย์ของกระหม่อม ไม่ทราบว่าคุยกันเสร็จแล้วหรือยัง หากคุยกันเสร็จแล้ว รัชทายาทได้โปรดส่งคนออกมา หากยังคุยกันไม่เสร็จก็พอแค่นี้ก่อน ถึงอย่างไรบุรุษสตรีอยู่ในห้องด้วยกันนานสองนานจะเสื่อมเสียเกียรติของลูกศิษย์กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ

เฟิงสิงอวิ๋นมาแล้ว ม่านตาของเจียงหลีหรี่ลงแล้วยิ้มขึ้นมาทันที

รอยยิ้มที่สดใสของนางทำให้เฉียนลี่หน้าเสียยิ่งกว่าเดิม

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปแล้ว ภายใต้ความคุ้มกันของหลิงไซว่ทั้งสี่เจ้ายังแอบทิ้งเบาะแสให้เขาตามมาเจอถึงที่นี่” เฉียนซีพูดอย่างเยือกเย็น

“ชมเกินไปแล้วๆ”

รอยยิ้มของเจียงหลีสดใสกว่าเดิม แต่บรรยากาศรอบตัวของเฉียนลี่เริ่มไม่มั่นคง

ถูกเฟิงสิงอวิ๋นตามเจอถึงที่นี่ เขายังจะทำสิ่งใดได้อีก ที่มาของเฟิงสิงอวิ๋นไม่ธรรมดา มิใช่อาจารย์ประจำสถาบันไป๋หยวนธรรมดา หากยังดึงดันให้เจียงหลีอยู่ที่นี่ต่อไป อาจทำให้สถาบันไป๋หยวนไม่พอใจเขาก็เป็นได้ เมื่อถึงช่วงสำคัญในการแย่งชิงบัลลังก์ หากสถาบันไป๋หยวนสนับสนุนเฉียนจวิ้นแล้วจะทำเยี่ยงไร

ก็เพราะว่ารู้เรื่องพวกนี้ถึงได้พยายามขอความอนุเคราะห์จากสถาบันไป๋หยวน

มิฉะนั้นจะปล่อยพวกเจียงหลีสามคนไปง่ายๆ ได้อย่างไร

“รัชทายาท วันนี้ข้าทูลลาก่อน” เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร เจียงหลีจึงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ แล้วหันหลังออกไป

“เจียงหลี” จู่ๆ เฉียนลี่เอ่ยรั้งไว้อยู่ข้างหลังนาง

เจียงหลีหยุดฝีเท้าแต่ก็ไม่ได้หันกลับมา “เจ้ามีอะไรจะกล่าวอีกหรือ”

เฉียนลี่จ้องมองแผ่นหลังของนางแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “สิ่งที่ข้าพูดวันนี้ เจ้าพิจารณาให้ดี เจ้าภักดีต่อตระกูลลู่จากใจจริง แต่ขาดความผูกพันกันทางสายเลือด สำหรับตระกูลหนึ่งหากไม่ใช่สายเลือด เกรงว่าไม่ว่าเจ้าจะทำอย่างไรก็เป็นได้แค่คนนอกอยู่ดี”

เจียงหลีหรี่ตา ยิ้มเย็นชาในใจ จะไปอยู่แล้วเชียว ยังมิวายยุแหย่ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับตระกูลลู่

“ขอบคุณที่เป็นเป็นห่วง” ตอบอย่างขอไปที จากนั้นเจียงหลีก็ก้าวขาออกไปอีกครั้ง

ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับตระกูลลู่มาจากลู่เจี้ย คนทั่วไปจะมารู้ชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลู่เจี้ยได้อย่างไร

เมื่อเดินออกมาจากตำหนักได้แล้วเจียงหลีก็ถอนหายใจออกมา

ลมหายใจที่อยู่ตรงหน้านางเกิดการไหลเวียน เฟิงสิงอวิ๋นปรากฏตรงหน้านาง “เด็กน้อย ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

เมื่อมองไปที่ผู้ชายอ่อนโยน เจียงหลีก็เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่มีอะไร เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณท่านอาจารย์เฟิงมากเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าเช่นนี้ก็ได้” เฟิงสิงอวิ๋นกวัดแกว่งพัดในมือ “ไปเถอะ ข้าจะส่งเจ้ากลับสถาบัน”

เดิมทีเจียงหลีคิดจะไปหาลู่เจี้ย แต่พอคิดๆ ดูนางไม่ควรเอาเรื่องพวกนี้ให้ลู่เจี้ยกลุ้มใจ ปัญหาเหล่านี้ นางสามารถแก้ไขเองได้!

เช่นนั้นนางจึงพยักหน้าให้กับเฟิงสิงอวิ๋น “รบกวนท่านอาจารย์เฟิงแล้ว”

“ไปกันเถอะ ยังมีพระราชโองการรอเจ้าที่สถาบันอีกหนึ่งฉบับนะ” จู่ๆ เฟิงสิงอวิ๋นก็เอ่ยถึง

เจียงหลีตกตะลึงแล้วแอบพูดในใจ มาเร็วขนาดนี้เลย แววตาของเจียงหลีได้ปรากฏไอสังหารออกมาเสียแล้ว

 …………………………..

ตอนที่ 254 ข้าไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย

“ดูท่าทางเจ้าคงจะรู้ข่าวแล้วสินะ”

แน่นอนว่าเฟิงสิงอวิ๋นรู้สึกถึงเจตนาฆ่านั้น เขาหุบพัดในมือจากนั้นยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นกับเจียงหลี

เจียงหลีก็มิได้ปิดบัง นางกระตุกคิ้วก่อนจะพูดกับเขา “มิฉะนั้นท่านอาจารย์เฟิงคิดว่ารัชทายาทซีเฉียนผู้นี้จะเชิญข้ามาที่นี่ทำไมล่ะเจ้าคะ”

“อ่อ” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยน้ำเสียงแฝงความหมาย

ทั้งสองเดินออกจากตำหนักริมทะเลสาบไปด้วยกัน

ในสถาบันไป๋หยวน เพราะลู่เสวียนและเจียงหลีกำลังสงสัยและกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเจียงหลีจากพระราชโองการนั่น ทั้งสองจึงเดินช้าๆ

ถึงอย่างไรระหว่างทางช่างน่าเบื่อแล้วเจียงหลียังดูเข้ากันได้ดีกับเฟิงสิงอวิ๋นอีก

นางยังบอกเรื่องที่คุยกับเฉียนลี่ให้เฟิงสิงอวิ๋นแล้วอีกด้วย

หลังจากเฟิงสิงอวิ๋นฟังแล้วก็ไร้รอยยิ้มบนใบหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ไร้ยางอาย!”

“ไร้ยางอายจริงๆ” เจียงหลีพยักหน้า

ราชวงศ์ซีเฉียน ไม่ได้เป็นเพียงตระกูลของคนบ้าวิปลาสเท่านั้น ทั้งยังหน้าด้านไร้ยางอายอีกด้วย หลงตัวเองจริงๆ!

มีสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าการแต่งงานกับนางจะมีบุญคุณกับนาง นางต้องซาบซึ้งบุญคุณนี้หรือไม่

“เพื่อครอบครองวิญญาณยุทธ์นั่น เฉียนจวิ้นยอมทำทุกวิถีทางจริงๆ ส่วนเฉียนลี่ก็วางแผนเพื่อชิงบัลลังก์” เฟิงสิงอวิ๋นพูดและยิ้มเยือกเย็น

“ข้าก็คิดไม่ถึง ข้าเป็นแขกต่างบ้านต่างเมือง หลังเข้าทดสอบประจำปีแล้วกลายเป็นบุคคลสำคัญขึ้นมาเฉยเลย” เจียงหลีทอดถอนหายใจ

เฟิงสิงอวิ๋นมองนางอย่างนึกขำ “พรสวรรค์ของเจ้า ถูกลิขิตไว้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก อย่างไรเสียเจ้ายังเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์จยาเซียน”

เจียงหลีมองเขาอย่างงุนงงด้วยความไม่เข้าใจ

เฟิงสิงอวิ๋นส่ายหน้ายิ้มขมขื่น “ดูท่าทางเจ้าคงทุ่มกายใจฝึกฝนจริงๆ ถึงได้ไม่สนใจโลกภายนอกเลย”

เอ่อ…

เจียงหลีเผยอยิ้ม

“หนึ่งปีมานี้ ได้กลืนกินแคว้นเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง มีการขยายอาณาเขตในอัตราที่รวดเร็ว สงครามและการขยายตัวดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราชวงศ์จยาเซียนเลย แต่ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ข้าสงสัยจริงๆ แต่ก็ชื่นชมมาก นายน้อยลู่ทำได้เยี่ยงไร” แววตาเฟิงสิงอวิ๋นชื่นชมอย่างไม่ปิดบังสักนิด

เจียงหลีได้ยินก็ตกตะลึง

ที่แท้หนึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาทำการใหญ่ไปตั้งหลายเรื่อง!

แน่นอนว่าลู่เจี้ยเก่งกาจ!

คำพูดของเฟิงสิงอวิ๋น ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจหลังจากตกใจ ผู้ชายที่นางเลือกช่างเก่งกาจยอดเยี่ยมที่สุด

“เด็กน้อย เจ้ายิ้มอะไร” เฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่เจียงหลีด้วยความตื่นเต้นอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไร” เจียงหลีตอบกลบเกลื่อน

เฟิงสิงอวิ๋นมองนางอย่างสงสัยแล้วพูดต่อ “ช่วงเวลาหนึ่งปี ความแข็งแกร่งของราชวงศ์จยาเซียนนั้นน่าทึ่งมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้แคว้นใหญ่อื่นหวาดระแวงขึ้นมา หนึ่งในนั้นก็คือซีเฉียน ข้าว่าฮ่องเต้ซี

เฉียนตอบตกลงเรื่องนี้ เกรงว่าก็มีการหยั่งเชิง เขาอยากใช้ตำแหน่งองค์หญิงแห่งราชวงศ์จยาเซียนของเจ้าเพื่อดูท่าทีความเคลื่อนไหวของฝ่ายนั้น”

เจียงหลีขมวดคิ้ว

การแย่งชิงอำนาจพวกนี้ทำให้นางไม่รู้สึกยินดีนัก

ตอนนางบริหารบ้านเมืองนั้นเรียบง่ายมาก การกดขี่สายเลือด ปฏิบัติตามประเพณี มีความสกปรกขนาดนั้นเชียวหรือ

“ดูเหมือนข้าต้องไปงานเลี้ยงในอีกสามวันข้างหน้า” เจียงหลีพึมพำ เดิมทีนางจะไม่ไปงานเลี้ยง แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฟิงสิงอวิ๋นพูด นางก็เปลี่ยนใจแล้ว นางไม่สามารถให้ฮ่องเต้ซีเฉียนหาข้ออ้างหลอกใช้นางเพื่อหยั่งเชิงลู่เจี้ย

“ไปสิ ต้องไปอยู่แล้ว มิฉะนั้นฮ่องเต้ซีเฉียนอาจใช้ความผิดที่ขัดราชโองการหรือใช้วิธีการอื่นเพื่อผูกมัดเจ้า นั่นจบไม่สวยแน่” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยขึ้น

เจียงหลีพยักหน้า

มันก็มีเหตุผลจริงๆ

สายตาของเฉียนลี่และเฉียนจวิ้นจดจ่อที่ชิงตำแหน่งรัชทายาท แต่บัลลังก์ฮ่องเต้ยังคงอีกยาวไกล จุดมุ่งหมายของเขาคือราชวงศ์จยาเซียนต่างหาก!

“ไปก็ไป ถือโอกาสดูว่าพวกเขาจะเล่นตุกติกอะไรพอดีเลย” เจียงหลีเหยียดยิ้มทันที

เฟิงสิงอวิ๋นพูดติดตลก “หากฮ่องเต้ซีเฉียนเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานจริง เจ้าจะทำเยี่ยงไร”

“แน่นอนว่าข้าต้องปฏิเสธ ข้าไม่ได้ชอบเฉียนจวิ้นสักหน่อย ทำไมถึงต้องตกลงด้วยเล่า หรือว่าฮ่องเต้ซีเฉียนยังกล้าบังอาจบังคับให้องค์หญิงแห่งจยาเซียนอย่างข้าตกลงแต่งงานได้ด้วยหรือ” เจียงหลีเอ่ยขำ

ไม่ไป เพราะไม่อยากมีปัญหาแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่กล้า

“ถ้าสมมติฮ่องเต้ซีเฉียนส่งราชทูตไปสู่ขอแต่งงานถึงราชวงศ์จยาเซียนล่ะ” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยขึ้น

เจียงหลีหัวเราะเยาะ “ข้ารับประกัน ไม่ว่าเขาจะส่งทูตไปกี่คนไปแล้วไม่มีวันกลับแน่” ทั้งยังเร่งระยะเวลาที่ซีเฉียนพังพินาศด้วย

“มั่นใจอะไรขนาดนั้น” เฟิงสิงอวิ๋นพูดอย่างขำๆ

เจียงหลีกระตุกคิ้วและเผยอยิ้มแต่กลับไม่ตอบไป แน่นอนว่านางมีความเชื่อมันในตัวลู่เจี้ยอยู่แล้ว

“ที่จริงข้ามีวิธี สามารถช่วยเจ้าแก้สถานการณ์งานเลี้ยงสามวันข้างหน้า” จู่ๆ เฟิงสิงอวิ๋นก็เอ่ยขึ้น

“อะไร” เจียงหลีถามอย่างสนใจ

เฟิงสิงอวิ๋นกล่าว “ขอแค่หลังจากที่เจ้ากลับไปรีบเก็บตัวฝึกฝน พอถึงเวลานั้น ข้าจะให้ข้ออ้างนี้ทำให้ฮ่องเต้ซีเฉียนยกเลิก อย่างน้อยก่อนที่เจ้าจะออกไปก็ไม่ได้ทำลายความตั้งใจของเจ้า”

หลังจากที่เจียงหลีได้ยินก็พยักหน้ายิ้มๆ “วิธีนี้ไม่เลว แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรข้าเจียงหลีไม่เคยหนีปัญหา”

เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มแล้วไม่พูดสิ่งใดอีก

เพียงแต่ส่วนลึกของดวงตาที่หรี่ลงของเขามีร่องรอยของความลำบากใจที่ยากจะค้นพบ

ดูเหมือนเหตุผลที่เขาต้องการให้เจียงหลีถอยกลับไม่ใช่เพราะเหตุนี้

เจียงหลีตัดสินใจไปงานเลี้ยงแล้ว เฟิงสิงอวิ๋นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แต่ตอนกำลังจะแยกกันที่สถาบัน กลับเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “อีกสามวันข้าจะไปงานเลี้ยงกับเจ้า”

เมื่อสิงอวิ๋นกดดันเช่นนี้ แน่นอนว่าเจียงหลีปฏิเสธไม่ได้

แต่นางกลับไม่รู้ว่าหลังจากที่แยกกับเฟิงสิงอวิ๋นแล้ว เขาไม่ได้กลับไปยังที่พำนักของตนเอง แต่เดินออกจากสถาบัน แอบมายังตำหนักเล็กๆ ที่นางพึ่งจะจากไปไม่นาน

“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเด็กคนนั้นต้องการจัดการปัญหาคนเดียว ดังนั้นข้าเลยจะอ้างวิธีนี้เพื่อให้นางเก็บตัว แต่ในระยะนี้ยังไม่สามารถทำการใดได้” เฟิงสิงอวิ๋นนั่งในห้องโถง มีถ้วยน้ำชาวางอยู่ตรงหน้า บุคคลที่เขาสนทนาด้วยก็คือลู่เจี้ยที่อยู่หลังม่าน

ด้านหลังม่านเสียงเรียบนิ่งของลู่เจี้ยดังมาอย่างช้าๆ “ข้าไม่ได้อยากให้คนซีเฉียนล่วงรู้ว่าข้าอยู่เมืองอู๋อิ๋น แต่ในเมื่อพวกเขามาสนใจหลีเอ๋อร์ ข้าก็ทำได้เพียงเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูเท่านั้น”

“นายน้อยลู่จะไปร่วมงานเลี้ยงหรือ” เฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่ม่านด้วยความประหลาดใจ

ผ่านไปสักพัก คนหลังม่านจึงเอ่ยตอบ “หลีเอ๋อร์ไปคนเดียว ข้าไม่วางใจ”

เฟิงสิงอวิ๋นขมวดคิ้ว ทำไมถึงรู้สึกว่านายน้อยลู่เป็นห่วงเจียงหลียาโถว มิเกินไปหน่อยหรือ

แม่กระทั่งแม้กระทั่งเพื่อป้องกันไม่ให้นางย้อนกลับไปยังราชวงศ์จยาเซียนและแอบช่วยเงียบๆ โดยใช้เหตุผลเก็บตัวฝึกฝนขังนางให้อยู่แต่ในสถาบันไป๋หยวนซีเฉียน

ท่าทีป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้และไม่ให้เห็นนางถูกรังแก สรุปแล้วนี่คืออะไรกัน

“นายน้อยลู่ สถานะท่านตอนนี้ไม่ธรรมดา หากไปพระราชวังซีเฉียนมันอันตรายเกินไป” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยเตือน

“ไม่ใช่ปัญหา” เสียงเรียบนิ่งดังออกมาจากข้างหลังม่าน

……………………