บทที่ 173 จับอี้เฉินเฟยอยู่หมัดตั้งนานแล้ว

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“น่าจะเป็นระดับสามขึ้นสูง ตาแก่นั่นก็เป็นแค่ระดับสามเบื้องต้น เขาจัดการได้อยู่แล้ว” ขอแค่ภายหลังไม่มียอดฝีมือเข้ามาช่วยนะ

“แล้วเจ้าอยู่ระดับไหน?”

“ก็แค่วิชาการป้องกันตัวเท่านั้นเอง ไม่เก่งเท่าเขาหรอก”

กู้ชูหน่วนกลอกตาขึ้นบน

เชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว

“กระเช้าไปแล้ว ฝูกวงมีวิธีตามมาไหม?”

“เขาเป็นองครักษ์ลับของเจ้าไม่ใช่เหรอ? องครักษ์ลับเจ้ามีความสามารถแค่ไหน เจ้าน่าจะรู้นะ”

“……”

“เขาตามมาแล้ว”

“นายหญิงขอรับ” ฝูกวงเป็นเหมือนวิญญาณ ไม่รู้ว่าขึ้นมาบนกระเช้าเมื่อไหร่ คุกเข่าลงต่อหน้ากู้ชูหน่วนด้วยขาเดียว

พวกทาสบำเรอก็ถอยหลังออกไป มองฝูกวงด้วยแววตาที่หวาดกลัว

กระเช้าไหลออกไปไกลมาก คนผู้นี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน?

ทำไมพวกเขาคนเยอะขนาดนี้ก็ยังไม่เห็น? หรือจะเป็นภูตผี

“ลุกขึ้นเถอะ ทำได้ไม่เลวเลย”

ฝูกวงยิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้าเด็กน้อยแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู ไม่มีแรงอาฆาตฆ่าคนตาไม่กะพริบเหมือนเมื่อกี้แล้ว

“ใกล้ถึงหอสัญญาณที่สองแล้ว พี่เฉินเฟยรับผิดชอบแนวหน้า ข้ารับผิดชอบด้านหลัง”

“คุณหนูสาม ในเมื่อองครักษ์ลับของเจ้ามาแล้ว ไม่ควรให้เขาอยู่แนวหน้าเหรอ? ข้าเป็นแค่นักวิชาการอ่อนแอ”

กู้ชูหน่วนหัวเราะแหะๆ “ฝูกวงของข้ายังเด็ก ต้องได้รับการดูแลเยอะๆ”

ได้ยินคำนี้แล้ว ในใจของฝูกวงก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก

ทันใดนั้น รอยยิ้มของเขาก็จางลงไปมาก เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “นายหญิง มีคนตามมาแล้ว มียอดฝีมือไม่น้อย ในนั้นยังมียอดฝีมือระดับสามระดับกลางและระดับสูงหลายคน……โอ๊ะ……ยังมีกลิ่นกายของถันจู่หลินด้วย อีกอย่าง……ความเร็วของพวกเราเร็วกว่าพวกเราเป็นสองเท่า”

ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็มองไปที่อี้เฉินเฟย และพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่เฉินเฟยเจ้าคะ เจ้าน่าจะจัดกำลังคนรอรับพวกเราอยู่ด้านนอกนะ”

“ไม่มี”

“คนเรียนหนังสือจะพูดปดไม่ได้นะเจ้าคะ”

“เจ้าอยากทำอะไร?” อี้เฉินเฟยใจสั้นกระตุก

“เจ้าจะตื่นเต้นทำไมเล่า ข้าจะทำอะไรเจ้าได้ ก็แค่อยากรบกวนเจ้าพาพวกเขากลับเผ่าปีศาจอย่างปลอดภัย ข้ากับฝูกวงคอยคุ้มกันหลังให้เอง ข้าเชื่อว่า ด้วยความสามารถของเจ้า บุกหอสัญญาณออกไปสองหอน่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไรนะ”

“ไม่ได้ เจ้าต้องไปก่อน ข้าคุ้มกันหลังให้เอง” อี้เฉินเฟยปฏิเสธโดยไม่คิดอะไรเลย

เขาเกือบเสียนางไปแล้วครั้งหนึ่ง จะเสี่ยงอันตรายนี้ไม่ได้เด็ดขาด

“ถ้าเจ้าไม่ล้มพวกคนที่อยู่หอสัญญาณให้หมด ด้วยความสามารถของข้า เกรงว่าทุกคนในกระเช้าจะออกไปอย่างปลอดภัยไม่ได้”

“งั้นเจ้ากับฝูกวงอยู่แนวหน้า ข้าคุ้มกันหลังให้เอง”

ใครก็รู้ว่าคนที่คุ้นกันหลัง อาจจะเจอกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ รวมไปถึงยอดฝีมือของเผ่าปีศาจทั้งหลาย

เทียบกับคนพวกนั้นแล้ว พวกฉีโส่วบนหอสัญญาณไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย

กู้ชูหน่วนทำหน้าบึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดไม่ให้โต้เถียงใดๆ

“พี่เฉินเฟย ถ้าเจ้าเชื่อข้าก็ไปสู้แนวหน้าก่อน ไม่งั้น พวกเราไม่มีใครออกจากที่นี่ได้แน่ และเจ้าจำเป็นต้องไปกดปุ่มเปิดที่ประตูรั้วหอสัญญาณก่อน ยื้อเวลาให้พวกเราได้มากที่สุด”

อี้เฉินเฟยยังอยากจะพูดอะไรอีก กู้ชูหน่วนปีนออกมาบนขอบกระเช้า ขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเจ้าไม่ทำตามที่ข้าบอก ข้าจะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้เลย”

“อย่า……อย่าทำเช่นนั้น ข้าตกลงเจ้า ข้าไปสู้แนวหน้าก่อน เจ้ารีบลงมา”

ไส้เชือกห่างจากพื้นหลายสิบฟุต ถ้าตกลงไปก็อาจจะตายได้

อี้เฉินเฟยรู้จักนิสัยนางดี

เขาเดิมพันไม่ไหวหรอก จึงต้องพยายามยื้อเวลาให้พวกเขาได้มากที่สุด แล้วค่อยย้อนกลับไปช่วยพวกเขา

กู้ชูหน่วนยิ้มหน้าบาน ยิ้มจนเห็นฟันหน้าสองซี่ นางจับอี้เฉินเฟยอยู่หมัดตั้งนานแล้ว

“งั้นก็รบกวนพี่เฉินเฟยด้วยนะเจ้าคะ”