บทที่ 174 ไส้เชือกลับมีสองเส้น

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกลของกู้ชูหน่วน อี้เฉินเหยก็ทั้งโมโหทั้งตลก

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องใช้ไส้เชือกออกจากกระเช้า ออกไปบุกโจมตีพวกฉีโส่วบนหอสัญญาณที่สองก่อน

หลังจากที่หอสัญญาณที่สามทลายไปแล้ว เหลือแต่หอสัญญาณที่สอง เพราะหอสัญญาณแรกเต็มไปด้วยหมอกพิษ จึงไม่มีฉีโส่วเฝ้าอยู่

และเพราะพวกเราบุกมาแล้วทุกหอสัญญาณ ดังนั้นหอสัญญาณที่สองจึงเต็มไปด้วยยอดฝีมือของเผ่าปีศาจ

ยามค่ำคืนมืดมาก พวกกู้ชูหน่วนมองไม่ออกว่าอี้เฉินเฟยต่อสู้บนหอสัญญาณที่สองยังไง ได้ยินแค่เสียงฆ่าหั่นกัน ลมเย็นอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ยอดเขาอันกว้างใหญ่ดังก้องไปด้วยเสียงคร่ำครวญอย่างทรมาน ไม่รู้ว่าหอสัญญาณที่สองมีคนตายไปมากเท่าไหร่

ทาสบำเรอต่างก็ตัวสั่นเทา มีใครเคยเห็นภาพแบบนี้บ้าง

ประตูรั้วเปิดออกได้อย่างราบรื่น และยังคงเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสองเท่า เห็นว่าใครจะถึงหอสัญญาณที่สองแล้ว ไส้เชือกระหว่างหอสัญญาณที่สองกับที่สามกลับตัดขาดจากกัน

ด้านหนึ่งเสียการทรงตัวไป

เท่ากับว่าเชือกด้านหนึ่งถูกตัดออก ไส้เชือกรับน้ำหนักไม่ไหวกำลังดิ่งตัวลงไปเรื่อยๆ ในตอนที่ใกล้จะตกลงไปแล้วนั้น ฝูกวงดึงไส้เชือกด้วยมือข้างเดียว เขย่งปลายเท้าขึ้น ใช้ กระเช้าเป็นตัวช่วยในการเลี้ยวโค้ง กระโดดไปที่หอสัญญาณที่สอง

เพราะห่างจากหอสัญญาณที่สองอีกระยะหนึ่ง ระหว่างกระเช้ากับกระเช้าห่างกันมาก ตอนที่บินออกจากกระเช้าอันสุดท้ายไปกระเช้าอันแรก ฝูกวงไม่มีแรงในการกระโดดไปที่หอสัญญาณ จึงโยนอีกด้านของเชือกไปให้อี้เฉินเฟย แล้วใช้พลังที่ตัวเองมีทั้งหมด ดันกระเช้าไปที่หอสัญญาณเต็มแรง

อี้เฉินเฟยรีบไว้ได้แล้ว และดึงเข้ามาแรงๆ กระเช้ามาถึงหอสัญญาณที่สองอย่างปลอดภัย แต่ฝูกวงเป็นเพราะใช้แรงดันกระเช้ามาที่หอสัญญาณ ดังนั้นจึงไม่มีตัวช่วยค้ำจุน เขาตกลงไปยังเหวลึก

“ฝูกวง”

กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง ไม่รู้ว่าได้เชือกมาจากไหน นางรีบโยนลงไปให้ฝูกวง

ฝูกวงคว้าเอาไว้และปีนขึ้นมาด้วยเชือกเส้นนี้

แค่อึดใจเดียวเท่านั้น เขาอาจจะตกลงไปจนเละละเอียดไปแล้ว แต่ใบหน้าของเขากลับยิ้มแช่งอย่างมีความสุข

“นายหญิง”

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง? ทำไมไม่ขึ้นกระเช้าก่อนแล้วค่อยโยนไส้เชือกให้อี้เฉินเฟย”

ฝูกวงหัวเราะแหะๆ ลูบหลังศีรษะแล้วพูดว่า “เช่นนี้นายหญิงจะปลอดภัยมากกว่าขอรับ”

กู้ชูหน่วนกลับพูดไม่ออก มองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของฝูกวง รู้สึกจุกในลำคอ

เย่เฟิงไม่รู้ว่าเดินโซเซออกจากกระเช้าเมื่อไหร่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นแดงก่ำไปหมด สายตาของเขาล่อกแล่ก และพูดอย่างอ่อนแองว่า “ที่นี่มี……มีไส้เชือกสองเส้น เส้นหนึ่งคือแบบล่อง……ล่องหน ในยามค่ำคืนจะมองไม่ออก พวกเขาตัดไส้เชือกที่เห็นชัดออกไป ยังมีไส้เชือกลับอยู่ ต้อง……ต้องตัดไส้เชือกลับออก เดี๋ยวพวกเขาจะ……จะตามมาได้”

“ไส้เชือกลับอยู่ไหน”

“บนหน้าผาทางขวามือ ห่างจากหอสัญญาณ……ห้าฟุต”

ตามหลักการที่นี่แล้ว หนึ่งฟุตมีสามเมตร งั้นก็มีสิบห้าเมตรเลยน่ะสิ?

หน้าผาสูงชันขนาดนี้ ลงไปสิบห้าเมตร แถมยังเป็นตอนกลางคืนด้วย งานนี้หนักพอสมควรเลย

“นายหญิง พวกท่านไปก่อนเถอะ ข้าไปเอง”

ไม่รอกู้ชูหน่วนอนุญาต ฝูกวงหายวับ กระโดดลงไปยังหน้าผาทันที

กู้ชูหน่วนโมโห

เจ้าโง่นี่

เขาคิดว่าตัวเองมีเก้าชีวิตเหมือนแมวหรือไง?

สิบห้าเมตรเชียวนะ ก็ไม่มัดเชือกไว้ก่อนลงไป

“เสียงดังพึ่บ”

ไส้เชือกลับถูกตัดออกไป ไม่ไกลมากมีเสียงร้องอย่างทรมานดังขึ้น ดังก้องไปทั่วยอดเขาทั้งลูก

ใบหน้าของอี้เฉินเฟยไม่สบายใจเลย เขาพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ฝูกวง ตัดไส้เชือกลับที่หนึ่งกับที่สองบนยอดเขาทิ้งให้หมดเลย ที่นี่น่าจะมีไส้เชือกสามเส้น เส้นหนึ่งมองเห็น อีกสองเส้นเป็นไส้เชือกลับ”