บทที่ 277 สิบสามจ้าวสวรรค์

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

“เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธาของแกป้องกันเอาไว้ไม่ได้แน่ มือขวาของแกจะถูกฉันตัดทิ้ง!” หวังเจี๋ยพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยมและเชื่อมั่นในตัวเอง

เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงยื่นมือขวาออกไป แผ่เป็นฝ่ามือหันไปทางหวังเจี๋ย ทุกคนที่เห็นก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินต้องการจะทำอะไรกันแน่ เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนี้ของหวังเจี๋ย ในตอนที่ยังไม่ได้ทำการโจมตีก็ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกสั่นสะท้านแล้ว เมื่อดวลกับเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากไม่พยายามขัดขวางเต็มกำลัง ก็ต้องรีบหนีเอาชีวิตรอดอย่างรวดเร็ว มีเพียงสองตัวเลือกนี้เท่านั้น แต่เย่เทียนเฉินกลับไม่ทำสิ่งใดในตัวเลือกทั้งสองเลย ทำเพียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างใจเย็น รอการโจมตีของหวังเจี๋ย

“ฉันยอมรับว่าแกแข็งแกร่งมาก แต่แกจะต้องจ่ายค่าตอบแทนกับความโอหังของแกออกมาแน่นอน!” หวังเจี๋ยพูดอย่างดุดัน

“กระบวนท่าที่เก้าแล้ว ยังเหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า!” เย่เทียนเฉินมองไปที่ไหล่ของตน เมื่อครู่นี้ถูกหมัดอันรวดเร็วของหวังเจี๋ยเฉียดไป ทำให้มีบาดแผลลึกอยู่แผลหนึ่ง และยังคงเลือดไหลออกมาอยู่ อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขารู้สึกยินดีมาก ความสามารถของหวังเจี๋ยแข็งแกร่งมาก หากต้องการที่จะป้องกันกระบวนท่าโจมตีสิบกระบวนท่าของหวังเจี๋ยโดยอาศัยแค่มือขวาของตนก็เป็นเรื่องยากมาก จะอย่างไรตนก็ประมือผ่านไปได้เก้ากระบวนท่าแล้ว แต่กระบวนท่าสุดท้ายจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัยเลย กระทั่งคนรอบๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันบ้าคลั่ง หวังเจี๋ยลงมือเต็มกำลังแล้ว คิดจะใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมา และอาจจะฆ่าเย่เทียนเฉินก็เป็นได้

“แกรนหาที่ตายเอง จะมาตำหนิฉันไม่ได้!”

หวังเจี๋ยตะโกนออกมาเสียงดัง นิ้วทั้งสิบปรากฏพลังภายในที่แข็งแกร่งออกมา พุ่งตัดเข้าไปที่เย่เทียนเฉิน ปราณดัชนียังมาไม่ถึง แต่อากาศก็ถูกฉีกขาดแล้ว พลังภายในที่แข็งแกร่งอีกทั้งยังมีความรวดเร็วอย่างหาใดเปรียบ ฉีกอากาศอย่างดุดันจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ช่างน่าหวาดกลัวมากจริงๆ

ต้นหญ้าที่ห่างออกไปหลายเมตรก็ถูกทำให้สั่นไหว นั่นเป็นเพียงการผันผวนของพลังภายในที่เล็กน้อยที่สุดเท่านั้น ใบหญ้าบนพื้นราวกับถูกใบมีดอันคมกริบกรีดผ่านอย่างไรอย่างนั้น หลายคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจ กระทั่งอู๋เสวี่ย หูหลง หลินตวน และเปาเทียนหลงก็ประหลาดใจอย่างหาใดเปรียบ รู้สึกเป็นห่วงเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่ใหญ่อยู่บ้าง จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็ใช้แค่มือขวา ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชาการโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนี้อีกด้วย

ครืน!

ทันใดนั้นเองเย่เทียนเฉินก็เคลื่อนไหว บนมือขวาของเขาปรากฏลำแสงสีทองขึ้น สิ่งที่ดูเหมือนโล่สีเหลืองทองพุ่งไปสยบหวังเจี๋ยโดยตรง จนเกิดลำแสงที่ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองตรงๆ

ตู้ม!

ตู้ม!

ตู้ม!

ปราณดัชนีทั้งสิบที่แข็งแกร่งที่สุดของหวังเจี๋ยซัดเข้าไปยังกำแพงสีเหลืองทองที่เย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษสร้างขึ้นมา จนเกิดเป็นรูนิ้วที่ดูน่ากลัว เพียงแต่กำแพงสีเหลืองทองของเย่เทียนเฉินยังคงไม่พังลง สามารถป้องกันปราณดัชนีทั้งสิบเอาไว้ได้ และยังพุ่งไปยังหวังเจี๋ยโดยที่พลังอำนาจไม่ลดลงเลย

“โล่ทองคำ!”

เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา หมัดขวากำแน่นอยู่กลางอากาศ รูนิ้วบนกำแพงสีเหลืองทองที่ถูกปราณดัชนีทั้งสิบโจมตีจนทะลุฟื้นสภาพได้ในชั่วพริบตา ไม่มีความเสียหายใดๆ เลยแม้แต่น้อย เขาต้องการที่จะใช้ท่าที่แข็งแกร่งที่สุดสยบหวังเจี๋ยให้ได้ ในตอนนี้เองเย่เทียนเฉินใช้ความสามารถของพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันระดับสูงสุดของเขาออกมาแล้ว ระเบิดเคล็ดวิชาพลังพิเศษสายทองคำออกมาด้วยมือข้างเดียว กลายเป็น “โล่ทองคำ” ที่แข็งแกร่ง นี่เป็นวิชาพลังพิเศษสายป้องกันที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก สิ่งที่ดูเหมือนกำแพงของพระเจ้าที่สร้างขึ้นมาจากทองคำนั้น ไม่เพียงแต่จะมีพลังป้องกันอันมหาศาล แต่ยังมีพลังอัดแน่นดังภูเขาไท่ซานอีกด้วย นี่เป็นการฝึกฝนและการทะลวงอย่างหนึ่งที่เย่เทียนเฉินมีต่อตน

“ย๊าก!”

เมื่อต้องเผชิญกับความกดดันของโล่พลังสีเหลืองทอง หวังเจี๋ยก็ไม่ได้ถอยเลยสักนิด เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ ถึงกับกำหมัดทั้งสองแน่น ระเบิดพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา รวบรวมพลังภายในอากาศไปที่หมัดไม่หยุด ทำให้โล่พลังสีทองสั่นสะเทือน

ครืน!

เมื่อถูกโลกพลังสีเหลืองทองกดทับลงมา ฝุ่นดินบนพื้นก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว ในชั่วขณะที่โล่พลังสีเหลืองทองตกลงมานั้น อู๋เสวี่ยและคนอื่นๆ ต่างก็หลบออกไปนานแล้ว และมองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความสั่นสะท้าน มีบางคนประหลาดใจในความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉิน อาศัยเพียงมือขวาข้างเดียวก็สามารถสร้างกระบวนท่าโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนี้ออกมาได้ บางคนก็ตื่นตะลึงกับความกล้าของหวังเจี๋ยที่เผชิญหน้ากับอำนาจของโล่พลังสีเหลืองทองที่กดทับลงมาจนถึงที่สุด ไม่มีการหลบหรือถอย ใช้หมัดปะทะเข้าไป จะมีกี่คนที่กล้าทำแบบนี้?

จนกระทั่งหลังจากที่เศษฝุ่นเริ่มเลือนหาย ทุกคนต่างก็มองไปยังบริเวณที่โล่พลังสีทองกดทับลงมา พบว่าขาทั้งสองของหวังเจี๋ยตั้งแต่เข่าลงไปจมอยู่ในดินทั้งหมด หมัดทั้งสองของเขาก็มีเลือดไหลออกมา แต่ดวงตาทั้งสองของเขากับมีประกาย และมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความแปลกใจ

ฟู่!

หวังเจี๋ยพุ่งออกมาจากในดินในเวลาเพียงชั่วพริบตา นอกจากหมัดทั้งสองที่ถูกเสียดสีจนมีเลือดไหลออกมาแล้ว ก็ไม่เป็นอะไรร้ายแรง ทำให้ทุกคนต่างรู้สึก แปลกใจ หวังเจี๋ยแข็งแกร่งมากจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีมูลความจริงเลย

“แกถึงกับใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายทองคำได้ด้วยหรือ?” หวังเจี๋ยมองเย่เทียนเฉิน จ้องเย่เทียนเฉินเขม็งแล้วถามขึ้น ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้อยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขาไปแล้ว

“ดวลกันสิบกระบวนท่าจบแล้ว แกไปได้!” เย่เทียนเฉินพูดกับหวังเจี๋ยด้วยรอยยิ้ม

เมื่อครู่นี้ที่หวังเจี๋ยพูดว่าเคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธาของเย่เทียนเฉินไม่มีประโยชน์ เป็นเพราะตอนที่เย่เทียนเฉินและจางอู่เฉวียนตลอดจนเติ้งซวงต่อสู้กัน หวังเจี๋ยยืนอยู่ไกลๆ และได้เห็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธาอันแข็งแกร่งที่เย่เทียนเฉินใช้ออกมาแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่เขามั่นใจว่าตนเองสามารถเอาชนะเย่เทียนเฉินได้ เพราะพลังภายในที่เขาฝึกฝน หากจะแบ่งประเภทจริงๆ เขาก็เป็นความสามารถประเภทไม้ ไม้ชนะดิน นี่เป็นความสามารถของธาตุทั้งห้าที่กดข่มซึ่งกันและกัน เขาเชื่อว่าหากสู้กับเย่เทียนเฉิน ต่อให้เย่เทียนเฉินจะใช้เคล็ดวิชาสายพสุธาที่แข็งแกร่งออกมาอีก ตนก็จะรับมือได้แน่นอน

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่หวังเจี๋ยใช้กระบวนท่าสุดท้ายออกมา รวบรวมพลังภายในที่อยู่ในธาตุไม้ของตนไปที่นิ้วทั้งสิบ และซัดออกไปที่เย่เทียนเฉินพร้อมกัน ต้องการจะทำให้เย่เทียนเฉินไม่อาจหลบได้ จนต้องใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายพสุธาที่แข็งแกร่งออกมา ถ้าเป็นเช่นนั้นเย่เทียนเฉินก็จะติดกับแล้ว และจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะยังสามารถใช้เคล็ดวิชาสายทองคำได้อีก ทองกดข่มไม้ ดังนั้นปราณดัชนีที่หวังเจี๋ยปล่อยออกไปจะแข็งแกร่งมากขนาดไหนก็ไม่สามารถทำลายโล่ทองคำได้ ทำได้เพียงถูกกดทับลงมาเท่านั้น

ในใจของเย่เทียนเฉินเองก็แปลกใจมาก เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่พลังภายในของหวังเจี๋ยถูกกดข่มลงแล้ว จะยังสามารถใช้หมัดทั้งสองเข้าปะะทะโล่พลังสีเหลืองทองได้อีก ต่อให้ความสามารถในตอนนี้ของตนจะอยู่เพียงระดับสูงสุดของขอบเขตจอมราชันก็ตาม โล่ทองคำที่ใช้ออกมาจึงไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่คนที่สามารถปะทะกับโล่ทองคำได้ถึงขนาดนี้ และไม่ได้รับบาดเจ็บหรือตายไป หวังเจี๋ยนั้นไม่ใช่คนแรกแน่นอน แต่ก็นับว่าใช้นิ้วนับได้เลย

เย่เทียนเฉินเห็นว่าหวังเจี๋ยไม่พูดอะไร ทำเพียงชะงักอยู่กับที่ เขาจึงมองไปยังยอดฝีมือเหล่านี้แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าทุกคนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง ฉันก็ยินดีที่พวกแกมา ฉันเย่เทียนเฉินไม่กล้าทำตัวยโสอวดดี บอกว่าจะเป็นพี่ใหญ่ของพวกแก แต่ฉันเชื่อว่าทุกคนต่างคาดหวังการต่อสู้ คาดหวังชีวิตที่ดุเดือดเลือดพล่าน คาดหวังว่าความสามารถทั้งหมดของตนจะมีประโยชน์ได้ ไม่ใช่แค่การก่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือไปเป็นนักสู้และบอดี้การ์ดของตระกูลใหญ่และอำนาจใหญ่ต่างๆ เท่านั้น ฉันต้องการที่จะปั่นป่วนใต้หล้านี้ไปกับพวกแก สร้างเกียรติยศที่เป็นของพวกเราในเมืองแห่งนี้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ทุกคนต่างก็มองเขาอย่างประหลาดใจ เดิมทีคิดว่าเย่เทียนเฉินที่เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปีคนหนึ่ง ก็เป็นแค่ทายาทตระกูลใหญ่เท่านั้น คิดที่จะรับสมัครยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งมาก็คงจะต้องการเล่นสนุกเท่านั้น คงไม่มีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่อะไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เย่เทียนเฉินต้องการทำไม่ใช่แค่การก่อตั้งกลุ่มอำนาจขึ้นมา แต่ยังต้องการปั่นป่วนยุทธภพ สร้างชื่อให้ดังกระฉ่อน นี่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว

เย่เทียนเฉินมีความเข้าใจต่อโลกใบนี้นานแล้ว โลกใบนี้มียอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ มีผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่ง กระทั่งมียอดฝีมือที่ปิดซ่อนตัวตนอยู่ด้วย ยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณและผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนมีความมุ่งมั่นปรารถนา แต่ละคนต่างก็มีฝีมืออันยอดเยี่ยมอยู่กับตัว มีฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่กลับทำได้เพียงให้ตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่มาจ้างวาน เป็นบอดี้การ์ดตัวเล็กๆ คนหนึ่ง รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างจริงๆ และรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความสำคัญ

ดังนั้นกลุ่มอำนาจที่เย่เทียนเฉินต้องการจะก่อตั้งขึ้นก็คือยอดฝีมือชั้นสูงกลุ่มนี้ ในตอนที่เขาฟื้นฟูตระกูลเย่และต่อต้านตระกูลใหญ่และอำนาจใหญ่ที่ยโสโอหังไม่เห็นหัวใคร ก็จะทำให้ความสามารถของคนเหล่านี้มีประโยชน์ขึ้นมา ทำให้คนเหล่านี้ไม่ต้องมีชีวิตพี่เรียบง่ายไปตลอดชีวิต และมีความสามารถที่แข็งแกร่งติดตัวไปอย่างว่างเปล่า

“แต่ละคนย่อมมีหลักการเป็นของตัวเอง ฉันจะไม่บีบบังคับทุกคน คนที่เต็มใจจะอยู่ก็อยู่ต่อ คนที่ไม่เต็มใจก็กลับไปได้ ฉันแค่อยากจะบอกทุกคนเป็นสิ่งสุดท้ายว่า ถ้าติดตามฉันเย่เทียนเฉิน จะไม่ทำให้พวกแกต้องผิดหวังแน่นอน!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

หลังจากไม่กี่วินาที ทุกคนได้แก่ อู๋เสวี่ย หูหลง หลินตวน เปาเทียนหลง หวังเจี๋ย จางอู่เฉวียน เติ้งซวง แล้วยังมียอดฝีมือคนอื่นๆ อีกห้าคนต่างพากันเดินมายืนเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินอย่างพร้อมเพียง ตะกอนออกมาด้วยความเคารพว่า “พี่ใหญ่!”

เย่เทียนเฉินแย้มยิ้มเล็กน้อย สามารถมียอดฝีมือชั้นหนึ่งสิบสามคนได้เช่นนี้ เขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร เหมือนกับกลุ่มอำนาจที่เขาต้องการก่อตั้งอย่างคร่าวๆ แล้ว เมื่อมองไปยังคนทั้งสิบสามคน ในใจของเย่เทียนเฉินก็มีชื่อเรียกของกองกำลังของตนขึ้นมา เป็นชื่อที่บ้าอำนาจอย่างมาก และเป็นชื่อที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะสั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลก

“ดี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราถือเป็นคนกันเอง รวมฉันเข้าไปด้วยก็จะมีทั้งหมดสิบสามคน ดังนั้นกองกำลังของพวกเราจะมีชื่อเรียกว่า สิบสามจ้าวสวรรค์” เย่เทียนเฉินพูดเสียงดัง

สิบสามจ้าวสวรรค์ นี่เป็นชื่อที่โอหังระดับไหนกัน และถูกกำหนดไว้แล้วว่าในวันเวลาเบื้องหน้าจะต้องสั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลกแน่นอน เย่เทียนเฉินย่อมเป็นหัวหน้าของเหล่าราชัน และหากเรียงตามลำดับความสามารถ หวังเจี๋ยเป็นราชันคนที่สองของสิบสามจ้าวสวรรค์ จากนั้นเรียงลำดับไปก็คือ อู๋เสวี่ย เปาเทียนหลง จางอู่เฉวียน เติ้งซวง หลินตวน หูหลง และยังมีคนอื่นๆ อีกห้าคน

“งั้นไม่ใช่ว่าในหมู่สิบสามจ้าวสวรรค์ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวเหรอ!” ตอนนี้เอง ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนด้านข้างมาตลอด เดินออกมาด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์ ดวงตาทั้งสองจับจ้องไปยังเย่เทียนเฉิน

“เธอเองเหรอ? ฮ่าๆ ได้เป็นผู้หญิงคนเดียวในหมู่สิบสามจ้าวสวรรค์ เธอควรจะรู้สึกยินดีถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้นมีเธอมาเข้าร่วมกับสิบสามจ้าวสวรรค์ ของพวกเราฉันก็ดีใจมาก เสี่ยวชิง ไม่เจอกันนานเลย!” เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

คิดไม่ถึงเลยว่า ในหมู่ยอดฝีมือที่อู๋เสวี่ยรวบรวมมาในครั้งนี้ จะมีหัวหน้าของกลุ่มอำนาจอิทธิพลใต้ดินแห่งเมืองหลวงที่เย่เทียนเฉินกำจัดไปในตอนแรกสุดอยู่ด้วย เธอคือเสี่ยวชิงภรรยาน้อยของหลี่เถี่ย ตอนนั้นเย่เทียนเฉินไม่ได้ฆ่าเสี่ยวชิง แต่ปล่อยเธอไป คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันอีกครั้งที่นี่

…….