เมื่อเดินเข้าไปในสํานักงานผู้อยู่อาศัยของฐานทะเลมาร เย่เทียนก็พบว่าที่นี่มีคนแค่ไม่กี่คน
แต่พอคิดดูแล้วมันก็ถูกต้อง ที่นี่คือสถานที่สําหรับการทําเอกสารยืนยันตัวตนผู้คนของฐานทัพทะเลมารล้วนมีบัตรยืนยันตัวตนกันหมดแล้วเว้นเสียแต่ว่าบัตรแสดงสถานะพลังปราณจะเสียหายจึงมาทําใหม่ที่นี่
ดังนั้นจึงมีไม่กี่คนที่มาที่นี่เพื่อทําธุระ
เย่เทียนมาถึงช่องและรายงานเกี่ยวกับต้นกําเนิดของเขา เขากรอกข้อมูลมากมายขั้นตอนสุดท้ายของเขาจะต้องไปที่ชั้น 10 เพื่อชําระเงินค่าธรรมเนียมจึงจะได้เป็นผู้อยู่อาศัยของฐานทะเลมารอย่างเป็นทางการ
และค่าธรรมเนียมก็สูงมาก หนึ่งคนต่อ 50 ล้านหยวน
สําหรับคนธรรมดาในฐานทะเลมารไม่ได้จ่ายในราคาสูงถึงเพียงนี้ นี่เป็นราคาของคนนอกต้องการเป็นส่วนหนึ่งของฐานทะเลมาร
แต่หากไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมที่แสนแพงเช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธจากฐานขนาดเล็กอื่นๆคงจะต้องหลั่งไหลเข้ามาต้องถิ่นฐานในฐานทะเลมารกันหมด
เย่เทียนยังไม่มีเงินจากฐานทะเลมาร ดังนั้นเขาจึงต้องไปที่ธนาคารทะเลมารที่อยู่ติดกันเพื่อแลกเงิน 100 ล้านหยวนเขาจ่ายค่าธรรมเนียมและได้รับบัตรประชาชนพลังปราณที่แสดงสถานะผู้อยู่อาศัยของทางทะเลมาอย่างเป็นทางการ
เสี่ยวจนเป็นสัตว์เลี้ยงจึงไม่จําเป็นต้องทําบัตรประชาชน เขาเพียงแค่ต้องไปลงทะเบียนกับสํานักงานบริหารอสูร
หลังจากนั้น
เย่เทียนก็ไปที่ธนาคารทะเลมารเพื่อทําบัตรธนาคารอีกสองใบ มันคล้ายกับบัตรเอทีเอ็มในชาติที่แล้วแต่บัตรธนาคารของธนาคารทะเลมารไม่ใช่บัตรธรรมดาภายในมีรูปแบบค่ายกลที่เรียบง่ายที่สามารถเก็บข้อมูลได้
หากต้องการทําบัตรธนาคารต้องมีบัตรประจําตัวประชาชน และเย่เทียนและเย่หยูก็ทําบัตรประชาชนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงมีสิทธิ์ทําบัตรธนาคารเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเย่เทียนก็ไปที่สํานักงานบริหารอสูรเพื่อลงทะเบียนเสี่ยวจิน
อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่เย่เทียนต้องทําเมื่อมาถึงฐานทะเลมาร ก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้วสิ่งต่อไปคือการซื้ออสังหาริมทรัพย์
เย่เทียนยังมีเงินเหลืออยู่ไม่น้อย หลังจากแลกเปลี่ยนเป็นเงินของฐานทัพทะเลมารแล้วเขาก็มีเงินมากกว่า 800 ล้านหยวนนี่เป็นเงินที่เขาสะสมมาตลอดสองปีจํานวนเงินขนาดนี้สําหรับการซื้อบ้านธรรมดามันก็ยังเพียงพอ
เย่เทียนไม่สามารถซื้อวิลล่าส่วนกลางของฐานทะเลมารได้แม้ว่าเขาจะสามารถซื้อมันได้เขาก็จะไม่ซื้อมันเพราะมันสิ้นเปลืองเกินไป
หลังจากเลือกบ้านอยู่นาน เย่เทียนก็ซื้อบ้านขนาดเล็กในย่านที่อยู่ใกล้กับใจกลางของทะเลมารซึ่งมันมีมูลค่าประมาณ 300 ล้าน
ความพิเศษของบ้านหลังนี้คือมันถูกติดตั้งรูปแบบค่ายกลฉนวนกันเสียงที่สามารถเก็บเสียงและจะไม่ถูกรบกวนโดยเสียงภายนอก นอกจากนี้ยังมีห้องฝึกฝนซึ่งมีพลังปราณที่เข้มข้นมากกว่าโลกภายนอก กล่าวกันว่ามันเป็นผลของค่ายกลหากฝึกฝนในห้องนี้จะสามารถฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าโลกภายนอกประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์
“ท่านพี่ นี่คือบ้านใหม่ของเราหรอ?”
เย่หยูมาถึงบ้านและตะโกนด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่าบ้านหลังนี้จะเล็กกว่าแต่ก่อนมากแต่เธอไม่เคยเห็นบ้านที่ทันสมัยมาก่อนเธอรู้สึกว่าที่นี่ดีกว่าบ้านหลังเดิมเป็นร้อยเท่า สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกๆสิ่ง ทุกอย่างโดยรอบ
แม้ว่าเย่เทียนที่มายังทะเลมารเป็นครั้งแรกและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นบ้านที่ทันสมัยในยุคนี้แต่บ้านในยุคนี้ไม่แตกต่างจากบ้านในชาติที่แล้วของเขามากนักเขาจึงไม่อยากรู้อยากเห็น เหมือนเหยู
ที่จริงแล้วสิ่งที่คนจากฐานทะเลมารได้ค้นคว้าและสร้างขึ้นมาใหม่นั้นเลียนแบบมาจากสิ่งของเมื่อร้อยกว่าปีก่อนดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สําหรับเย่เทียน
วันถัดไป
เย่เทียนซื้อของใช้ในชีวิตประจําวันและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้บ้านใหม่เพื่อไม่ให้บ้านใหม่หลังนี้ว่างเปล่าเกินไป
ในเวลาเดียวกันเย่เทียนก็เริ่มเข้าใจหลายๆสิ่งเกี่ยวกับฐานทะเลมาร
ห้องฝึกฝน
เย่เทียนมองไปยังเสาขนาดใหญ่ที่เพิ่งซื้อมา นี่คือเสาวัดพลัง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่ในฐานหลินไห่เขาเคยเห็นของประเภทนี้มาก่อนแต่อุปกรณ์วัดพลังที่ฐานหลินไห่นั้นเป็นสิ่งของที่สร้างขึ้นมาอย่างง่ายที่สุดโดยไม่ต้องสงสัยแต่เสาวัดพลังที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นค่อนข้างสูงมันสามารถตรวจสอบได้แม้กระทั่งพลังโจมตีของระดับปรมาจารย์
แต่สิ่งที่ทําให้เย่เทียนสงสัยก็คือในฐานทะเลมาร พลังโจมตีที่ระดับปรมาจารย์ไม่ได้ใช้หน่วยจินแต่เป็นการใช้ช่าง
พลังช้างเท่ากับ 1 ล้านหุ้น
แต่พลังช้างที่ใช้เปรียบเทียบนั้นไม่ใช่ช้างธรรมดา แต่เป็นช้างแมมมอธโบราณมันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงความแข็งแกร่งของมันคือ 1 ล้านจินแมมมอธโบราณเกือบทั้งหมดมีพลังอยู่ในระดับ
ดังนั้นผู้คนจึงใช้ช้างเป็นหน่วยพลัง เพราะยิ่งฝึกมากเท่าไร หากมีพละกําลังมากยิ่งขึ้นสักวันหนึ่งอาจจะมีพลังหลายสิบล้านจินหรือหลายร้อยล้านจินมันฟังดูแปลกไปเล็กน้อย
แต่การเปรียบเทียบโดยใช้หน่วยช่างกลับได้รับการยอมรับจากเหล่าปรมาจารย์และผู้ที่มีระดับสูงไปกว่านั้น
ตูม ตูม!
เย่เทียนชกไปที่เสาวัดพลัง และตัวเลข 232356 ก็ปรากฏขึ้น บนนั้นแสดงให้เห็นว่าพลังของเย่เทียนถึง 232356 จิน และการคํานวณความแข็งแรงของเขาแม่นย่ามาก
นี่คือพลังกายอย่างเดียวของเย่เทียน!
ทันใดนั้นเย่เทียนก็พยายามกระตุ้นพรสวรรค์ด้านพละกําลังบวกกับพลังปราณของเขา
ตูม!
เสาวัดพลังสั่นสะเทือน ตัวเลขปรากฏขึ้น
4.6!
มีรูปของช้างขนาดเล็ก ที่ด้านหลังของเลข 4.6
แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายถึงค่าพละกําาลัง 4.6 จิน แต่มันหมายถึงพลัง 4.6 ที่เทียบเท่ากับ 4.6 ล้านจีน
จากนั้นเย่เทียนก็หยิบดาบเวทย์ระดับกลางออกมาและฟันไปที่เสาทดสอบด้วยพลังทั้งหมดของเขาในเวลานี้ตัวเลข 27.6 ก็ปรากฏขึ้นบนเสาวัดพลังซึ่งแสดงถึงพลัง 27.6
พลังช้าง 27.6 หมายถึงพลัง 27.6 ล้านจิน พลังโจมตีเช่นนี้ถือว่าไม่เลวเลย หากเทียบกับระดับปรมาจารย์แล้วจอมยุทธระดับปรมาจารย์ที่อ่อนแอที่สุดสามารถแสดงพลังโจมตีของช่างได้ เพียง 2 แต้มเท่านั้น
แน่นอนว่าปรมาจารย์เช่นนั้นอ่อนแอที่สุดในหมู่ปรมาจารย์ ในฐานทัพทะเลมารมีคนเช่นนี้ไม่มากนักและไม่นับว่าบุคคลเหล่านี้เป็นคนระดับสูงถือได้ว่าเป็นคนระดับกลางเท่านั้น
“จากข้อมูลของฐานทัพทะเลมาร พละกําลังของปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคือ 50 ล้านจินหรือ 50 พลังช้างหากรวมกับพลังปราณ พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังทางกายภาพได้ถึง 100 พลัง ช้าง แม้แต่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่ไม่ได้ใช้พรสวรรค์พิเศษก็สามารถสังหารเราได้ในพริบตาในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเรานั้นยังอ่อนแออยู่มากหากเทียบกับผู้คนในฐานทะเลมาร!”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง
สิ่งที่ทําให้เย่เทียนชอบฐานทะเลมารก็คือฐานทะเลมารนั้นให้ความสําคัญกับระบบกฎหมายสถานที่แห่งนี้เหมือนกับในชีวิตที่แล้วของเขา มีกฎหมายที่เข้มงวดและให้ความสําคัญกับด้านนี้ แม้แต่คนจากตระกูลใหญ่ก็ไม่สามารถรังแกคนธรรมดาได้ตามใจชอบ
ถึงแม้จะบอกว่าไม่สามารถฆ่าใครก็ได้ในฐานหลินไห่ แต่หากเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ฆ่าคนขึ้นมาจริงๆก็ไม่มีใครสนใจ
แต่ฐานทัพทะเลมารนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าปรมาจารย์จะจงใจฆ่าคนธรรมดา พวกเขาจะถูกคุมยังเป็นเวลา 100 ปีหรือหลายร้อยปี หักเป็นเรื่องร้ายแรงก็อาจจะได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตที่นี่จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีและเป็นเหตุผลที่ฐานทัพทะเลมาเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้
แน่นอน
หากเดินทางออกจากฐานทะเลมาร สถานการณ์การต่อสู้ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เพราะสถานที่ด้านนอกนั้นไม่ได้ถูกจํากัดด้วยกฎหมาย การกระทําใดๆก็ไม่มีใครสามารถหยุดได้
“ยังมีอีก 2 เรื่องที่ต้องทํา นั้นคือส่งเหยไปโรงเรียน ฐานทะเลมารมีโรงเรียนของนักรบ ซึ่งเธอจะได้รับการศึกษาที่ดีกว่านี้มันเหมาะสําหรับเย่หยูสิ่งที่สองคือการหาพรสวรรค์ในการบ่มเพาะที่สูงกว่าตอนนี้และจากนั้นก็คัดลอกมันเพื่อให้พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเราสูงขึ้นอีกครั้ง!”
เย่เทียนวางแผนในหัวคร่าวๆ
เนื่องจากเรื่องที่สองขึ้นอยู่กับโชคชะตาเย่เทียนจะร้อนใจไปก็ไร้ประโยชน์
วันนี้ต้องจัดการเรื่องแรกก่อน
ดังนั้นเย่เทียนจึงเรียกเย่หยมาหาและกล่าวว่า
“น้องพี่ พรุ่งนี้พี่จะพาเจ้าไปสมัครเรียนเจ้าพร้อมหรือยัง?
“ตกลงค่ะ ท่านพี่! ”
เย่หยูพยักหน้า
เธอรู้ว่าพี่ชายของเธอมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ปกติเธอมักจะไม่เห็นหน้าเขา ต่อให้อยู่บ้านเธอก็ต้องฝึกอยู่คนเดียวเธอจึงเบื่อมาก ส่วนเสี่ยวจินก็ไม่สามารถสื่อสารกับเธอได้
ในทางตรงกันข้ามเธอชอบไปโรงเรียนอย่างน้อยเธอก็สามารถพบเพื่อนหลายคนในโรงเรียน
“ได้ งั้นพรุ่งนี้พี่จะพาน้องไปสมัครเรียน!”
เย่เทียนลูบหัวเล็กๆของเย่หยุและพูดด้วยรอยยิ้ม