บทที่ 63 พลังแห่งช้าง

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

เมื่อเดินเข้าไปในสํานักงานผู้อยู่อาศัยของฐานทะเลมาร เย่เทียนก็พบว่าที่นี่มีคนแค่ไม่กี่คน

แต่พอคิดดูแล้วมันก็ถูกต้อง ที่นี่คือสถานที่สําหรับการทําเอกสารยืนยันตัวตนผู้คนของฐานทัพทะเลมารล้วนมีบัตรยืนยันตัวตนกันหมดแล้วเว้นเสียแต่ว่าบัตรแสดงสถานะพลังปราณจะเสียหายจึงมาทําใหม่ที่นี่

ดังนั้นจึงมีไม่กี่คนที่มาที่นี่เพื่อทําธุระ

เย่เทียนมาถึงช่องและรายงานเกี่ยวกับต้นกําเนิดของเขา เขากรอกข้อมูลมากมายขั้นตอนสุดท้ายของเขาจะต้องไปที่ชั้น 10 เพื่อชําระเงินค่าธรรมเนียมจึงจะได้เป็นผู้อยู่อาศัยของฐานทะเลมารอย่างเป็นทางการ

และค่าธรรมเนียมก็สูงมาก หนึ่งคนต่อ 50 ล้านหยวน

สําหรับคนธรรมดาในฐานทะเลมารไม่ได้จ่ายในราคาสูงถึงเพียงนี้ นี่เป็นราคาของคนนอกต้องการเป็นส่วนหนึ่งของฐานทะเลมาร

แต่หากไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมที่แสนแพงเช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธจากฐานขนาดเล็กอื่นๆคงจะต้องหลั่งไหลเข้ามาต้องถิ่นฐานในฐานทะเลมารกันหมด

เย่เทียนยังไม่มีเงินจากฐานทะเลมาร ดังนั้นเขาจึงต้องไปที่ธนาคารทะเลมารที่อยู่ติดกันเพื่อแลกเงิน 100 ล้านหยวนเขาจ่ายค่าธรรมเนียมและได้รับบัตรประชาชนพลังปราณที่แสดงสถานะผู้อยู่อาศัยของทางทะเลมาอย่างเป็นทางการ

เสี่ยวจนเป็นสัตว์เลี้ยงจึงไม่จําเป็นต้องทําบัตรประชาชน เขาเพียงแค่ต้องไปลงทะเบียนกับสํานักงานบริหารอสูร
หลังจากนั้น

เย่เทียนก็ไปที่ธนาคารทะเลมารเพื่อทําบัตรธนาคารอีกสองใบ มันคล้ายกับบัตรเอทีเอ็มในชาติที่แล้วแต่บัตรธนาคารของธนาคารทะเลมารไม่ใช่บัตรธรรมดาภายในมีรูปแบบค่ายกลที่เรียบง่ายที่สามารถเก็บข้อมูลได้

หากต้องการทําบัตรธนาคารต้องมีบัตรประจําตัวประชาชน และเย่เทียนและเย่หยูก็ทําบัตรประชาชนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงมีสิทธิ์ทําบัตรธนาคารเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเย่เทียนก็ไปที่สํานักงานบริหารอสูรเพื่อลงทะเบียนเสี่ยวจิน

อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่เย่เทียนต้องทําเมื่อมาถึงฐานทะเลมาร ก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้วสิ่งต่อไปคือการซื้ออสังหาริมทรัพย์

เย่เทียนยังมีเงินเหลืออยู่ไม่น้อย หลังจากแลกเปลี่ยนเป็นเงินของฐานทัพทะเลมารแล้วเขาก็มีเงินมากกว่า 800 ล้านหยวนนี่เป็นเงินที่เขาสะสมมาตลอดสองปีจํานวนเงินขนาดนี้สําหรับการซื้อบ้านธรรมดามันก็ยังเพียงพอ

เย่เทียนไม่สามารถซื้อวิลล่าส่วนกลางของฐานทะเลมารได้แม้ว่าเขาจะสามารถซื้อมันได้เขาก็จะไม่ซื้อมันเพราะมันสิ้นเปลืองเกินไป

หลังจากเลือกบ้านอยู่นาน เย่เทียนก็ซื้อบ้านขนาดเล็กในย่านที่อยู่ใกล้กับใจกลางของทะเลมารซึ่งมันมีมูลค่าประมาณ 300 ล้าน

ความพิเศษของบ้านหลังนี้คือมันถูกติดตั้งรูปแบบค่ายกลฉนวนกันเสียงที่สามารถเก็บเสียงและจะไม่ถูกรบกวนโดยเสียงภายนอก นอกจากนี้ยังมีห้องฝึกฝนซึ่งมีพลังปราณที่เข้มข้นมากกว่าโลกภายนอก กล่าวกันว่ามันเป็นผลของค่ายกลหากฝึกฝนในห้องนี้จะสามารถฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าโลกภายนอกประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์

“ท่านพี่ นี่คือบ้านใหม่ของเราหรอ?”

เย่หยูมาถึงบ้านและตะโกนด้วยความตื่นเต้น

แม้ว่าบ้านหลังนี้จะเล็กกว่าแต่ก่อนมากแต่เธอไม่เคยเห็นบ้านที่ทันสมัยมาก่อนเธอรู้สึกว่าที่นี่ดีกว่าบ้านหลังเดิมเป็นร้อยเท่า สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกๆสิ่ง ทุกอย่างโดยรอบ

แม้ว่าเย่เทียนที่มายังทะเลมารเป็นครั้งแรกและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นบ้านที่ทันสมัยในยุคนี้แต่บ้านในยุคนี้ไม่แตกต่างจากบ้านในชาติที่แล้วของเขามากนักเขาจึงไม่อยากรู้อยากเห็น เหมือนเหยู

ที่จริงแล้วสิ่งที่คนจากฐานทะเลมารได้ค้นคว้าและสร้างขึ้นมาใหม่นั้นเลียนแบบมาจากสิ่งของเมื่อร้อยกว่าปีก่อนดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สําหรับเย่เทียน

วันถัดไป

เย่เทียนซื้อของใช้ในชีวิตประจําวันและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้บ้านใหม่เพื่อไม่ให้บ้านใหม่หลังนี้ว่างเปล่าเกินไป

ในเวลาเดียวกันเย่เทียนก็เริ่มเข้าใจหลายๆสิ่งเกี่ยวกับฐานทะเลมาร

ห้องฝึกฝน

เย่เทียนมองไปยังเสาขนาดใหญ่ที่เพิ่งซื้อมา นี่คือเสาวัดพลัง

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่ในฐานหลินไห่เขาเคยเห็นของประเภทนี้มาก่อนแต่อุปกรณ์วัดพลังที่ฐานหลินไห่นั้นเป็นสิ่งของที่สร้างขึ้นมาอย่างง่ายที่สุดโดยไม่ต้องสงสัยแต่เสาวัดพลังที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นค่อนข้างสูงมันสามารถตรวจสอบได้แม้กระทั่งพลังโจมตีของระดับปรมาจารย์

แต่สิ่งที่ทําให้เย่เทียนสงสัยก็คือในฐานทะเลมาร พลังโจมตีที่ระดับปรมาจารย์ไม่ได้ใช้หน่วยจินแต่เป็นการใช้ช่าง

พลังช้างเท่ากับ 1 ล้านหุ้น

แต่พลังช้างที่ใช้เปรียบเทียบนั้นไม่ใช่ช้างธรรมดา แต่เป็นช้างแมมมอธโบราณมันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงความแข็งแกร่งของมันคือ 1 ล้านจินแมมมอธโบราณเกือบทั้งหมดมีพลังอยู่ในระดับ

ดังนั้นผู้คนจึงใช้ช้างเป็นหน่วยพลัง เพราะยิ่งฝึกมากเท่าไร หากมีพละกําลังมากยิ่งขึ้นสักวันหนึ่งอาจจะมีพลังหลายสิบล้านจินหรือหลายร้อยล้านจินมันฟังดูแปลกไปเล็กน้อย

แต่การเปรียบเทียบโดยใช้หน่วยช่างกลับได้รับการยอมรับจากเหล่าปรมาจารย์และผู้ที่มีระดับสูงไปกว่านั้น

ตูม ตูม!

เย่เทียนชกไปที่เสาวัดพลัง และตัวเลข 232356 ก็ปรากฏขึ้น บนนั้นแสดงให้เห็นว่าพลังของเย่เทียนถึง 232356 จิน และการคํานวณความแข็งแรงของเขาแม่นย่ามาก

นี่คือพลังกายอย่างเดียวของเย่เทียน!

ทันใดนั้นเย่เทียนก็พยายามกระตุ้นพรสวรรค์ด้านพละกําลังบวกกับพลังปราณของเขา

ตูม!

เสาวัดพลังสั่นสะเทือน ตัวเลขปรากฏขึ้น

4.6!

มีรูปของช้างขนาดเล็ก ที่ด้านหลังของเลข 4.6

แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายถึงค่าพละกําาลัง 4.6 จิน แต่มันหมายถึงพลัง 4.6 ที่เทียบเท่ากับ 4.6 ล้านจีน

จากนั้นเย่เทียนก็หยิบดาบเวทย์ระดับกลางออกมาและฟันไปที่เสาทดสอบด้วยพลังทั้งหมดของเขาในเวลานี้ตัวเลข 27.6 ก็ปรากฏขึ้นบนเสาวัดพลังซึ่งแสดงถึงพลัง 27.6

พลังช้าง 27.6 หมายถึงพลัง 27.6 ล้านจิน พลังโจมตีเช่นนี้ถือว่าไม่เลวเลย หากเทียบกับระดับปรมาจารย์แล้วจอมยุทธระดับปรมาจารย์ที่อ่อนแอที่สุดสามารถแสดงพลังโจมตีของช่างได้ เพียง 2 แต้มเท่านั้น

แน่นอนว่าปรมาจารย์เช่นนั้นอ่อนแอที่สุดในหมู่ปรมาจารย์ ในฐานทัพทะเลมารมีคนเช่นนี้ไม่มากนักและไม่นับว่าบุคคลเหล่านี้เป็นคนระดับสูงถือได้ว่าเป็นคนระดับกลางเท่านั้น

“จากข้อมูลของฐานทัพทะเลมาร พละกําลังของปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคือ 50 ล้านจินหรือ 50 พลังช้างหากรวมกับพลังปราณ พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังทางกายภาพได้ถึง 100 พลัง ช้าง แม้แต่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่ไม่ได้ใช้พรสวรรค์พิเศษก็สามารถสังหารเราได้ในพริบตาในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเรานั้นยังอ่อนแออยู่มากหากเทียบกับผู้คนในฐานทะเลมาร!”

เย่เทียนคิดกับตัวเอง

สิ่งที่ทําให้เย่เทียนชอบฐานทะเลมารก็คือฐานทะเลมารนั้นให้ความสําคัญกับระบบกฎหมายสถานที่แห่งนี้เหมือนกับในชีวิตที่แล้วของเขา มีกฎหมายที่เข้มงวดและให้ความสําคัญกับด้านนี้ แม้แต่คนจากตระกูลใหญ่ก็ไม่สามารถรังแกคนธรรมดาได้ตามใจชอบ

ถึงแม้จะบอกว่าไม่สามารถฆ่าใครก็ได้ในฐานหลินไห่ แต่หากเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ฆ่าคนขึ้นมาจริงๆก็ไม่มีใครสนใจ

แต่ฐานทัพทะเลมารนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าปรมาจารย์จะจงใจฆ่าคนธรรมดา พวกเขาจะถูกคุมยังเป็นเวลา 100 ปีหรือหลายร้อยปี หักเป็นเรื่องร้ายแรงก็อาจจะได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตที่นี่จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีและเป็นเหตุผลที่ฐานทัพทะเลมาเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้
แน่นอน

หากเดินทางออกจากฐานทะเลมาร สถานการณ์การต่อสู้ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

เพราะสถานที่ด้านนอกนั้นไม่ได้ถูกจํากัดด้วยกฎหมาย การกระทําใดๆก็ไม่มีใครสามารถหยุดได้

“ยังมีอีก 2 เรื่องที่ต้องทํา นั้นคือส่งเหยไปโรงเรียน ฐานทะเลมารมีโรงเรียนของนักรบ ซึ่งเธอจะได้รับการศึกษาที่ดีกว่านี้มันเหมาะสําหรับเย่หยูสิ่งที่สองคือการหาพรสวรรค์ในการบ่มเพาะที่สูงกว่าตอนนี้และจากนั้นก็คัดลอกมันเพื่อให้พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเราสูงขึ้นอีกครั้ง!”

เย่เทียนวางแผนในหัวคร่าวๆ

เนื่องจากเรื่องที่สองขึ้นอยู่กับโชคชะตาเย่เทียนจะร้อนใจไปก็ไร้ประโยชน์

วันนี้ต้องจัดการเรื่องแรกก่อน

ดังนั้นเย่เทียนจึงเรียกเย่หยมาหาและกล่าวว่า

“น้องพี่ พรุ่งนี้พี่จะพาเจ้าไปสมัครเรียนเจ้าพร้อมหรือยัง?

“ตกลงค่ะ ท่านพี่! ”

เย่หยูพยักหน้า

เธอรู้ว่าพี่ชายของเธอมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ปกติเธอมักจะไม่เห็นหน้าเขา ต่อให้อยู่บ้านเธอก็ต้องฝึกอยู่คนเดียวเธอจึงเบื่อมาก ส่วนเสี่ยวจินก็ไม่สามารถสื่อสารกับเธอได้

ในทางตรงกันข้ามเธอชอบไปโรงเรียนอย่างน้อยเธอก็สามารถพบเพื่อนหลายคนในโรงเรียน

“ได้ งั้นพรุ่งนี้พี่จะพาน้องไปสมัครเรียน!”

เย่เทียนลูบหัวเล็กๆของเย่หยุและพูดด้วยรอยยิ้ม