ตอนที่ 600 ทัณฑ์สายลม Ink Stone_Fantasy

กู่ฉิงซานทุ่มเต็มกำลังก้าวข้ามผ่านโทษทัณฑ์

โดยที่ในเวลานี้ เขามิได้คิดหนี หรือหลบเลี่ยงมันอีกต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นในอากาศ หรือในน้ำ จะหน้าหรือหลัง ก็รายล้อมไปด้วยทัณฑ์สายฟ้าเหลืออนันต์จากทุกทิศทาง

สัตว์ประหลาดผีไม่มีเวลามากพอที่จะหลบเลี่ยง พวกมันถูกสายฟ้าระเบิดเข้าใส่โดยตรง กลายสภาพเป็นขี้เถ้าลอยฟุ้งทันที

สัตว์ประหลาดผีบางตนที่พอจะแข็งแกร่งอยู่บ้าง พยายามที่จะต่อกรกับสายฟ้าสวรรค์

อย่างไรก็ตาม นี่คือสายฟ้าที่ได้รับพรแห่งการลงทัณฑ์จากทวยเทพ! เมื่อสัตว์ประหลาดผีสัมผัสต้องกับทัณฑ์สายฟ้า ตัวมันก็ถูกลบออกไป เหลืองเพียงเศษทรายขาวๆ ลอยฟุ้งทันที

ตลอดทั้งค่ายกองทัพสัตว์ประหลาดผีถูกพัดขึ้นสู่ท้องฟ้า

กู่ฉิงซานยืนอยู่ใจกลางค่าย พร้อมกับสามดาบบินที่ว่ายวนรอบตัวเขา คอยสับสะบั้นสายฟ้าที่โถมเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง

ขณะที่ตัวเขามิได้เคลื่อนกายหลีกหนีไปไหน

นั่นเพราะทันทีที่เขาออกจากค่ายกองทัพ ทัณฑ์สายฟ้าทั้งหมดก็จะจากไปด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงงัดสกิลทั้งหมดที่มีออกมา ทุ่มเต็มกำลังทานรับทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังโถมเข้าใส่นี้

บอลสายฟ้าสีน้ำเงินขาว โถมลงมาราวกับพายุกระหน่ำซัด

แต่กู่ฉิงซานก็ยังยืนนิ่งงันอยู่ในจุดเดิม มิคิดถอยหนี

ในเวลานั้นเอง สามดาบก็ใช้ออกด้วยสกิลในเวลาเดียวกัน

ร่างเงาดาบสีดำนับไม่ถ้วนผลิบานในอากาศที่ว่างเปล่ารอบตัวเขา ทั้งสับทั้งหั่นบอลสายฟ้าที่กรูกันเข้ามาจากทุกทิศทาง

ทันทีที่บอลสายฟ้าสีน้ำเงินขาวแตกพ่ายไป  สายฟ้าดับจิตเทวะสีแดงเข้มก็ไล่ติดตามมาถึงค่ายกองทัพสัตว์ประหลาดผีได้ในที่สุด

กู่ฉิงซานยังมิคิดหลบซ่อน เขาควงสามดาบ เสยเข้าปะทะกับมันโดยตรง

เทคนิคลับแห่งดาบ สามผสานตัดจันทรา!

สายฟ้าสีแดงถูกกระแทกเข้าใส่โดยรังสีดาบเสี้ยวจันทร์ขนาดยักษ์ มันถูกสับจนแตกตัวออกคล้ายเลือดที่สาดกระเซ็น กระจายไปทุกทิศทางก่อนจะสลายไป

ทว่าสายฟ้าดับจิตเทวะเส้นนี้เป็นเพียงแค่ตัวกำหนดเส้นทางเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วในสายตาของเขาบัดนี้ปรากฏให้เห็นถึงสิบสองแขนสีแดงเข้มที่กำลังถือแส้สายฟ้าที่แดงเข้มไม่ต่างกัน ทะยานไล่ประชิดเข้ามา

นี่คือทัณฑ์สายฟ้าเกิดการแปรสภาพ เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นมากที่สุด!

และคราวนี้กู่ฉิงซาน…

ก็หันหลังกลับ แล้ววิ่งหนีทันที!

ให้ปู่เจ้ารอเถอะ! นั่นมันหายนะชัดๆ! สายฟ้าดับจิตเทวะที่แปรเปลี่ยนเป็นแส้น่ะ พลังอำนาจของมันจะเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก

แม้ว่าจะยังมีเกราะเทพคอยคุ้มกัน แต่หากถูกฟาดตบด้วยเจ้าสิ่งนั้น กระทั่งตัวกู่ฉิงซานเองก็ยังไม่กล้าการันตีว่าตัวเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ

สิบสองแขนสายฟ้าไล่ตามติดเขามาจากเบื้องหลัง มันเหวี่ยงแส้ตรงเข้าใส่เขาอย่างไร้ความปรานี

กู่ฉิงซานยิ่งเห็น สองเท้าที่สับหนีกับพื้นก็ยิ่งเร่งความเร็วมากขึ้น!

พริบตานั้นเอง สองหูของเขาก็ได้ยินถึงเสียงคร่ำครวญนับไม่ถ้วนแว่วเข้ามา

นั่นคือเสียงร้องน่าสมเพชครั้งสุดท้ายของสัตว์ประหลาดผีที่ถูกฟาดใส่โดยแส้สายฟ้า ก่อนที่พวกมันจะตายลง

สามดาบบินลอยตามติดกู่ฉิงซานมาอย่างใกล้ชิด

“นายน้อย เวลานี้ยังเหลือสัตว์ประหลาดผีอีกประมาณสามในสิบส่วนที่ยังไม่ตาย และพวกมันกำลังจะหนีไป!” ฉานนู่กล่าวอย่างเร่งร้อน

“อย่างงั้นหรือ?”

กู่ฉิงซานที่กำลังวิ่งวนรอบค่ายกองทัพ เบนความสนใจไปยังสถานการณ์ของสัตว์ประหลาดผี

ในตอนแรก ทัณฑ์สวรรค์ที่จู่ๆ ก็ผุดออกมาจากทะเล ได้ผ่าเข้าใส่สัตว์ประหลาดผีอย่างไม่ทันตั้งตัว ดับชีวิตพวกมันไปกว่าหนึ่งหมื่นตนในพริบตา

และหลังจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ทัณฑ์สายฟ้านับไม่ถ้วนก็ได้ดับชีวิตพวกมันลงเพิ่มไปอีกกว่าห้าหมื่นตนแล้ว

อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดผีที่ยังเหลือรอดในปัจจุบัน บัดนี้เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง พวกมันเริ่มที่จะพากันหลบหนีออกจากค่ายกองทัพแล้ว

นั่นเพราะทัณฑ์สายฟ้าน่ะ จะฟาดผ่าลงแค่เฉพาะในบริเวณค่ายกองทัพ

ดังนั้น จึงเหลือเพียงหนทางเดียวที่จะรอดชีวิตไปได้ นั่นก็คือหลบหนีออกจากค่ายกองทัพสัตว์ประหลาดผี!

สัตว์ประหลาดผีที่เหลือรอด แน่นอนว่าย่อมมิใช่พวกลูกสมุนธรรมดาๆ ความว่องไวของมันจึงย่อมรวดเร็วยิ่งกว่า หากเทียบกับกู่ฉิงซาน

เห็นแค่เพียงสัตว์ประหลาดผีที่วิ่งหนีอย่างเต็มกำลัง

ในชั่วเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ พวกมันก็สามารถมาถึงขอบของค่ายกองทัพได้ในที่สุด และตราบใดที่ให้เวลาพวกมันอีกแค่ลมหายใจเดียว เหล่าสัตว์ประหลาดผีก็จะสามารถหนีรอดออกไปได้ทันที

กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก และกล่าวกับฉานนู่ “วางใจเถอะ พวกมันหนีไม่พ้นหรอก”

เขาวิ่งกลับมายังใจกลางค่าย และทำการล็อกสมญาเทพสงครามเป็น ‘ดาราจรัสเทพสงคราม’

วินาทีต่อมา เขาก็เปิดใช้งานสกิล ‘พิชิต!’

ฝูงสัตว์ประหลาดผีชะงักงันพร้อมๆ กัน

ผู้บัญชาการสัตว์ประหลาดผีก้าวออกมา และประกาศสั่งดังลั่น “จงไปเสีย! ไปสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังข้ามผ่านโทษทัณฑ์เสีย ตราบใดที่เขาตาย ทัณฑ์สวรรค์ก็จะหยุดลงทันที!”

“เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ทุกคนจงสังหารเขาเสีย!”

โฮก!

สัตว์ประหลาดผีเหลียวหลังกลับ ทั้งหมดคว้ากุมอาวุธและพุ่งเข้าหากู่ฉิงซาน!

อีกด้านหนึ่ง

ณ ค่ายของผู้เข้าสู่วิถีมาร

“นั่นมันสายฟ้าใช่รึเปล่านะ? ไม่สิ หากเทียบกับสายฟ้าธรรมดาๆ แล้ว มันดูเหมือนกับว่าจะเป็นทัณฑ์สวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ์เสียมากกว่า”

ผู้เข้าสู่วิถีมารสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายธาตุจากในสถานที่ห่างไกล

“นี่มันไม่ถูกต้อง…พวกสัตว์ประหลาดผีมันมีอัตลักษณ์ที่หวาดกลัวในสายฟ้าแต่โดยกำเนิดนี่นา ฉะนั้นนี่ไม่น่าจะใช่ฝีมือของพวกมัน…”

เขาพึมพำด้วยความสงสัย

แต่อีกผู้เข้าสู่วิถีมารกลับแสยะยิ้ม และเอ่ยหยันออกมา “ช่างหัวพวกมันสิ กล้ามาด่าพวกเราว่าทาส ถ้าพวกมันจะตายก็สมควรแล้ว”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าสู่วิถีมารยืนขึ้น และกล่าวออกมา “ข้าทราบว่านี่คือสิ่งใด มันคือทัณฑ์สวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ์ นั่นหมายความว่ากำลังมีใครบางคนกำลังใช้อำนาจของโทษทัณฑ์สังหารพวกสัตว์ประหลาดผีอยู่”

ผู้ฝึกยุทธ์เอ่ยต่อเนื่อง “ข้าว่าพวกเราควรจะไปช่วยพวกสัตว์ประหลาดผี และดูว่าเป็นใครกันที่กำลังข้ามผ่านโทษทัณฑ์ -เพราะอ้างอิงจากแรงกดดันของทัณฑ์สายฟ้านี้ หากเขาสามารถผ่านมันไปได้ ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจักต้องพุ่งทะยานสูงขึ้น จนบางทีพวกเราอาจจะรับมือกับเขาไม่ไหวก็ได้”

“ไม่สามารถรับมือกับเขาได้? ทั้งที่พวกเรามีกันกว่าสองร้อยล้านคนเนี่ยนะ?” ผู้เข้าสู่วิถีมารคนอื่นๆ พากันหัวเราะออกมา

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เสนอหน้าพูดสูญสิ้นคำโต้เถียง เงียบไปพักหนึ่ง

สักพัก อีกคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา “ถ้าต้นกำเนิดมอบภารกิจช่วยชีวิตพวกมัน ฉันก็จะไป เพื่อรับรางวัลภารกิจ แต่ตอนนี้ ในเมื่อไม่มีรางวัล ถ้าอย่างนั้นใครมันจะเต็มใจที่จะไป?”

เขากล่าวประโยคแทนความในใจของเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารส่วนใหญ่ออกมา

นั่นสิ ถ้าไม่มีรางวัลจากภารกิจ ก็เท่ากับว่าพวกเขาไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ แล้วทำไมพวกเขาถึงจะต้องไปช่วยเหลือคนที่เรียกตัวเองว่าทาสด้วย?

แต่ในตอนนั้นเอง ผู้นำของผู้เข้าสู่วิถีมารก็ผุดลุกขึ้น

“อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ข้าได้ส่งคนไปดูลาดเลาแล้ว ตอนนี้คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของต้นกำเนิด ดังนั้นที่เจ้าผู้ฝึกยุทธ์พูดน่ะถูกต้องแล้ว ทุกคนจะต้องตื่นตัวกันเข้าไว้ อย่าคิดประมาทใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น” เขากล่าว

เมื่อได้ยินว่าผู้นำกล่าวเช่นนั้น เหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารต่างก็พยักหน้าตอบรับ

“รายงาน”

ผู้เข้าสู่วิถีมารวิ่งหอบกลับมายังค่ายใหญ่ และคุกเข่าลงเบื้องหน้าผู้นำ

“ว่ามา มันเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นกันแน่?” ผู้นำถาม

“ไม่ ไม่รู้ พวกเราเองก็ไม่สามารถมองเห็นถึงสถานการณ์ได้ชัดเจนนัก” คนรายงานที่หอบหายใจกล่าว

“ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนงั้นหรือ?” ผู้นำทวนซ้ำด้วยความสับสน

“ใช่ เพราะค่ายสัตว์ประหลาดผีทั้งค่ายมันได้ถูกพัดพาไปโดยคลื่นจากทะเล ลอยออกไปยังจุดที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว แถมยังเกิดสายฟ้าผ่านับไม่ถ้วนสาดแสง และระเบิดเข้าใส่ไม่หยุดอีก พวกเราเลยไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์อย่างชัดเจนได้” ผู้เข้าสู่วิถีมารที่เพิ่งกลับมากล่าว

ผู้นำไตร่ตรองสักพัก ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วทัณฑ์สายฟ้าล่ะ? สุดท้ายแล้วทัณฑ์สายฟ้าได้หายไปหรือไม่?”

ผู้เข้าสู่วิถีมารที่เพิ่งกลับมา “ไม่ ทัณฑ์สายฟ้าได้ไล่ติดตามค่ายสัตว์ประหลาดผีไป ฟาดผ่าลงมาไม่ขาดสายเลย บางทีกองทัพของพวกมันอาจจะเสียหายร้ายแรงแล้วก็ได้”

ผู้นำจมหายเข้าไปในห้วงความคิด

“ทัณฑ์สายฟ้างั้นหรือ…”

ทันใดนั้นเอง เขาก็พลันย้อนนึกไปถึงสัตว์ประหลาดผีตัวหนึ่งที่จู่ๆ ก็เข้ามาก่อกวน และก็ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างน่าสงสัย เอ่ยปากเป็นนัยๆ ว่าพวกตนจะเป็นฝ่ายออกไปเอง ไม่ต้องตามมา

สีหน้าของเขาคล้ายตระหนักรู้ถึงบางสิ่ง มันแปรเปลี่ยนกลับกลาย

“แบบนี้ไม่ดีแล้ว!”

“ส่งคำสั่งของข้าออกไป ให้ทุกคนเตรียมพร้อมออกเดินทางในทันที พวกเราจะไปช่วยสัตว์ประหลาดผี ใครขัดคำสั่งก็ฆ่ามันเสีย!”

“รับทราบ!”

ผู้เข้าสู่วิถีมารโดยรอบรับคำ และกระจายตัวกันออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่สิบลมหายใจ สัมภาระทั้งหมดก็ถูกเก็บรวบรวมจนสิ้น กองทัพพร้อมเข้าสู่สภาวะต่อสู้

ทั้งหมดเร่งรีบไล่ตามกระแสสมุทรไป

หลังจากที่วิ่งด้วยแรงกายทั้งหมดที่มี ภายในระยะเวลาสั้นๆ ผู้เข้าสู่วิถีมารก็สามารถไล่ตามค่ายสัตว์ประหลาดผีจนทันได้ในที่สุด

เห็นแค่เพียงพื้นน้ำแข็งที่อยู่เบื้องล่างค่ายสัตว์ประหลาดผีกำลังลอยอยู่เหนือกระแสน้ำ

พร้อมกับแสงสายฟ้าสีน้ำเงินและแดง ผ่าลงตรงใจกลางค่าย

อย่างไรก็ตาม

ไม่มีสัตว์ประหลาดผีอีกต่อไปแล้ว

ตลอดทั้งค่ายสัตว์ประหลาดผี บัดนี้มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ที่ถือดาบยาว หนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ และชายผู้นั้นก็กำลังใช้ดาบทานรับสายฟ้า

เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วก็ไม่นับว่ามีอันตรายร้ายแรงใดๆ

แสงสีขาวเปล่งประกายอยู่บนตัวเขา เวียนว่ายรอบทิศคอยปกป้องเขาจากตาข่ายทัณฑ์สายฟ้า

เมื่อเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารเข้ามาใกล้ค่าย ทัณฑ์สายฟ้าก็ค่อยๆ หยุดลง

ขณะที่กระแสน้ำไม่พัดพาค่ายอีกต่อไป

เวลาช่างประจวบเหมาะจริงๆ!

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ยืนอยู่ใจกลางค่ายอ้าปากหอบหายใจ ทิ้งก้นลงนั่งกับพื้น

ชายคนนั้นหยิบเม็ดยาวิญญาณออกมา โยนเข้าปาก และเคี้ยวพลางกวาดสายตามองโดยรอบด้วยความสงสัย

บัดนี้รอบค่ายสัตว์ประหลาดผี ได้ถูกสองร้อยล้านผู้เข้าสู่วิถีมารปิดล้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นี่คือสถานการณ์ที่ต่อให้ติดปีก ก็ยังยากนักที่จะหลบหนี

แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้คิดลงมือทันที นั่นเพราะฝ่ายตรงข้ามน่ะมีแค่คนเดียว

และอีกอย่าง พวกเขารู้ดีว่าคนคนนั้นคือใคร!

คนผู้นี้ คือคนที่หลบหนีจากการไล่ล่าของต้นกำเนิดตรงยอดภูเขาน้ำแข็งของทวยเทพ

แต่ตอนนี้ เขากลับใช้ทัณฑ์สวรรค์ สังหารสัตว์ประหลาดผีจนหมดสิ้น!

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ความรู้สึกหนาวสั่นอย่างไม่อาจอธิบายได้ก็เสียดแทงเข้ามาตามร่างกายของผู้เข้าสู่วิถีมาร

ผู้นำของผู้เข้าสู่วิถีมารก้าวออกมา

“จริงๆ แล้วต้องขอชมว่ามันเป็นความสำเร็จที่งดงามจริงๆ เพียงหนึ่งคนแต่กลับสามารถล้างบางหนึ่งแสนสัตว์ประหลาดผีได้อย่างสิ้นเชิง” เขามองมายังกู่ฉิงซานพลางปรบมือ

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพไป เพราะฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันง่ายเลย ถ้าจะต้องทำแบบนี้อีกครั้งในอนาคต ฉันคงจะไม่รอดแน่ๆ” กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น

ขณะที่สามดาบยาวลอยอยู่ในความว่างเปล่าเบื้องหลังเขาอย่างเงียบๆ

ผู้นำผู้เข้าสู่วิถีมารมองไปยังสามดาบ ปากเอ่ยกล่าวด้วยความสนใจ “ถ้าจะต้องทำแบบนี้อีกครั้งในอนาคตอย่างงั้นหรือ? ตอนนี้ เจ้าไม่ได้ยืนอยู่บนยอดเขาสูงสุดของทวยเทพแล้วนะ ไหนลองบอกมาซิว่าเจ้าจะสามารถหนีรอดไปทำมันอีกครั้งในอนาคตได้อย่างไร?”

“หืม? แล้วทำไมต้องหนีด้วยล่ะ พวกแกจะฆ่าฉันเหรอ?” กู่ฉิงซานสวนกลับ

“แน่นอน เพราะต้นกำเนิดได้ตั้งค่าหัวเจ้าเอาไว้แล้ว แถมยังเป็นรางวัลที่เรียกได้ว่าเป็น ‘สมบัติมั่งคั่งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน’ อีกด้วย” ผู้นำผู้เข้าสู่วิถีมารกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“กู่ฉิงซาน ข้าทราบชื่อของเจ้าดี เจ้าเป็นศัตรูที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ข้าหวังว่าพวกเราจะไม่ต้องต่อสู้กัน จงยอมให้จับแต่โดยดีเถอะ”

“แล้วจากนั้นเล่า?”

“จากนั้นพวกเราจะช่วยกันตัดสินใจเองว่าใครจะเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นคนสังหารเจ้า”

“ช่างเป็นตัวเลือกที่น่าขยะแขยงเสียจริง ทำไมแกถึงคิดว่าฉันจะยอมแพ้ล่ะ?”

“ก็เพราะถ้ายอมแพ้ อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องถูกทารุณทรมาน และยังสามารถรักษาสภาพศพไว้ในสภาพครบสามสิบสองได้…ในเรื่องนี้ข้าสามารถให้คำมั่นแก่เจ้าได้”

กู่ฉิงซานเผยถึงสีหน้าสงสัย ปากเอ่ยถามกลับไป “ดูเหมือนว่าแกจะมั่นใจมากเลยสินะ ว่าอย่างไรเสียฉันก็จะต้องเลือกยอมจำนน”

“แน่นอน ส่วนเหตุผลน่ะหรือ…”

ผู้นำผู้เข้าสู่วิถีมารเอ่ยปากอย่างช้าๆ

เขาหันไปมองรอบๆ ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

กว่าสองร้อยล้านผู้เข้าสู่วิถีมาร โอบล้อมอยู่ทั่วทุกสถานที่ ทุกหนแห่งที่พอจะสามารถยืนได้

โดยทั้งสองร้อยล้านคน อยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมที่จะสังหารคนเพียงคนเดียว

ผลลัพธ์มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

กู่ฉิงซานเงียบไปครู่หนึ่ง

“แสดงว่ามากันทั้งหมดเลยใช่ไหม งั้นก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องมัวไปวิ่งเก็บซากที่เหลือ…” เขาเอ่ยพึมพำเบาๆ

“หืม? นั่นเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ?” ผู้นำย้อนถาม

แต่กู่ฉิงซานไม่ตอบ เขาเพียงยกมือขึ้นชี้เส้นผมบนหัวของตนที่กำลังปลิวไสว

ปรากฏถึงสายลมโชยขึ้นมาอย่างเงียบๆ ภายในค่ายกองทัพ

แต่สิ่งที่น่าฉงนก็คือ สายลมนี้มีได้ตกลงมาจากฟากฟ้า ตรงกันข้าม มันกลับพัดกระพือขึ้นมาจากพื้นดิน และกรรโชกชั้นอากาศโดยรอบอย่างรุนแรง

-ทัณฑ์สายลมได้มาถึงแล้ว!

ก่อนหน้านี้ในโลกเทวะ นางเซียนไปฮั่วได้ลงไปยังเจี้ยนไห่ เพื่อทำการตัดผ่านขอบเขตประทับเทพ ยกระดับขึ้นสู่ร่างเทวะ ภายใต้สถานการณ์วิกฤตยิ่ง

แต่ในท้ายที่สุด เธอก็สามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์คนแรกในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถทะลวงผ่านสองโทษทัณฑ์ – ทัณฑ์สายฟ้าและทัณฑ์สายลมไปได้

และในวันนี้ กู่ฉิงซานก็กำลังจะทานรับทัณฑ์สายลมของเขา

แต่นี่มันแตกต่างไปจากในตอนของนางเซียนไป่ฮั่ว เพราะทัณฑ์สายลมของเขาในครานี้ มันได้ถูกจัดเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

เพื่อที่จะล้างบางสองร้อยล้านผู้เข้าสู่วิถีมาร

เขาได้ทำการติดสินบนกษัตริย์ปีศาจและราชาภูตผู้ครอบครองตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ในทัณฑ์สวรรค์ของตนเอง

ในเวลานี้ สายลมเริ่มจะปลิวไสวแล้ว

และนั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่ากองทัพปีศาจและภูตกำลังจะกรีธาทัพเข้ามายังโลกใบนี้!

………………………………………….