ตอนที่ 561 อยู่ที่ไหน?
ขณะกำลังคิด ก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากด้านนอก นางจึงนอนกลับลงไปบนเตียงทันทีและแสร้งว่ายังสลบอยู่ ก่อนจะได้ยินเสียงประตูเปิดลอยมา
“หญิงคนนี้ยังไม่ตื่นหรือ?” เสียงผู้ชายดังขึ้น เป็นชายอายุสามสิบกว่าที่สีหน้าค่อนข้างซีด ดวงตาโปนอยู่บ้าง และสองตามีประกายขุ่นมัว
“เรียนคุณชาย ยังไม่ตื่นขอรับ เดาว่าฝ่ามือนั้นคงแรงเกินไป” ใครคนหนึ่งข้างกันกล่าวตอบ
“ช่างเถอะ ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่! รอถึงค่ำข้าจะมาอีก” ชายคนนั้นพูดจบกลับยังไม่ออกไป แต่เข้ามาใกล้ข้างเตียงจ้องมองสาวน้อยบนเตียงผู้เคร่งขรึมงดงามในชุดสีดำ สายตาพินิจมองไปมาบนเรือนร่างอวบอิ่มงดงาม พลางกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้
“วันนี้สาวน้อยคนนี้ไม่เพียงหน้าตาไม่เลว รูปร่างยังเผ็ดร้อนยิ่งนัก ข้ามองแล้วทนไม่ค่อยจะไหว”
“สายตาคุณชายดีเลิศเสมอมา บนถนนมีผู้หญิงมากมายเพียงนั้น คุณชายยังถูกใจนางตั้งแต่แวบแรก ถือเป็นโชคดีของนาง” คนคนนั้นข้างๆ เอ่ยอย่างประจบประแจง
“ฮี่ๆ ใช่ โชคดีที่คุณชายอย่างข้าต้องตา ก็มีแต่ต้องกลายเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว ช่างเถอะๆ เวลานี้ไม่ต้องรีบร้อน อีกเดี๋ยวเจ้าสั่งข้ารับใช้ไว้ด้วย หากสาวงามผู้นี้ตื่นมาก็ช่วยนางแต่งตัวดีๆ เสียหน่อย เย็นนี้ข้าจะเข้ามา” เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงมีความระริกระรี้ที่ไม่ปกปิดแม้แต่น้อย
“ขอรับๆ”
เหลิ่งซวงฟังคำพูดเหล่านั้น ยับยั้งความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะลืมตามองไว้ เพียงรอจนทั้งสองคนออกไปและห้องกลับสู่ความเงียบเชียบ ถึงจะลืมตาขึ้นมา คายชิ้นผ้าตรงปากออก จ้องไปด้านนอกด้วยแววตาเย็นเยียบน่าขนลุก
นางคิดหาวิธี ในใจรู้ดีว่าหากนายท่านพบว่าตนหายไปจะต้องออกตามหาแน่ แต่นางกลับไม่อาจนั่งรอความตายที่นี่ จึงต้องคิดหาวิธีช่วยเหลือตนเอง หากแค่ต้องจัดการสองคนนั้นยังไม่ใช่ปัญหา ทว่านอกห้องยังมีคนที่วรยุทธ์สูงกว่านางเฝ้าไว้ คิดจะหนีออกไปก็ยากแล้ว
แต่นายท่านมอบยาป้องกันตัวให้นางไว้ไม่น้อย ขอแค่แก้เชือกบนมือและเท้าออกก็ใช้งานได้แล้ว
เวลาเดียวกันนี้เอง เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดลงทีละน้อย กลับยังคงไม่มีข่าวคราวของเหลิ่งซวง สีหน้าเฟิ่งจิ่วยิ่งไม่น่ามองขึ้นทุกที ก่อนกลับไปโรงเตี๊ยมเธอตรวจสอบถามไถ่พวกตลาดมืดใต้ดินและหอนางโลม แต่ก็ไม่มีข่าวเหลิ่งซวงเช่นกัน
ในเมื่อคนตลาดมืดใต้ดินและหอนางโลมไม่ได้จับตัวไป เดาว่าคงเห็นเหลิ่งซวงรูปโฉมโดดเด่นจึงเกิดความคิดหื่นกาม หากเป็นเช่นนี้จริง ยิ่งรออีกสักนาทีเหลิ่งซวงก็จะยิ่งมีอันตราย
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองนาง เห็นกลิ่นอายหนาวเย็นกระจายทั่วร่าง จึงเอ่ยปากปลอบขวัญ “ไม่นานนักคงมีข่าว คนตลาดมืดกำลังตามหา คนตำหนักยมราชก็เช่นกัน แค่เมืองซานเจียงเล็กๆ มีสองกลุ่มอำนาจกำลังตามหาเบาะแสคนคนเดียว คงไม่ยากเย็นอะไร”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร สายตาเพียงหยุดลงบนร่างเหลิ่งหวาที่ยืนมองไปด้านนอกตรงหน้าต่าง
เหลิ่งซวงหายไป คนที่เป็นห่วงที่สุดน่าจะเป็นเหลิ่งหวา ความรักของพี่น้องที่เชื่อมโยงด้วยสายเลือดและใช้ชีวิตพึ่งพากัน พี่สาวเกิดเรื่อง เขากลับช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงรออยู่ที่นี่ ความรู้สึกนั้นแค่คิดดูก็รู้แล้ว
ในเวลานี้เอง ฮุยหลางเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา “นายท่าน คุณชายจิ่ว มีข่าวมาแล้วขอรับ!”
ได้ยินคำพูดนี้ เหลิ่งหวาที่ยืนตรงหน้าต่างพลันหันหน้ากลับมา รีบเดินมายังข้างกายฮุยหลางแล้วถามด้วยความร้อนใจ “หาพี่สาวข้าพบแล้วหรือ นางอยู่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง ยังดีอยู่หรือเปล่า?”
………………………………………………….
ตอนที่ 562 นิสัยดุดัน
“นางถูกชายแซ่จงจับตัวไป คนผู้นี้บ้าตัณหาเป็นนิสัย คงถูกใจในรูปโฉมเหลิ่งซวง ข้าให้คนเข้าไปช่วยก่อนแล้ว ส่วนตัวเองกลับมารายงาน”
เหลิ่งหวาได้ยินใจยิ่งตึงเครียด มองไปทางนายท่านของตนอย่างรวดเร็ว เขาก็อยากไปช่วยพี่สาวเช่นกัน…
เฟิ่งจิ่วมองเขาแล้วบอกกับฮุยหลาง “เจ้าพาเหลิ่งหวาไปด้วย”
“ขอบคุณนายท่านมากขอรับ” เหลิ่งหวาพูดจบก็ตามฮุยหลางออกไปโดยเร็ว
เฟิ่งจิ่วมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อข้างกาย เอ่ยว่า “ท่านรออยู่ที่นี่แล้วกัน ข้าไปครู่เดียวก็กลับมา”
เขาไม่ได้ตามไปด้วย เพราะรู้ว่านางจัดการเองได้ ดังนั้นจึงแค่รอนางกลับมาอยู่ในโรงเตี๊ยม
เวลาเดียวกันนี้ ภายในเขตเรือนเล็กๆ แห่งนั้น เหลิ่งซวงที่เปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงสีชมพูอมม่วงดูแล้วยิ่งงามล้ำ รูปโฉมนางงดงามมาแต่กำเนิด ชุดสีดำที่สวมมาตลอดปีไม่เคยเปลี่ยนยังไม่อาจปกปิดความงามของนางได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชุดกระโปรงสีชมพูม่วงที่งามตาตัวนี้
เมื่อชายผู้มีฝีเท้าเบาหวิวเล็กน้อยเดินเข้ามา เห็นสาวงามถูกมัดนั่งอยู่บนเตียง ดวงตาพลันฉายแววเจ้าเล่ห์ เต็มไปด้วยท่าทางละโมบ “เป็นสาวน้อยที่งามนัก ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เหลิ่งซวงมองคนผู้นั้นอย่างเย็นชา เห็นว่าคนผู้นี้ถึงแม้สีหน้าหมกมุ่นสุดขีด กลับเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง ในใจก็คร่ำเครียดเล็กน้อยอย่างอดมิได้ มิน่าล่ะ มิน่าถึงแค่มัดมือเท้านางไว้ ที่แท้ก็คิดว่านางจะหนีจากเงื้อมมือเขาไม่พ้น
ทันใดนั้น ความคิดผุดขึ้นมาร้อยพัน นางหลุบตาลงเล็กน้อย เก็บกลิ่นอายเย็นเยียบบนร่าง แล้วเอ่ยปากเรียบๆ ว่า “คุณชายปฏิบัติกับสาวงามเช่นนี้หรือเจ้าคะ?”
ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ไป ชายผู้นั้นดวงตาเป็นประกาย “ไม่ได้แน่นอน ข้าปฏิบัติกับสาวงามอย่างอ่อนโยนเสมอมา” ระหว่างพูดเขามายังข้างเตียง ก่อนจะถามหยั่งเชิง “คนงาม ข้าแก้เชือกให้เจ้าเป็นอย่างไร? เจ้าอย่าคิดหนีเชียว หากเจ้าหนีแล้วทำให้ข้าโกรธ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงนัก”
เหลิ่งซวงไม่พูดอะไร แค่ยื่นมือที่ถูกมัดไว้ไปให้เขา
ชายผู้นั้นไม่ได้สนใจ หลังจากแก้เชือกบนมือนางออกก็นั่งจับจ้องนางอยู่ที่ข้างเตียง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าสาวงามคนนี้งดงามไร้ใครเทียบ ยิ่งเย็นชายิ่งเลิศรส เขามองเสียจนไฟในใจลุกโชนขึ้นมา ยื่นมือออกไปเชยคางนางขึ้น
“คนงาม เจ้ามีนามว่าอะไร?”
เหลิ่งซวงเบี่ยงหลบเล็กน้อย กวาดมองเขาอย่างเย็นชา พลางแก้เชือกตรงเท้าออก “เหลิ่งซวงเจ้าค่ะ”
“เหลิ่งซวง? เย็นดุจน้ำแข็ง เจ้าเหมาะกับชื่อนี้จริงๆ” ดวงตาเขาแวววับ นัยน์ตายิ่งมีประกายเจ้าเลห์ “ข้านึกว่าเจ้าจะไม่บอกชื่อเสียอีก นึกไม่ถึงว่าแค่ถามไปตามปากเจ้าก็ยังบอก ดูไปแล้วช่างรู้ความนัก”
“บอกไป ก็เพื่อให้ท่านรู้ว่าคนที่ฆ่าท่านเป็นใคร!” กล่าวจบนางพลันลงมือ โจมตีไปยังลำคอของคนผู้นั้นอย่างดุดันรุนแรง ความเร็วที่ว่องไว แม้แต่ชายผู้นั้นที่ระวังตัวมาตั้งแต่แรกยังอดตกใจไม่ได้ ลำคอเหมือนจะเจ็บและมีเลือดไหลออกมา
ชายที่ถอยห่างไปอย่างรวดเร็วคลำๆ ตรงลำคอ เห็นบนนิ้วมือเปื้อนเลือดก็หัวเราะชั่วร้าย แลบลิ้นเลียเลือด จากนั้นจ้องมองเหลิ่งซวงที่ลุกขึ้นยืนด้วยแววตาแปลกใจ
“ฝีมือคล่องแคล่วไม่เบาเหมือนกันนี่ นิสัยก็ดุดันเอาการ มีรสชาติดี ข้าชอบ” ขณะพูด เขาโน้มตัวตรงเข้าไปทันที และยื่นมือจู่โจมไปทางเหลิ่งซวง
สองคนต่อสู้กันในห้อง อีกสองคนที่เฝ้าด้านนอกเพียงฟังอยู่เงียบๆ ไม่ได้มีความคิดจะยื่นมือเข้าไปยุ่ง แค่ผู้ฝึกพลังเร้นลับตัวเล็กๆ คนเดียวเท่านั้น โดนคุณชายแกล้งหยอกเล่น จะเป็นหรือตาย สุดท้ายคุณชายเป็นคนกำหนดไม่ใช่หรือ?
………………………………………………….