ตอนที่ 563 คนที่ฆ่าเจ้านามว่าเหลิ่งซวง + ตอนที่ 564 แสงไฟยามวิกาล

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 563 คนที่ฆ่าเจ้านามว่าเหลิ่งซวง

“แคว่ก!”

เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังมาจากด้านใน ผู้ฝึกตนสองคนด้านนอกมองหน้ากันแล้วยิ้มขึ้นมา

ทว่าภายในห้อง ชายคนนั้นกำเศษผ้าที่ฉีกมาจากบนร่างเหลิ่งซวง ถือไว้ตรงจมูกพลางสูดดมลึกๆ สายตาจับจ้องผิวขาวราวหิมะที่เผยออกมา สีหน้าลุ่มหลง “เสื้อผ้าที่คนงามใส่ก็หอมนัก”

เหลิ่งซวงใบหน้าไร้อารมณ์ ท่าทางไม่สะทกสะท้าน เสื้อผ้าบนร่างถูกเปลี่ยน ไม่มีแม้แต่อาวุธให้ใช้ มิเช่นนั้นเมื่อครู่คงไม่แค่ฟันคอ แต่จะเอาชีวิตเขาเสีย!

ทว่าหากเปลี่ยนเป็นนายท่าน เชื่อว่าแค่ลงมือคนผู้นี้ก็ตายแล้ว นายท่านสังหารคนได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธ ดูท่านางยังต้องเรียนรู้วิธีสังหารคนจากนายท่านอีกมาก

“คนงาม มาเล่นด้วยกันอีก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะใจเย็นเช่นนี้ไปได้ตลอด” ชายคนนั้นพูดจบก็จู่โจมเหลิ่งซวงอีกครั้ง นางหยิบแจกันข้างตัวขึ้นมาโยนออกไปทันที ชายคนนั้นหลบออกไป แจกันตกแตกบนพื้น

เหลิ่งซวงเข้าไปเผชิญหน้าโดยไม่หลบเลี่ยง สองคนสู้กันไม่กี่กระบวนท่า เสื้อตรงไหล่ซ้ายของนางก็โดนฉีกขาดอีกครั้ง เสื้อบนร่างคล้ายถูกชายคนนั้นฉีกดึงลง เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะผืนใหญ่ แม้แต่เนินอกยังวับๆ แวมๆ ร่างกายยืนได้ไม่มั่นคงจึงล้มลงไปตรงเศษแจกัน แขนถูกเศษแจกันบนพื้นบาดจนเลือดไหล

“ดูเจ้าสิ ทำไมถึงไม่ระวังเช่นนี้ บาดเจ็บแล้วล่ะสิ?” ชายคนนั้นขมวดคิ้ว เห็นผิวขาวเนียนโดนบาดจนเลือดออกก็มีสีหน้าทุกข์ใจโดยพลัน แต่แววตากลับจ้องภาพงดงามที่เนินอก กลืนน้ำลาย อีกทั้งหายใจแรงขึ้นหลายส่วน

เหลิ่งซวงเงยหน้าขึ้นเห็นเขาเดินมา เวลาต่อมา ร่างพลันกระโดดขึ้นและพุ่งไปทางชายคนนั้น เขาหัวเราะเบาๆ คล้ายไม่สนใจ ยื่นมือออกไปกอดนางไว้โดยไม่หลบหลีก ทว่าในเวลานี้เอง ร่างกายเขากลับแข็งทื่อ เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากตรงลำคอ เส้นเลือดโดนตัดขาด ชายคนนั้นใช้มือกุมไว้ แต่ก็หยุดเลือดที่ทะลักออกมาราวน้ำพุไม่ได้ เขาปล่อยเหลิ่งซวงไปพลางโงนเงนถอยหลัง ถลึงตาโตชี้ไปทางนาง

เหลิ่งซวงโยนเศษแจกันเปื้อนเลือดในมือทิ้ง มองชายคนนั้นอย่างเย็นชา พลางกระชับเสื้อผ้าบนร่างให้เรียบร้อย “จำไว้ คนที่ฆ่าเจ้ามีนามว่าเหลิ่งซวง”

“ตุบ!”

ร่างชายคนนั้นล้มลงไป จนกระทั่งตายก็ไม่อาจตายตาหลับ อย่างไรเขาก็ไม่นึกว่าผู้ฝึกพลังเร้นลับตัวเล็กๆ ที่ตนไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาจะสังหารผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังผู้สง่างามเช่นเขาได้

เขาจะรู้ได้อย่างไร สิ่งที่เหลิ่งซวงเรียนจากเฟิ่งจิ่วคือวิธีฆ่าคนอย่างไรโดยไม่มีอาวุธติดมือ ขอแค่มีของมีคม ก็สามารถคร่าชีวิตคนได้ทุกเมื่อ!

เหลิ่งซวงคว้าถุงฟ้าดินมาจากชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นค้นหาถุงฟ้าดินของตัวเองด้านใน และคว้ากริชออกมา เวลานี้เอง ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังด้านนอกรู้สึกผิดแปลกจึงผลักเปิดประตูเข้ามา

เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดในห้อง และยังเห็นชายคนนั้นที่ล้มอยู่กลางห้องด้านนอก ม่านตาของผู้ฝึกตนทั้งสองหดลง พลันโจมตีไปทางเหลิ่งซวง

เหลิ่งซวงปลิดชีพผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนนั้น และสบโอกาสที่ศัตรูไม่ทันระวัง ใช้ความไขว้เขวเป็นโอกาสในการฆ่า แต่สองผู้ฝึกตนกลับเข้าสู้ซึ่งหน้า นางไม่อาจต้านทานจิตสังหารที่โหดเหี้ยมในทุกกระบวนท่าของพวกเขาได้

“ตุบ!”

นางถูกหนึ่งคนในนั้นโจมตี ร่างกายเหมือนจะเสียสมดุลและกระเด็นออกไปนอกห้อง เดิมทีนึกว่าจะตกลงบนพื้น ไม่นึกเลยว่าจะมีคนรับไว้

………………………………………………….

ตอนที่ 564 แสงไฟยามวิกาล

ชายชราระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งชำเลืองมองสองคนด้านใน ผลักเหลิ่งซวงไปข้างๆ “ไปยืนข้างๆ” สิ้นเสียงร่างเขาพลันพุ่งไปด้านใน ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องโหยหวนสองเสียงดังมา จากนั้นทั้งเรือนก็กลับสู่ความเงียบสงบทันที

“พี่เหลิ่งซวง!”

เหลิ่งหวาให้ฮุยหลางพามา เมื่อเห็นพี่สาวในลานบ้านที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งก็สูดหายใจเฮือก รีบร้อนถอดเสื้อนอกบนร่างคลุมมาให้นาง “พี่เหลิ่งซวง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

ฮุยหลางพินิจมองนางจากบนลงล่าง เห็นว่าแค่คอเสื้อถูกฉีกขาด แขนโดนกรีดบาดเจ็บเลือดไหลเล็กน้อย ถึงจะแอบโล่งใจ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงนั่นต้องเป็นปัญหาแน่

“ข้าไม่เป็นไร” เหลิ่งซวงส่ายหน้า เห็นสีหน้าเขาเป็นกังวลจึงเสริมอีกประโยค “แค่โดนเศษแก้วบาด”

เหลิ่งหวาพันแผลหยุดเลือดให้นางโดยเร็ว พลางบอกว่า “พี่เหลิ่งซวง ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนท่านหายไปข้ากับนายท่านร้อนใจแทบตาย นายท่านให้คนของเจ้าตำหนักยมราชตรวจสอบ ซ้ำยังไปตลาดมืดให้คนช่วยดูอีก นางพาข้าวิ่งไปตามหาท่านตั้งหลายที่ โชคดีที่ท่านไม่เป็นอะไร”

ได้ยินเช่นนี้ เหลิ่งซวงอบอุ่นในใจ ขณะกำลังจะพูดก็เห็นร่างสีแดงโผเข้ามา จึงขานเรียกทันที “นายท่าน”

เฟิ่งจิ่วมองนาง พินิจมองจากบนลงล่างเสียก่อนถึงจะพยักหน้า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” จากนั้นสายตามองไปด้านในเรือน

เห็นชายชราชุดเทาคนนั้นเดินออกมา สายตาหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว ชะงักเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้า บอกว่า “ไม่มีใครเหลือรอดขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วมองชายชราแวบหนึ่ง บอกเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาว่า “พวกเจ้ากลับไปเถอะ! ฮุยหลาง เผาเรือนหลังนี้ทิ้งซะ”

“ขอรับ”

พวกเขาขานรับ แล้วตามหลังนางจากไป ส่วนชายชรากระโจนขึ้น หายลับไปกลางค่ำคืนมืดมิด เปลวไฟแล่นตรงไปในเขตเรือนและลุกโชนขึ้นมา แสงไฟส่องสว่างไปกว่าครึ่งฟ้าราตรี กลุ่มอำนาจแต่ละฝ่ายภายในเมืองซานเจียงต่างแตกตื่นเช่นกัน…

บ้านตระกูลหลิน

“ทำไมทางตะวันตกของเมืองถึงมีไฟไหม้ รู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?” ผู้นำตระกูลหลินสอบถามกลุ่มคนที่นั่งด้านล่าง

“เรือนหลังนั้นเป็นที่พำนักของลูกหลานสายตรงของตระกูลจงคนหนึ่งที่พฤติกรรมค่อนข้างเหลวไหล ใช้สำหรับซ่อนผู้หญิงโดยเฉพาะ เดาว่าคงไปล่วงเกินใครเข้าถึงถูกวางเพลิง ส่วนที่ว่าใครเป็นคนทำนั้นยังไม่ทราบ ที่นั่นไม่มีใครเหลือรอดสักคน” หลินเฉิงจื้อแจ้งข่าวที่ได้รับมาให้ทุกคนทราบ

“บุตรชายตระกูลจงคนนั้นไม่ได้เป็นเช่นนี้แค่ปีสองปี คนในเมืองซานเจียงต่างไม่ไปต่อกรกับเขา เดาว่าคงเป็นคนจากต่างถิ่นถึงกล้าลงมือเช่นนี้อย่างไม่เกรงกลัว” หลินป๋อเหิงเอ่ยขึ้น ให้สัญญาณว่า “เรื่องไม่เกี่ยวกับพวกเราก็อย่าไปสนใจเลย ดูแลตระกูลตัวเองให้ดีพอ”

“ขอรับ” ทุกคนเบื้องล่างขานรับ

“พูดเรื่องชาวบ้านจบแล้ว เช่นนั้นก็มาพูดเรื่องจริงจังกัน” หลินป๋อเหิงมองเหล่าบุตรชายที่นั่งอยู่เบื้องล่าง กล่าวว่า “เรื่องงานแต่งของท่านน้าพวกเจ้าถือว่าตกลงแล้ว แม้ยังไม่จัดพิธีหมั้นหมาย แต่หลังจากพวกเจ้าแต่ละคนกลับไปก็ควรเตรียมตัวเสียหน่อย เตรียมของขวัญให้ท่านน้าพวกเจ้าดีๆ”

“ท่านพ่อ เรื่องนี้พวกเราต่างรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” หลินเฉิงจื้อพูดยิ้มๆ แล้วมองไปทางพวกน้องชาย

“จริงด้วยท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านวางใจเถอะ! พวกเราจะเตรียมการอย่างดี” คนตรงลำดับที่สองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม สำหรับเรื่องที่ท่านน้าจะแต่งงาน พวกเขาล้วนยินดีจากก้นบึ้งหัวใจ

หลินป๋อเหิงพยักหน้าอย่างพอใจ “อืม ในเมื่อรู้แล้วข้าจะไม่พูดมาก อีกสองสามวันข้าจะส่งซานหยวนกลับไปด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นตระกูลหลินจะให้ผู้อาวุโสดูแลแทน”

………………………………………………….