บทที่ 01 อาภรณ์หลุดลุ่ย

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เฟิ่งชิงเฉินแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่สายตาของนางมองเห็น วันนี้ไม่ใช่วันแต่งงานของนางหรือ? เหตุใดนางจึงฟื้นขึ้นมาที่นอกประตูเมืองในอาภรณ์หลุดลุ่ยได้เล่า?
เมื่อก้มหน้าลงมองสภาพของตนเอง ส่วนล่างไม่เลวนัก มีกางเกงอยู่ตัวหนึ่ง แต่ส่วนบนนั้น นอกจากชั้นในแล้วก็มีเพียงแต่ผ้าพลิ้วผืนบางสีแดงเท่านั้น
ข้างใต้ผ้าพลิ้วนั้นมีผิวขาวราวหิมะวับแวม ผิวนั้นมีรอยช้ำเป็นจ้ำสีม่วงเขียวอย่างชัดเจน
สถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นสมัยปัจจุบันก็คงไม่แปลกอะไรนัก หรือแม้กระทั่งอาจจะดูมิดชิดเสียด้วยซ้ำ แต่ที่นี่เป็นสมัยโบราณ!
จะต้องปกปิดร่างกายของตนเองอย่างมิดชิด นอกจากมือและหน้าแล้วจะให้เห็นสิ่งอื่นมิได้อีก!
แต่นี่ยังมิใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือสภาพเช่นนี้ของนางกลับถูกคนห้อมล้อมจ้องมอง!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เฟิ่งชิงเฉินรีบนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้ นอกจากที่วันนี้นางจะต้องแต่งงานกับองค์ชายเจ็ดตงหลิงจื่อลั่วแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องอันใดอีก…
“คุณ คุณหนู เกิด… เกิดอะไรขึ้น หวั่นอิน หวั่นอินกลัวเหลือเกิน…” ด้านข้างมีสาวใช้คนหนึ่งจับอาภรณ์ของเฟิ่งชิงเฉินไว้ ดวงตาฉายแววขลาดกลัวและไร้หนทางราวกับว่าเพียงถูกลมพัดก็คงจะล้มลง
ท่าทางเช่นนั้นดูบอบบางกว่าเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นคุณหนูเสียอีก
เกิดอะไรขึ้น? นางก็อยากรู้เช่นกันว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!
เฟิ่งชิงเฉินใช้สายตากวาดมองกลุ่มคนรอบด้าน ดวงตาของนางฉายแววคมปลาบและตบหลังปลอบสาวใช้ข้างกายอย่างลวกๆ “ไม่เป็นไร”
แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับรู้ดีว่าเรื่องราวในวันนี้ต้องยุ่งยากมากแน่และต้องมีคนจงใจทำเช่นนี้
นางเป็นเด็กกำพร้าที่บิดามารดาเสียไปแต่วัยเยาว์ แต่กลับได้เป็นถึงพระคู่หมั้นขององค์ชายเจ็ด ผู้ที่ไม่ต้องการให้นางได้แต่งงานมีมากมายนัก
อย่างไรเสีย นอกจากที่นางและองค์ชายเจ็ดคนหนึ่งหญิงคนหนึ่งชายแล้วก็ไม่มีคุณสมบัติอื่นใดเหมาะสมกันอีก นี่เป็นยุคสมัยที่ยึดถือเรื่องความเหมาะสม นางไม่อาจเอื้อมถึงเขาได้อย่างแน่นอน
ต้องรู้ว่าก่อนเมื่อวานนี้เจ้าของร่างมิใช่ว่าตกน้ำจนเสียชีวิตไปหรือ? มิเช่นนั้นแล้วนางจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินหรี่ตาลงเพื่อปิดบังประกายตาเฉียบคมของนาง
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องบอกว่าวิธีนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก
ในยุคที่ความบริสุทธิ์มีค่าเสียยิ่งกว่าชีวิต นำเอานางมาทิ้งไว้ที่นอกกำแพงเมืองในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย มิใช่ว่าต้องการบีบให้นางไปตายอีกครั้งหรอกหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินกำหมัดแน่น ดวงตาคู่สวยกวาดมองผู้คนที่อยู่รอบด้าน “มองอะไรกัน ยังไม่รีบหลีกไปอีก!”
อยากให้นางตายหรือ? จะง่ายดายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร นางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมเสียหน่อยที่จะอ่อนแอได้ถึงเพียงนั้น เพียงคิดไม่ตกก็ฆ่าตัวตายเสียแล้ว นางเป็นถึงแพทย์ทหารผู้โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับปัญหาแบบใด นางก็มีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป…
เมื่อคนที่มามุงถูกเฟิ่งชิงเฉินตวาดใส่ก็ตกใจและรีบถอยออกไป แต่ละคนก็พูดอย่างข้องใจ
“นี่ นี่เป็นใครกัน…”
“นั่นน่ะสิ เป็นแม่นางจากบ้านไหนกัน เช้าตรู่ขนาดนี้เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่…”
“พวกเจ้าดูท่าทางของนางสิ ใบหน้านั่น บนคอนั่น… ต้องเป็นนางคณิกาแน่”
“นางคณิกาหรือ? คงไม่ใช่หรอก ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่มากกว่า?”
“เฮอะ คุณหนูตระกูลใหญ่เป็นเช่นนี้งั้นหรือ เช้าตรู่มาโผล่อยู่ที่นี่ ชิชะ เจ้าดูเนื้อนวลนั่นเสียก่อน แล้วยังรอยบนตัวนางอีก เกรงว่าเมื่อคืนคงจะถูกเอ็นดูไปไม่น้อย…” ชายวัยกลางคนท่าทางลามกผู้หนึ่งพูดขึ้นมา
“อยากจะลูบคลำดูสักหน่อยเสียจริง!”
“ไม่รู้ว่าคืนหนึ่งราคากี่ตำลึง นางช่างงามยิ่งนัก แม่ใบหน้านั่นจะไม่ได้ดูอ่อนหวานสักเท่าไหร่ แต่กิริยาท่าทางของนางงดงามยิ่งนัก เพียงหญิงนางโลมแต่กลับมีกิริยาราวกับคุณหนูตระกูลใหญ่ก็มิปาน จิ๊จ๊ะๆ หญิงที่เย่อหยิ่งเช่นนี้หากถูกกดไว้ใต้ร่างไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรบ้างหนอ…”
“ฮ่าๆๆ เจ้าฝันไปเถอะ ย่อมราคาสูงแน่นอน…”

สารเลว คนพวกนี้ถือสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์นางด้วยคำพูดสกปรก…
เฟิ่งชิงเฉินโมโหจนกัดปาก แต่ความเหตุผลกลับบอกนางว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนี้
เมื่อสำรวจร่างกายของตนเองดูก็พบว่าที่คอที่ถูกเปิดเผยสู่ภายนอกเป็นดังที่พวกเขากล่าวไว้จริงๆ มันเต็มไปด้วยรอยจูบ
ท่าทางเช่นนี้แม้ว่านางจะกลับเมืองไปได้อย่างปลอดภัย เรื่องราวต่อมาก็คงไม่ใช่สิ่งที่เด็กกำพร้าอย่างนางจะสามารถรับมือได้แต่เพียงผู้เดียว
“เป็นวิธีที่ร้ายกาจเสียจริง เอาข้ามาทิ้งไว้ที่นอกเมืองก็แย่แล้ว ยังทำให้มีสภาพเช่นนี้อีก แล้วจะให้ข้ากลับเข้าเมืองไปได้อย่างไรกัน” ดวงตาทั้งสองของเฟิ่งชิงเฉินลุกเป็นไฟ ตอนนี้นางอยากจะฆ่าคนเสียจริง
จะแต่งงานหรือไม่ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่ติดตัวนางทะลุมิติมาด้วย กล่องยาที่แพทย์ทหารได้ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ยังอยู่ที่จวนเฟิ่ง
ของสิ่งนั้นอย่าว่าแต่ยุคโบราณเลย แม้แต่ให้ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในยุคปัจจุบันก็ไม่ง่ายเช่นกัน
สิ่งของชุดนั้นนางต้องไปเอามาให้ได้
แต่ดูจากตอนนี้แล้วกลับไม่มีทางให้กลับไปเอาได้ หากเข้าเมืองไปสิ่งที่รอนางอยู่ก็คือการลงโทษ
เฟิ่งชิงเฉินโมโหจนแทบจะอยากสังหารคน
ช่างเลวร้ายยิ่งนัก หากนางรู้ว่าใครทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วล่ะก็ นางจะต้องใช้มีดผ่าตัดจัดการเป็นอย่างดีแน่ จะเฉือนเนื้อของมันออกมาทีละแผ่น ทีละแผ่น…
ผู้คนที่มามุงดูต่างก็มองตาค้าง มีบางคนที่กล้าหน่อยเดินเข้าไปข้างหน้า เตรียมที่จะยื่นมือออกไปลวนลาม…
ช่างเลวร้ายยิ่งนัก หากนางรู้ว่าใครทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วล่ะก็ นางจะต้องใช้มีดผ่าตัดจัดการเป็นอย่างดีแน่ จะเฉือนเนื้อของมันออกมาทีละแผ่น ทีละแผ่น…
เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันได้ตั้งตัว สาวใช้ข้างกายก็ราวกับจะเสียสติไปแล้ว นางเข้ามาปกป้องด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉินไว้
“ออกไป ออกไป คุณหนูของข้าเป็นถึงคุณหนูตระกูลขุนนาง ไม่ใช่ผู้ที่คนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าจะมาแตะต้องได้ ออกไปให้หมด มิฉะนั้นจะโยนพวกเจ้าเข้าคุกไปให้หมด”
เมื่อกลุ่มคนได้ยินเช่นนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที “บุตรสาวขุนนาง? แหม เป็นบุตรสาวขุนนางเสียด้วย…”
“ใช่แล้ว คุณหนูของข้าก็คือ…” สาวใช้แสดงท่าทางโอหัง นางพูดออกมาโดยไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองแต่อย่างใด ไม่เหมือนกับสาวใช้ในจวนใหญ่ที่ผ่านการอบรมมาเลยแม้แต่น้อย
“หุบปาก” เฟิ่งชิงเฉินกลับได้สติขึ้นมาในยามนี้ นางดึงสาวใช้ที่อยู่ด้านหน้าไปไว้ข้างหลังและถลึงตามองนางอย่างโหดเหี้ยม
ยายสาวใช้ผู้นี้คิดว่าพวกนางสองคนยังขายหน้าไม่พออีกหรืออย่างไร!
จะต้องลากบรรพบุรุษสามรุ่นของนางมาให้ขายหน้าด้วยจึงจะพอใช้หรืออย่างไร!
“คุณ…” สาวใช้ตกใจมาก หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นทันที
คุณหนู คุณหนูจะรู้อะไรมาหรือไม่?
“อย่าให้ข้าได้ยินเจ้าพูดอะไรออกมาอีก มิฉะนั้นข้าขายเจ้าแน่” เฟิ่งชิงเฉินขู่สายตาคมปลาบนั้นทำให้สาวใช้หวาดกลัวจนต้องนั่งยองๆ ลงกับพื้น
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ คุณหนู” สาวใช้ตกใจลนลาน
สองตาของนางมองพื้นอย่างไม่สงบโดยไม่กล้ามองเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างพอใจ “ตามข้ามา”
เมื่อพูดจบก็กวาดตามองคนรอบข้างอย่างเย็นชา ภายใต้สายตาของฝูงชน นางเดินออกไปทางนอกเมือง ท่ามกลางฝีเท้าที่ติดจะร้อนรนแต่กลับมีความสง่างามที่บอกไม่ถูก…
วันนี้คงไม่อาจเข้าเมืองไปได้ กระเป๋ายาก็ทิ้งไว้ที่จวนเฟิ่งก่อนก็แล้วกัน อย่างไรเสียนอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครเปิดได้อีก และถึงแม้จะเปิดออกมาได้ คนในยุคนี้ก็ใช้ไม่เป็นอยู่ดี
เพียงแค่นางยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ต้องมีโอกาสกลับไปเอากระเป๋ายาแน่!
ส่วนเรื่องแต่งงานนั่นน่ะหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินได้แต่บอกว่าเขาจะไปตายที่ไหนก็ไปเถิด
การเคลื่อนไหวอันเอิกเกริกนี้ กิริยาท่าทางอันไม่ธรรมดานี้ ทำให้ผู้คนรีบเก็บสีหน้าและสายตาลามกมองดูหญิงสาวท่าทางสง่างามนี้อย่างประเมิน
ตรงที่ที่เฟิ่งชิงเฉินไป ฝูงชนต่างก็ถอยห่างหลีกเป็นทางให้นางเดิน
ดังนั้นผู้คนที่เดิมมามุงดูก็เรียงแถวเป็นสองแถวเปลี่ยนเป็นน้อมส่งนางไปเสียอย่างนั้น
ฝูงชนมองดูเฟิ่งชิงเฉินและหันไปบิดหูคนที่อยู่ข้างๆ…
แม่นางผู้นี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า?
ไม่เช่นนั้นแล้วนางจะเดินออกจากเมืองไปทำไม? เช้าตรู่เช่นนี้จะออกไปไหนกัน?
แววตาสงสัยของทุกคน เฟิ่งชิงเฉินได้มองเห็นมัน นอกจากยิ้มอย่างขมขื่นแล้วก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก
ในโลกที่แบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน หากนางกลับเข้าเมืองไปในสภาพเช่นนี้ ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่นางจะแบกรับได้เพียงคนเดียว…
แต่ในยามนี้เอง สาวใช้ที่นั่งยองอยู่กลับลุกขึ้นมาและตะโกนเสียงดัง
“คุณหนู คุณหนู ไม่สิ พระชายา ท่านรอข้าน้อยด้วย…”
ถึงผู้อ่าน : นิยายเล่มใหม่ออกแล้ว ขอให้ทุกคนช่วยสนับสนุนด้วยนะคะ กดอ่านสักหน่อย แล้วอย่าลืมกดให้คะแนนกันน้า!