บทที่ 223
หลินเสวี่ยพูดเตือนทันที:”นายท่าน คนนี้อาจจะเป็นบริวารรุ่นที่แล้วของตระกูลหลิน เขาฝึกฝนถึงปรมาจารย์หลายสิบปีแล้ว พลังของเขาไม่ธรรมดาเลย ท่านต้องระวังตัวให้มากๆด้วย”

เฉินโม่พูดเบาๆ:”วางใจเถอะ ไอ้สารเลวที่ดูดซับจิงชี่ของคนอื่นๆเพื่ออยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน มันไม่ได้ต่างจากมดตัวเล็กๆเลย!”

“ไปตายซะ ไอ้เด็กหนุ่ม!”

เมื่อกุยโหย่กวงได้ยินเฉินโม่ดูถูกตัวเอง เขาโกรธมากๆและต่อยหมัดออกมาทันที

เฉินโม่สองมือไขว้หลัง สีหน้าของเขานิ่งสงบมากๆ เมื่ออีกฝ่ายโจมตีมาถึง เขาถึงยกมือขึ้นมา ในขณะเดียวกันพลังจิตของเขาก็เคลื่อนไหวและปล่อยกระบี่ฟ้าดวงชะตาออกมาทันที

เคร้ง!

เกิดเสียงโลหะปะทะกันทันที กระบี่สับสวรรค์แทงโดนแผ่นหลังของกุยโหย่กวง แต่โดนพลังปราณป้องกันกายต้านเอาไว้ได้ ทำให้กระบี่ไม่สามารถแทงเข้าไปได้

เฉินโม่เก็บกระบี่สับสวรรค์กลับมาและพูดด้วยความตกใจ:”คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณจะสามารถต้านกระบี่ฟ้าดวงชะตาของฉันได้? ฉันประเมินคุณต่ำไปจริงๆ”

หลินเสวี่ยที่อยู่ข้างๆอุทานออกมาทันที:”นายท่าน เขาฝึกฝนถึงปรมาจารย์แดนคุ้มกายแล้ว นั้นเป็นพลังปราณป้องกันกาย ท่านต้องระมัดระวังตัวให้มากๆ!”

“พลังปราณป้องกันกายเหรอ?”

เฉินโม่รับมือการโจมตีของกุยโหย่กวงอยู่และคิดไปด้วย:”อันนี้เหมือนกับกลมโล่พลังทิพย์ของนักบำเพ็ญเซียนเลย เพียงแต่มันอ่อนแอลงหมื่นเท่าแล้ว ถ้าพลังโจมตีแข็งแกร่งมากพอ สามารถทำลายได้ด้วยการโจมตีเพียงกระบี่เดียว!”

“อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับกู่เชียนซา คนๆนี้แข็งแกร่งกว่ามากๆ”

กุยโหย่กวงโจมตีเสร็จก็ถอยหนีทันที เขามองหน้าเฉินโม่ด้วยความระแวดระวัง:”เด็กหนุ่ม คิดไม่ถึงว่าคุณจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ถ้าฉันไม่ได้ฝึกฝนพลังปราณป้องกันกายสำเร็จ ฉันคงตายด้วยน้ำมือของคุณไปแล้ว”

“อย่างไรก็ตาม ฉันอยากรู้มากๆ เมื่อสักครู่คุณโจมตีฉันด้วยอาวุธลับอะไรกันแน่?”

“อาวุธลับเหรอ?”เฉินโม่หัวเราะออกมาทันที:”นี่ไม่ใช่อาวุธลับ แต่เป็นกระบี่ฟ้าดวงชะตาของเซียนกระบี่ต่างหาก!”

“เซียนกระบี่เหรอ? ฮ่าๆๆ คุณคิดว่ากำลังหลอกเด็กอยู่เหรอ? เซียนกระบี่นั้นมีอยู่เพียงแค่ในตำนานเท่านั้น มันจะปรากฏในยุคสมัยนี้ได้ยังไง? ถ้าบนโลกนี้มีเซียนกระบี่จริงๆละก็ คงไม่ใช่ยุคของระเบิดและเครื่องบินแล้ว?”กุยโหย่กวงไม่เชื่อคำพูดนี้อยู่แล้ว

เฉินโม่ไม่ได้อธิบาย เขาพูดเบาๆ:”มดตัวเล็กๆอย่างคุณ ยังไม่เคยออกจากดาวไกอาเลย คุณจะเข้าใจจักรวาลได้มากแค่ไหนกันเชียว?”

“พูดจาอวดดีเกินไปแล้ว! ด้วยอายุของคุณ ถึงแม้คุณจะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา เก่งสุดก็คงฝึกฝนถึงแค่แดนแปรภาพ เป็นได้แค่ปรมาจารย์แดนชี่แท้เท่านั้น ยังกล้ามาพูดเรื่องจักรวาลอีกเหรอ!”

สีหน้าของกุยโหย่กวงมีแต่ความดูถูก:”จักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมากๆ ชั่วชีวิตของนักบู๊อย่างพวกเราก็คงเดินทั่วจักรวาลไม่ได้ แม้แต่นักบู๊แดนเทพที่มีอายุยืนยาว แต่พวกเขาก็มีวันที่ชีวิตต้องดับสูญ คุณเป็นแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คุณจะรู้จักจักรวาลสักแค่ไหนกันเชียว?”

เฉินโม่พูดเบาๆ:”ฉันเคยท่องเที่ยวไปทั่วจักรวาล เคยทำลายดวงดาวด้วยกระบี่เดียว กบในกะลาอย่างคุณจะไปรู้ความสามารถทั้งหมดของฉันได้ยังไง?”

กุยโหย่กวงหัวเราะทันที:”ทำลายดวงดาวด้วยกระบี่เดียว? มันตลกมากๆ ถ้าคุณแน่จริงก็สังหารฉันได้เลย?”

“คุณคิดว่าฉันสังหารคุณไม่ได้เหรอ?”

เฉินโม่สองมือไขว้หลัง สีหน้าของเขานิ่งสงบมากๆ ดวงตาของเขาเกิดการดับสูญของสรรพสิ่งและการหมุนเวียนของดวงดาว

มีรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงมากๆค่อยๆปะทุออกมาจากร่างกายของเฉินโม่ ราวกับเฉินโม่เป็นกระบี่ที่คมมากๆและกำลังจะออกจากฝักกระบี่ ถ้ากระบี่เล่มนี้ออกจากฝักกระบี่จริงๆ มันคงสามารถทำลายฟ้าดินได้!

จู่ๆกุยโหย่กวงก็รู้สึกถึงอันตรายทันที สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมากๆ เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ ไม่ได้พูดจาอวดดีเลย

อาจจะเป็นท่าไม้ตายของเขาก็ได้!

ฉึก!

กระบี่สับสวรรค์บินอยู่เหนือศีรษะสามฟุต มันเปล่งแสงสีทองออกมาและสั่นไหวทันที ราวกับมันไม่อยากอยู่เฉยๆ

“ฉันเคยสังหารเซียน สังหารมังกร สังหารบุตรเทพบุตรมาร คุณเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ฉันแค่สะบัดมือก็สามารถสังหารคุณได้แล้ว!”

เฉินโม่กวักมือ กระบี่สับสวรรค์ก็เปล่งเสียออกมาและบินมาอยู่ในมือของเขาทันที

“ดูให้ดีๆว่าฉันสังหารคุณยังไง!”

คึก!

แสงสีทองเปล่งประกายทันที มีกระบี่ยักษ์สีทองที่ใหญ่กว่าร่างกายของเฉินโม่หลายๆเท่าถูกเขายกขึ้นมาทันที

“จงจำเอาไว้ กระบี่ชื่อว่าสับสวรรค์ มันคือกระบี่ที่สังหารคุณในวันนี้!”

ตูม แสงสีทองฟันลงมาทันที มันรวดเร็วราวสายฟ้าที่ฟาดลงมายามค่ำคืน ทำให้ตำหนักใหญ่สั่นสะเทือนทันที

สีหน้าของกุยโหย่กวงเต็มไปด้วยความตกใจ พลังทั้งหมดของเขาปะทุออกมา ในมือทั้งสองข้างของเขามีแสงสว่างและความมืดปรากฏตัวทันที

“หมัดทำลายล้างหยินหยาง!”

ฉึกๆๆๆ!