ตอนที่ 434 แดนวิญญาณโบราณ โดย ProjectZyphon

“ผู้กล้า จะท้าประลองหรือไม่”

ในขณะที่หลินสวินยังคงอึ้งงันอยู่ เสียงอันราบเรียบเย็นชานั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าบททดสอบด่านนี้มีการจำกัดเวลาหรือไม่”

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนถาม

แต่เนิ่นนานก็ยังไร้เสียงตอบรับ

หลินสวินชะงัก ในใจรู้สึกผิดหวัง เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องมีตัวตนและมีสติปัญญา แต่เห็นได้ชัดว่าเพราะเหตุผลบางประการจึงไม่ยอมพูดมากความกับตน

“ข้าเลือกจะประลอง…”

หลินสวินส่ายหน้า ไม่คิดมากไปกว่านั้นแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

วู้ม~

พลันมีคลื่นประหลาดกระจายขึ้นจากใต้ฝ่าเท้า ปกคลุมทั่วทั้งร่างของหลินสวินแล้วม้วนสู่ใจกลางความว่างเปล่า

หลินสวินรู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีแต่แสงประหลาดสีสันหลากหลาย คล้ายกำลังท่องไปในกระแสเวลา สติสัมปชัญญะก็เริ่มเลื่อนลอยอย่างควบคุมไม่อยู่

โครม!

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ หลินสวินรู้สึกเพียงว่าร่างกายได้สะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง สติที่เลื่อนลอยตื่นตัวขึ้นมาทันที

เมื่อเงยหน้ามองไป เห็นเป็นเทือกเขาเรียงราย ท้องฟ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทุกที่ล้วนมีสภาพทรงพลังมีชีวิตชีวาราวกับเป็นพื้นที่รกร้างที่ไม่เคยถูกบุกเบิกมาก่อน

แกว๊ก~

เสียงร้องกังวานชัดดังมาจากบนฟ้า เงามืดหนึ่งทอดร่างลงมาปกคลุมหลินสวินไปทั้งตัว

เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วตะลึงไป ตัวแข็งค้างอยู่กับที่ทันที

ด้วยเห็นว่าบนฟากฟ้าอันไกลโพ้น สัตว์ร้ายที่สูงกว่าพันจั้ง รูปร่างใหญ่โตราวกับผืนแผ่นดินใหญ่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ กำลังเปล่งเสียงร้องท่ามกลางลมเมฆ โบยบินอยู่บนท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด

ลักษณะภายนอกของมันคล้ายปลาตัวใหญ่ แต่กลับมีปีกสีน้ำตาลเขียวคู่หนึ่งที่สามารถปกคลุมผืนฟ้า นัยน์ตาราวกับทะเลสาบสะท้อนภาพผืนฟ้าอยู่!

แกว๊ก~~

มันส่งเสียงคำราม พออ้าปากก็ราวกับสามารถกลืนกินทุกสิ่งเข้าไปได้ เสียงที่คำรามออกมากึงก้องกังวาน ชวนตะลึงอย่างที่สุด

นี่มัน…

หลินสวินรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว สัตว์ร้ายตัวนี้ร่างใหญ่โตมโหฬาร อีกทั้งดูน่ากลัว ปกคลุมท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ ราวกับคุนเผิงในตำนานไม่มีผิด!

เมื่อเทียบกันแล้วตัวเขาก็เหมือนมดตะนอย ด้อยค่าไม่ต่างจากเศษฝุ่น!

โชคดีที่เพียงครู่หนึ่งสัตว์ร้ายตัวนั้นก็บินเหินฟ้าไป หายไปท่ามกลางความว่างเปล่าในบริเวณที่ไกลออกไป

หลินสวินเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แต่ในใจกลับยังคงตะลึงและแปลกใจ นี่มันสถานที่บ้าบออะไรเนี่ย

แล้วสัตว์ร้ายที่รูปร่างคล้ายปลาแต่มีปีกเมื่อครู่นี้ ใช่คุนเผิงในตำนานหรือไม่

“เข้าสู่แดนวิญญาณโบราณ เริ่มการท้าประลอง!”

เสียงอันราบเรียบเย็นชาดังขึ้นในหัวอีกครั้ง “ผู้กล้า บนเส้นทางแห่งการประลอง หากสู้ไม่ไหวจงบีบป้ายหยกนี้ให้แตก แล้วจะกลับมาได้”

“จงจำไว้ว่า หากสิ้นชีพในแดนวิญญาณโบราณ ก็เท่ากับตายอย่างแท้จริง!”

สิ้นเสียงนั้น ป้ายหยกแผ่นหนึ่งพลันปรากฏอยู่ในมือหลินสวิน ขนาดประมาณฝ่ามือ ขาวบริสุทธิ์ มีลายสลักวิญญาณอันคลุมเครือประทับอยู่ด้วย

หลินสวินจ้องอยู่ครู่ เขาเหมือนเดาอะไรออก พลันเปิดแหวนหนวดมังกรแล้วหยิบดาบวิญญาณม่วงออกมา

กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วพบว่าตัวเองอยู่หุบเขาลึกโบราณ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าและพุ่มหญ้าอุดมสมบูรณ์

อากาศดูชื้นๆ ทั้งยังมีกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าลอยโชยมาเป็นระยะๆ

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า พยับเมฆลอยเคลื่อนรวดเร็ว ดวงอาทิตย์ร้อนแรงลอยสูง ราวกับมีความกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด ระหว่างฟ้าดินคล้ายอบอวลไปด้วยพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์!

การค้นพบนี้ทำให้หลินสวินหัวใจกระตุกวูบ ในจักรวรรดิจื่อเย่าบนเส้นปราณวิญญาณเท่านั้น จึงจะปรากฏพลังวิญญาณเช่นนี้

แต่ที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ!

‘หรือว่า…ข้าได้มาอยู่ในโลกอีกใบ?’

จู่ๆ หลินสวินก็นึกขึ้นได้ว่าเสียงราบเรียบเย็นเยียบนั่นบอกว่า ที่นี่คือ ‘แดนวิญญาณโบราณ’ เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นไปได้ที่การคาดเดาของเขาจะเป็นจริง!

หลินสวินยังคงอึ้งงันอยู่อย่างนั้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ‘อาณาเขตเดินทาง’ ของด่านที่สี่แห่งทางเดินเมฆาหยกนั้นไม่ใช่ภาพนิมิต แต่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นโลกอีกใบที่มีตัวตนอยู่จริง

เหนือความคาดหมายจริงๆ!

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเก็บป้ายหยกในมืออย่างระมัดระวัง

จะรอดออกจากที่นี่ได้หรือไม่ ป้ายหยกนี้คือความหวังเดียวของเขา!

‘ด่านนี้ ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะพลาด แต่ถ้าถูกฆ่าตายที่นี่ ก็เท่ากับตายจริงๆ’

‘แต่ว่าจากที่เสียงลึกลับนั่นแนะนำ ที่แห่งนี้มีโอกาสมากมาย อยู่ที่ว่าตัวเองจะคว้าไว้ได้เท่าไหร่…’

หลินสวินพยายามใจเย็นเอาไว้ ในขณะที่คิดไตร่ตรองสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

ตูม!

และในขณะนั้นเอง จู่ๆ ในพุ่มหญ้าที่อยู่ไม่ไกลก็มีเงาดำพุ่งออกมา กรงเล็บอันแหลมคมฉายประกายเงางาม ทะยานเข้าหาหลินสวินพร้อมไอสังหาร

พริบตาเดียวอันตรายก็มาเยือน!

แทบจะเป็นการกระตุ้นด้วยสัญชาตญาณ ทำให้หลินสวินฟันดาบออกมาตามจิตใต้สำนึก คมดาบสีม่วงสาดซัดลำแสงรุนแรงออกไปโดยพลัน

ปัง!

เสียงกระทบดังเสียดหู หลินสวินรู้สึกเพียงว่าแขนขวาชาวาบขึ้นมา ร่างถอยเซไปสามก้าวอย่างเสียการควบคุม

สีหน้าของหลินสวินพลันเปลี่ยนไปทันที พลังช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!

และในยามนั้นเอง ในที่สุดหลินสวินก็เห็นรูปลักษณ์ของผู้โจมตีชัดแล้ว นั่นเป็นเสือดาวมรกตตัวหนึ่ง หนังและขนสาดประกายแสงสีเขียวราวกับต้นไม้ใบหญ้า ดวงตาแดงก่ำดั่งสีเลือด ทั่วทั้งตัวแผ่ไอสังหารดุดัน

หลินสวินเคยเห็นเสือดาวมรกตมาก่อน แต่ที่ดุดันปานนี้กลับเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

พลังที่มันปล่อยออกมาไม่ต่างอะไรกับยอดฝีมือระดับมหาสมุทรวิญญาณเลย!

นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ

โฮก~

เสือดาวมรกตตัวนั้นส่งเสียงคำราม เตะเท้าทั้งสี่ทะยานผ่านอากาศ ทั้งตัวเปล่งประกายแสงสีเงินออกมา วิ่งพุ่งเข้าหาหลินสวินอีกครั้ง

ฮู้ม~

อากาศแปรปรวน ราวกับรับความดุดันของเสือดาวมรกตไม่ไหว พื้นดินยิ่งเกิดเป็นกระแสลม ฉีกใบหญ้าในรัศมีสิบจั้งจนละเอียดเป็นฝุ่นผง

เพียงพลังในการพุ่งเข้ามาก็น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้แล้ว!

มีหรือที่หลินสวินยังจะกล้ารีรอ สะบัดดาบสู้ทันใด

ตู้ม!

ในบริเวณนี้ไอสังหารปกคลุมไปทั่ว เสียงคำรามดังขึ้นไม่หยุดหย่อน คนและสัตว์คู่หนึ่งสู้กันอย่างแยกไม่ออก รอยแตกของพื้นดินรอบๆ แพร่กระจายออกราวกับใยแมงมุม

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น

ด้วยด้วยเสียงดาบอันชัดเจน ดาบวิญญาณม่วงกรีดวาดวิถีดาบร้ายกาจลี้ลับ ได้ยินเสียงฟุ่บคราหนึ่งก่อนที่จะตัดคอเสือดาวมรกตจนขาด

ทันใดนั้นเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดเต็มไปหมด ร่างที่ยาวกว่าหนึ่งจั้งของเสือดาวมรกตทรุดลงกับพื้น

ต่อมาหลินสวินก็เก็บดาบของเขา ก้าวเข้าไปอยู่ตรงหน้าศพของเสือดาวมรกตตัวนั้น

แม้สัตว์ร้ายตัวนี้จะตายไปแล้ว แต่หลินสวินกลับไม่รู้สึกโล่งใจเลยสักนิด มันผิดปกตินักเสือดาวมรกตตัวหนึ่งกลับมีพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลาย!

หากไม่ได้เห็นกับตา หลินสวินยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ

ฟุ่บ!

หลินสวินสะบัดดาบชำแหละศพของเสือดาวมรกตอย่างไม่ลังเล เขาอยากรู้ว่าสัตว์ร้ายตัวนี้มีพลังระดับไหนกันแน่

ไม่นานหลินสวินก็พบความผิดปกติตามคาด

ไข่มุกสีมรกตเม็ดหนึ่งปรากฏอยู่ในหัวใจของเสือดาวมรกต ลูกกลอนปีศาจนี้คล้ายเม็ดไข่มุก กลมวาวสวยงาม ส่องแสงประกายราวกับดวงดารา พื้นผิวมีพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์หนาแน่นพันอยู่

ลูกกลอนปีศาจ!

หลินสวินสูดหายใจลึก ตามคาด เสือดาวมรกตตัวนี้ได้เปิดปัญญาวิญญาณแล้ว รู้จักการฝึกปราณ จะเรียกว่าสัตว์ร้ายไม่ได้แล้ว ควรเรียกว่าสัตว์ปีศาจถึงจะถูก!

ในจักรวรรดิจื่อเย่าก็มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับสัตว์ปีศาจ และในพื้นที่อันตรายหลายที่ก็มีสัตว์ปีศาจอยู่จริง แต่จำนวนกลับน้อยนัก แทบจะสูญพันธุ์แล้ว

หลินสวินคิดไม่ถึงว่า ตนเพิ่งมาถึงแดนวิญญาณโบราณก็ได้เจอกับสัตว์ปีศาจที่มีพลังปราณซะแล้ว อีกทั้งความสามารถยังเทียบเท่าระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลาย!

จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า โลกที่เขาอยู่ตอนนี้อันตรายเพียงใด

ไม่นานหลินสวินก็รู้สึกไหววูบในใจ สายตาเปลี่ยนเป็นรุ่มร้อน เก็บลูกกลอนปีศาจจากเสือดาวมรกตนั่นขึ้นมาเล่นอย่างพินิจ

นี่เป็นของหายาก ไม่เพียงแค่สามารถหลอมเป็นโอสถชั้นดีหายาก ยังสามารถกลืนเข้าไปตรงๆ ได้เลย สามารถช่วยในการฝึกปราณได้อย่างดีเยี่ยม!

ถ้าอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าจะต้องเป็นของอันล้ำค่าอย่างแน่นอน

แซ่กๆๆ

ทันใดนั้นก็มีเสียงเสียดสีดังขึ้นเบาๆ จากไกลๆ คล้ายมีสัตว์ร้ายอะไรกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด ไม่คิดมากความอีก เงาร่างวูบไหว พุ่งตัวออกจากบริเวณนี้ไปอย่างไม่ลังเล

ยามเงาร่างของเขาหายไป ก็เห็นว่าบนพื้นมีเงาร่างสีทองถลาเข้ามาราวกับคลื่นซัด

นั่นเป็นฝูงมดที่น่าตะลึงฝูงหนึ่ง!

เพียงแต่ไม่เหมือนมดปกติ มดเหล่านี้แต่ละตัวยาวราวครึ่งฉื่อ ลำตัวเป็นสีทองอร่าม ข้อต่อขาราวร่ายระบำ คมเขี้ยวดุจมีดคม แผ่กลิ่นอายดุร้ายไปทั่วทั้งตัว

บริเวณที่ฝูงมดสีทองผ่านมา ต้นไม้ทรุดตัว พืชพรรณกลายเป็นฝุ่นผง พื้นดินราวกับถูกเผาไหม้กลายเป็นสีดำ

ภาพนี้เป็นการสะท้อนประโยคที่ว่า ‘แม้หญ้าก็ไม่อาจขึ้น’ อย่างแท้จริง

ไม่นานพวกมันมาถึงตรงหน้าศพเสือดาวมรกตแล้วเริ่มแทะกิน เพียงพริบตาเดียว ศพของเสือดาวมรกตก็หายไป

ตอนที่หลินสวินซึ่งหลบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยจั้งเห็นภาพนี้ก็อดตื่นตระหนกไม่ได้

มดทองคำ!

นี่เป็นสัตว์ปีศาจที่สูญพันธุ์ไปจากจักรวรรดิจื่อเย่าตั้งนานแล้ว!

พวกมันปรากฏตัวเป็นฝูง สามารถกลืนกินสรรพสิ่งได้ ราชามดทองคำที่โตเต็มวัยแล้ว ถึงขั้นที่มีพลังที่สามารถฆ่ายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะได้เลย!

จนกระทั่งมดทองคำเหล่านั้นหายไป หลินสวินจึงละสายตาออกมา ร่างพิงบนกิ่งไม้ เริ่มใคร่ครวญ

แดนวิญญาณโบราณนี้อันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย มีสัตว์ปีศาจที่ยากจะจินตนาการ ดุดันเกินคาดเดา ผู้ฝึกปราณทั่วไปคงไม่กล้าเสี่ยงมา

แต่ในขณะเดียวกัน ที่นี่ก็มีโอกาสมากมายซ่อนอยู่ เหมือนกับลูกกลอนปีศาจเสือดาวมรกตที่หลินสวินเพิ่งได้ไปก็เป็นผลเก็บเกี่ยวที่น่าทึ่งจริงๆ

‘ดูเหมือนว่าถ้าอยากอยู่รอดในนี้และอยู่ได้นาน ก็ต้องระวังให้มากกว่านี้…’

หลินสวินถอนหายใจยาว

เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความอันตรายนี้วนเวียนอยู่ในใจ สลัดอย่างไรก็ไม่ออก

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้กลับยิ่งทำให้หลินสวินคาดหวัง เขาไม่เชื่อหรอกว่าโอกาสในที่แห่งนี้จะมีเพียงเท่านี้!

หลินสวินเลือกทิศทางอีกครั้งแล้วเริ่มออกเดินทางเพียงลำพังอย่างไม่ลังเล

เขาจำเป็นต้องคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งคุ้นชินไวเท่าไหร่ สถานการณ์ของเขาก็จะยิ่งปลอดภัย

เพียงแต่เดินหน้าไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หลินสวินพลันยืนนิ่ง หว่างคิ้วเผยความเคร่งเครียด

ไม่ถูกต้อง!

ผืนป่าโบราณแห่งนี้เงียบสงบ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ก็ไม่ปาน

ตั้งแต่เข้ามาจนถึงบัดนี้ อย่าว่าแต่สัตว์ปีศาจเลย แม้แต่แมลงตัวหนึ่งก็ไม่เจอ!

ภาพที่ผิดปกตินี้ทำให้หลินสวินตระหนกในใจ ทั้งร่างหนาวเยือกขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

และในยามนี้เอง เสียงที่ราวกับกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นดังแว่วมาจากในป่าอันเงียบเหงาและมืดมิด

——