ภาคที่ 2 การแข่งขันแพทย์แผนจีน บทที่ 36 ตัวอย่างตอนที่สามออกมาแล้ว!

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 36 ตัวอย่างตอนที่สามออกมาแล้ว!

“อันดับหนึ่ง ซูเย่”

เมื่อเห็นชื่อซูเย่ ทุกคนในห้องพลันมีรอยยิ้มที่ขื่นขมปรากฏขึ้นที่มุมปากของพวกเขา

แน่นอนว่าต้องเขาอีกแล้ว!

เมื่อเหลือบไปดูที่คะแนนด้านหลังชื่อ

การวินิจฉัยสี่วิถีโดยรวม 100 คะแนน

การตรวจด้วยสายตา 100 คะแนน

การจับชีพจร 100 คะแนน

ได้คะแนนเต็มในการทดสอบทั้งสามครั้ง!

อันดับที่หนึ่งก็ช่างเถอะ แต่คะแนนเต็มอีกแล้ว

รอยยิ้มของทุกคนเริ่มบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม และใบหน้าของพวกเขาดูหดหู่และจนปัญญา

ไม่ว่าจะในด้านของความเร็วในการสอบ หรือคะแนนรวมของการสอบ ซูเย่สามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้พวกเขายากจะยอมรับได้!

โดยเฉพาะหวังจี้เชา เมื่อเขาเห็นผลคะแนน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวน่าเกลียดโดยพลัน

เขาพยายามอย่างหนักที่จะเอาชนะซูเย่ให้ได้สักหนึ่งครั้งมาโดยตลอด แต่ทุกครั้งที่ผลการสอบออกมา เขาก็ถูกซูเย่เหยียบไว้ใต้เท้าอยู่ร่ำไป!!

ครั้งนี้ก็ไม่เว้น

อันดับที่สอง หวังจี้เชา

การวินิจฉัยสี่วิถีโดยรวม 100 คะแนน

การตรวจด้วยสายตา 99 คะแนน

การจับชีพจร 99 คะแนน

เมื่อเทียบกับซูเย่ที่ได้เต็ม คะแนนของพวกเขาสองคนต่างกันเพียง 2 คะแนนเท่านั้น

เมื่อหวังจี้เชาเห็นคะแนนของตัวเอง เขาก็ผงะไป แล้วยกมือขึ้นทันที

“ผมมีคำถาม!”

ทุกคนหันไปมองอย่างงุงงง

“เชิญ”

พิธีกรเอ่ยตอบ

หวังจี้เชาจึงเริ่มถามทันที “ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำผิดพลาดเลยตอนสอบทั้งสามครั้งนี้ ผลคะแนนนี้ก็พิสูจน์แล้ว ถ้าหากว่าผมทำผิดพลาดจริง ไม่มีทางโดนหักแค่หนึ่งคะแนนแน่ ผมอยากรู้ว่าทำไมผมไม่ได้คะแนนเต็มครับ?”

ทันทีที่เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องทันที แววตาของทุกคนที่มองเขาฉายประกายความเห็นใจเล็กน้อย

อีกฝ่ายน่าเห็นใจมากจริงๆ แม้ว่ามักจะดูถูกคนอื่นเสมอ และทำตัวเย่อหยิ่ง แต่ในการประเมินทั้งสามครั้งนับว่าหวังจี้เชาน่าสงสารมากที่สุดแล้ว เพราะในการสอบทุกครั้งเขามักจะถูกซูเย่กดไว้เสมอ

ทำให้เขาได้อันดับสองไปครองอย่างต่อเนื่อง

ถ้าลองคิดดูจากมุมของเขา ทุกคนก็จะรู้ว่าทำไมเขามีข้อกินแหนงและตั้งคำถามมากมาย

ไม่ได้ทำผิดแต่คะแนนถูกหักไป ถ้าเป็นพวกเขาโดนแบบนี้ พวกเขาก็คงไม่ยอมเหมือนกัน

เมื่อได้ยินคำถามของหวังจี้เฉา พิธีกรก็เอ่ยถามขึ้น “นักศึกษาหวังจี้เชา คุณคือผู้เข้าสอบหมายเลข 10 ใช่ไหมครับ ?”

“ส่วนซูเย่คือหมายเลข 11 คุณไม่ได้ทำผิดพลาดจริงๆ ในระหว่างการสอบทั้งสามครั้ง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงได้คะแนนสูงเช่นนี้”

“ถ้าผมไม่ได้ทำผิด แล้วทำไมผมถึงได้คะแนนไม่เต็มล่ะ?”

หวังจี้เชาถามต่อทันที

“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณในตอนนี้”

พิธีกรยิ้มพลางส่ายหัวและกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม กฎการให้คะแนนถูกกำหนดโดยคณะผู้จัดการแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้จัดโดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนทีมงานถ่ายรายการของเรารับผิดชอบเฉพาะกระบวนการถ่ายทำ ตัดต่อ และออกอากาศเท่านั้น เราไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินคะแนนของพวกคุณ”

“และทางทีมงานได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วโดยเฉพาะ”

“คำตอบของคณะผู้จัดต่อกฎการให้คะแนน จะอิงตามคะแนนของนักศึกษาที่มีคะแนนสูงสุด ในขณะที่คะแนนของนักศึกษาซูเย่ ผู้เข้าสอบหมายเลข 11 คะแนนของเข้าคือคะแนนเต็ม กล่าวคือ กฎการให้คะแนนจะขึ้นอยู่กับคะแนนของนักศึกษาซูเย่ และไม่ใช่แค่ความถูกต้องของคำตอบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเร็วด้วย”

“คุณไม่ได้ทำผิดพลาดในการสอบครั้งที่สอง แต่ความเร็วยังไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับซูเย่ ดังนั้นจึงถูกหักหนึ่งคะแนน และเช่นเดียวกันกับการวินิจฉัยชีพจร”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังจี้เชาก็นั่งลงไปเช่นเดิม เขาไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้ว

เขาไม่ได้ต้องการคะแนนเต็ม เพราะเขาทำได้ช้ากว่าซูเย่จริงๆ แต่หวังจี้เชาต้องการยืนขึ้นเพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีเพียงการทำแบบนี้ถึงจะทำให้คนอื่นรู้ว่าเขาก็ทำได้ถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด!

…เพียงแค่เขาทำช้าไปเท่านั้นเอง และที่เขาทำแบบนี้เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่มองว่าความสามารถของเขามีปัญหา!!!

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงเข้าใจทันที

กฎการให้คะแนนที่แท้แล้วเป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจที่ความเร็วในการสอบจะถูกนับเป็นคะแนนด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้จับเวลาแต่แรก

“ประกาศผลคะแนนของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 30 คนแล้ว ผู้เข้าแข่งขัน 20 อันดับแรกผ่านเข้ารอบต่อไป และอีก 10 คนที่เหลือ เสียใจด้วยครับ พวกคุณไม่ได้ไปต่อ”

พิธีกรกล่าวอย่างเสียใจ

เสียงพิธีกรเพิ่งจบลง โดยรอบพลันมีเสียงถอนหายใจหลายครั้งในกลุ่มคน

“ซูเย่ สู้ๆ!”

ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของคนโดนรอบ จู่ๆ ก็มีเสียงคนตะโกนออกมา

ทุกคนต่างตกตะลึง แม้แต่ซูเย่เองก็ยังมึนงงเล็กน้อย

มีคนเชียร์เขาด้วยงั้นเหรอ?

เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็พบว่าคนนั้นเป็นนักศึกษาชายคนหนึ่ง

ในตอนนี้เอง

“หวังจี้เชา สู้เขา คว้าที่หนึ่งมาให้ได้!”

นักศึกษาอีกคนตะโกนขึ้นมาทันที

ฟังดูเป็นแรงบันดาลใจและการให้กำลังใจอย่างมาก แต่หลังจากที่ตะโกนออกไป ทุกคนก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว บางคนกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง

หวังจี้เชา “…”

“ลู่จวิ้นสู้ๆ!”

“เซี่ยจื่อหลี่สู้เขา!”

……

เสียงเชียร์ต่างดังมาจากนักศึกษาที่ถูกคัดออก

บางคนเชียร์เพื่อนร่วมสถาบันของตัวเอง บางคนเชียร์ผู้เข้าแข่งขันคนโปรด

นักศึกษาที่เหลืออยู่ 20 คนลุกขึ้นพร้อมกันแล้วปรบมือส่งให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบคนที่ตกรอบ แม้ว่าการแข่งขันนี้จะมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ แต่พวกเขาต่างมีปณิธานเช่นเดียวกัน!

ทุกคนต่างเป็นสหายแพทย์แผนจีน!

และอาจจะได้พบกันอีกครั้งบนเส้นทางสายการแพทย์แผนจีนในภายภาคหน้า!

หลังจากนักศึกษาที่ถูกคัดออกเดินออกไปแล้ว พิธีกรก็ประกาศต่อ “ประกาศผลเรียบร้อยแล้ว วันนี้ไม่มีตารางอัดรายการต่อ ดังนั้นทุกคนไปพักผ่อนให้เต็มที่ รายการตอนที่สี่จะเริ่มอัดพรุ่งนี้เช้า 8 โมง หวังว่าทุกคนจะทำได้ดีนะครับ”

ทุกคนเอ่ยตอบรับพร้อมกัน

ทันทีที่การถ่ายทำเสร็จ ทีมงานและผู้กำกับก็เริ่มตัดต่อเนื้อหาที่บันทึกไว้อย่างบ้าคลั่งทันที

ตัวอย่างที่สามยังไม่เคยถูกปล่อยออกไป ในเมื่อไม่มีตัวอย่างไปกระตุ้นความอยากดูของผู้ชม นี่จึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับทีมงานรายการ ดังนั้นทันทีที่การบันทึกเสร็จสิ้นเลยต้องลงมือตัดต่อทันที ตัดส่วนที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดออกมา!

ในไม่ช้า ตัวอย่างสำหรับตอนที่สามของรายการก็เสร็จสมบูรณ์

จัดการซื้ออันดับการค้นหายอดนิยม แล้วเผยแพร่ลงบนบัญชีเวยป๋อของรายการ

เนื่องจากผู้ชมไม่ได้ดูตัวอย่างรายการตอนที่สามหลังจากตอนที่สองจบลง จึงมีการสนทนาเกี่ยวกับตัวอย่างตอนที่สามบนอินเทอร์เน็ต แม้ว่ากระแสจะไม่สูงมาก แต่ก็ไม่ได้ต่ำเช่นกัน และในทันทีที่มีตัวอย่างตอนที่สามเผยแพร่ออกมาบนเวยป๋อ มันก็ดึงดูดกระแสการสนทนาที่ดุเดือดในทันที

“ในที่สุดก็มาแล้ว!”

“ตัวอย่างตอนต่อไป ฉันจะดูหรือไม่ดูดี?”

“ถ้าดูแล้วพบว่ามันสนุกน่าติดตามแล้วจะทำยังไง? แบบนั้นฉันก็ต้องทนรอรายการตอนต่อไปออนแอร์น่ะสิ”

“เธออดใจไม่ดูได้เหรอ?”

ระหว่างการสนทนาที่ร้อนแรง

ชาวเน็ตบางส่วนคลิกไปดูตัวอย่างรายการตอนที่สาม และดูตัวอย่างทั้งหมดอย่างตั้งใจ

เมื่อดูจบ ทันใดนั้นชาวเน็ตนับไม่ถ้วนก็เริ่มพิมพ์ความเห็นส่วนตัวไว้มากมาย

“OMG! ตอนนี้การแข่งขันดุเดือดกว่าตอนที่แล้วอีก การสอบที่รายการจัดไว้ดูโรคจิตชะมัด!”

“บ้าจริง ทำไมฉันต้องกดเข้าไปดูด้วย เห็นไหม ฉันต้องรอรายการออนแอร์เลย อยากดูเวอร์ชันเต็มแล้ว!!”

“ดูเหมือนว่าซูเย่จะโชว์เทพอีกแล้ว!”

“ฮ่าฮ่า หวังจี้เชาที่ได้ที่สอง ดูสีหน้าอยากร้องไห้ของเขาสิ ฉันสงสารเขายิ่งกว่าเดิมอีก”

หลังจากชมตัวอย่างแล้ว ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของชาวเน็ตก็พุ่งสูงขึ้น พวกเขาอยากดูฉบับเต็มมันเสียตอนนี้เลย

ในขณะที่กำลังไล่อ่านการสนทนาที่ดุเดือนของชาวเน็ต จ้าวเหมียนก็ยิ้มอย่างมีความสุข

รอดูกันไปก่อน ฉันหวังว่าเรตติ้งของตอนที่สามจะแตะไปยังระดับที่สูงกว่าเดิม

เมื่อถ่ายตอนที่สี่สิ้นสุดลง ตัวอย่างตอนที่สามก็ควรจะปล่อยออกอากาศไปเรียกคนดูไว้ก่อน

……

เช้าวันถัดมา เวลาแปดโมง

ตามประกาศของทีมงาน ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออีก 20 คนถูกนำตัวไปที่สตูดิโอถ่ายภาพยนตร์ที่กลุ่มทีมงานเช่าเอาไว้

ทุกคนรวมตัวกัน

“วันนี้เป็นการประเมินครั้งที่สี่”

พิธีกรยืนอยู่ที่ทางเข้า แล้วเอ่ยกับผู้เข้าแข่งขัน 20 คน “เนื้อหาการสอบของวันนี้คือ การระบุโรคจากใบสั่งยา!”

เขาพูดพร้อมชี้ไปที่อาคารที่อยู่เบื้องหลังเขา แล้วกล่าวเสริม “มีผู้ป่วยทั้งหมด 50 รายในห้องตรวจ คุณจะได้รับใบสั่งยาก่อนเข้าสอบ และสิ่งที่คุณต้องทำคือตรวจหาผู้ป่วยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับใบสั่งยาที่ได้รับ”

“จำกัดเวลา 30 นาที”

ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้เข้าแข่งขันพลันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

นี่มันคือการสอบอะไร?

การสอบครั้งที่สามนั้นว่ายากแล้ว แต่ตอนที่สี่ยากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!

หลังจากได้ยินเนื้อหาของการสอบ ซูเย่ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว …การสอบครั้งนี้เป็นเรื่องยากจริงๆ

การประเมินไม่เพียงแต่มีการวินิจฉัยสี่วิถีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้ความเข้าใจที่มีต่อใบสั่งยาเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าใบสั่งยาที่ได้รับเหมาะในการรักษาโรคใดมากที่สุด

การกำหนดใบสั่งเพื่อรักษาโรคนั้นง่ายกว่า เป็นการวินิจฉัยโรคแล้วทำการรักษา ในทางกลับกัน… การวิเคราะห์ใบสั่งยาเพื่อหาโรค นั่นคือการทดสอบระดับความเชี่ยวชาญที่แท้จริงเกี่ยวกับใบสั่งยา!

ทีมงานรายการก็หาทำอีกแล้ว!

“อันดับต่อไป เริ่มจับฉลาก”

พิธีกรประกาศขึ้น ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องสี่เหลี่ยมและขอให้ทุกคนเริ่มจับฉลาก

“หืม?”

เมื่อเริ่มหวังจี้เชาเอื้อมมือไปหยิบทันที เขาพบว่าตนเองได้ลูกปิงปองที่มีเลข 1 ติดอยู่

การแสดงออกของเขามีแววความไม่แน่ใจ แต่หลังจากการครุ่นคิดอยู่นาน หวังจี้เชาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรอยยิ้มที่แสดงถึงความมั่นใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง

คนแรกมีความกดดันน้อยที่สุดและต้องทำได้ดีแน่นอน

เขามองไปที่ซูเย่ แล้วบังเอิญมองเห็นว่าใบที่ซูเย่ได้คือหมายเลข 20

ซูเย่ได้คนสุดท้ายพอดี ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะดวงไม่ดี ต้องรอจนถึงคนสุดท้าย

หวังจี้เชาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา คิดในใจว่าคนสุดท้ายจะต้องมีความกดดันมากเป็นพิเศษแน่!

โอกาสในการเอาชนะซูเย่มาถึงแล้ว!

“ผู้เข้าแข่งคนแรกโปรดเตรียมตัวสำหรับการสอบ”

หลังจากการจับฉลากเสร็จสิ้น พิธีกรก็ดำเนินรายการต่อในทันที

หวังจี้เชาที่ได้หมายเลข 1 เดินเข้าห้องสอบทันที

ที่หน้าประตูห้องสอบ มีทีมงานยื่นใบสั่งยาให้เขา หลังจากรับไปอ่านดู หวังจี้เชาพลันชะงักไป มีสมุนไพรมากกว่า 50 ชนิดในใบสั่งยานี้!

หลังจากอ่านโดยละเอียดแล้ว หวังจี้เชาหันศีรษะชำเลืองมองไปทางทีมงานและผู้กำกับ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย

เอาใบสั่งยาที่ยากแบบนี้ มาทดสอบพวกเขา… รายการก็ช่างจะหาทำ!

“เริ่มจับเวลา”

ตามคำสั่งของพิธีกร หวังจี้เชาก็เริ่มวิเคราะห์ใบสั่งยาในมืออย่างรวดเร็ว หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน และแน่ใจโรคที่ต้องใช้ใบสั่งยานี้แล้ว เขาก็รีบเข้าไปในห้องสอบอย่างรวดเร็ว

หวังจี้เชาได้คิดวิธีรับมือในการสอบครั้งนี้ได้แล้ว แค่ใช้วิธีคัดกรองด้วยสายตาแบบที่ซูเย่ใช้ก่อนนี้!

ทันทีที่หวังจี้เชาเข้าไปในห้องสอบ เขาก็จ้องไปที่คนทั้งห้าสิบคนในห้องสอบทีละคนอย่างรวดเร็ว หลังจากวนดูครบก็ตัดคนที่ไม่เข้าข่ายออกไป 30 คน จากนั้นก็เริ่มตรวจลิ้นให้คนที่เหลืออีก 20 คน

เมื่อตรวจลิ้นเสร็จแล้วก็ตัดออกไปอีก 10 คน ในที่สุดเหลืออยู่สิบคน หวังจี้เชาจึงเริ่มจับชีพจรของคนสิบคนนี้อย่างรวดเร็ว หลังจากการตรวจคัดกรอก การตรวจลิ้นและจับชีพจร สุดท้ายเขาเลือกออกมาได้สามคน

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มซักประวัติเพิ่มเติม หลังจากที่ถามทั้งสามคนแล้ว หวังจี้เชาก็เลือกออกมาได้หนึ่งคน แล้วเขียนหมายเลขลงไปในกระดาษคำตอบ

เขาใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น

นอกห้องสอบ

เครื่องจับเวลาถอยหลังหยุดลง

ที่พื้นที่รอสอบผู้คนแตกตื่นทันที