บรรดายอดฝีมือหลายคนที่อยู่ข้างกายโอวหยางหว่านพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี
มู่อีตะโกนออกมาในทันใด “ปกป้องผู้นำตระกูล!”
องครักษ์เงาของตระกูลมู่เผชิญหน้ากับกองครักษ์วังหลวง จำนวนคนของอีกฝ่ายมีมากกว่าตระกูลมู่เล็กน้อย ทว่าเยวี่ยเจ๋อและชิงอิ่งมิเกรงกลัว พวกเขานำคนพุ่งเข้าไป
เมืองจื่อตูเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ แม้แต่จวินโม่ซีที่อยู่ในหอหมอปีศาจยังตกตะลึง เขาพึมพำ “เดิมทีหลายวันมานี้เมืองจื่อตูเกิดเรื่องอึกทึกครึกโครมน่ารำคาญมากพออยู่แล้ว ซ้ำร้ายยังจะมีผู้ก่อปัญหาตัวใหญ่อย่างราชาไป๋กู่มาอีก ช่างน่ากลัวเสียจริง!”
ผู้หนึ่งที่พุ่งเข้ามาสวมใส่ชุดสีขาว ล่องลอยได้เหมือนเทพธิดา
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เจ้าตัวตะกละ เจ้าไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระมากมายได้หรือไม่ มีหนทางแก้ทางเจ้าสิ่งนั้นหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จวินโม่ซี เจ้าอย่าได้พูดมากไปเลย เจ้ามีวิธีแก้ปัญหานั้นหรือไม่ล่ะ ?”
สิ่งนั้นหากไม่จัดการมัน คงจะมีคนอีกมากต้องประสบปัญหากับมัน
ร่างสีขาวเคลื่อนไหวในพริบตา กล่าวว่า “มู่เฉียนซี เจ้าคอยตรึงตรงนี้เอาไว้ ประเดี๋ยวข้าจะไปคิดวิธีรับมือกับราชาไป๋กู่เอง!”
จวินโม่ซีเป็นทั้งนักปรุงยาและยังมีความสามารถระดับจักรพรรดิ ให้เขาต่อกรกับราชาพิษไป๋กู๋นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ รีบออกมาเร็ว!” มู่เฉียนซีตะโกน
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว! เรื่องใหญ่เช่นกอบกู้โลกนี้ ควรให้ข้าเป็นผู้กระทำ!” และแล้ว เงาร่างแมวสีขาวก็ได้เหาะล่องลอยออกไป ทันใดนั้นเอง เปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า เริ่มเผาผลาญแมลงกู่ เบื้องหลังเปลวไฟนั้น เสี่ยวหงปรากฏตัวขึ้นอย่างงามสง่า
ทว่าในตอนนี้จักรพรรดินีฝ่าทะลวงแนวป้องกันมุ่งตรงเข้ามาตรงหน้ามู่เฉียนซี นางมองมู่เฉียนซีอย่างนิ่มนวลก่อนจะกล่าวขึ้น “ซีเอ๋อร์ มาเป็นลูกสาวของข้าเสียไม่ดีหรือ ? รอเมื่อข้าได้ครอบครองทั้งทวีปเซี่ยโจว เฟิงอวิ๋นก็คงจะได้ยินชื่อของพวกเรา และเขาคงจะรีบกลับมา”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “โอวหยางหว่าน เจ้าอยากจับข้าเพื่อบีบบังคับพ่อข้า เจ้าคิดว่าข้าจะยอมเป็นอย่างที่เจ้าต้องการรึ ?”
โอวหยางหว่านกรีดร้องเสียงแหลม “ข้าจะไปบีบบังคับเฟิงอวิ๋นได้เช่นไร ?! ข้ารักเขาขนาดนั้น ซีเอ๋อร์ช่างดื้อเสียจริง ข้าผู้นี้จะต้องทำให้เจ้าเชื่อฟังแต่โดยดี”
แมลงกู่ตัวหนึ่งบินไปทางมู่เฉียนซี นางข่มขู่ดูเคืองแค้น ทว่าคงไม่ฆ่ามู่เฉียนซี เพราะว่าหากมู่เฉียนซียังมีชีวิตอยู่จะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
ขณะที่แมลงกู่ได้เข้ามาใกล้ถึงตัวมู่เฉียนซีแล้วนั้น พลังลมแรงพลันกระโชกเข้ามา เงาสีขาวโฉบพาเอาร่างมู่เฉียนซีหนีห่างจากโอวหยางหว่านผู้เป็นตัวอันตราย
โอวหยางหว่านมองชายชุดขาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นก่อนจะกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “มู่อวู่ซวง เจ้ายังจะไม่เจียมตัว คิดหยุดยั้งข้าอย่างไม่รู้ตัวกลัวตายอีกรึ ?”
มู่อวู่ซวงตอบโต้ “กล้าทำร้ายหลานสาวของข้ามูอวู่ซวง ข้าจะต้องสับเจ้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้น”
“ท่านอา” มู่เฉียนซีเรียก นางได้มอบยาหลายขวดให้แก่มู่อวู่ซวง “ท่านอา ระวังด้วย!” “อืม ซีเอ๋อร์วางใจเถอะ”
ไม่นานนักเงาสีขาวและสีดำเปิดฉากต่อสู้กันไปมาอยู่กลางอากาศ ระดับความแข็งแกร่งของมู่อวู่ซวงน้อยกว่าโอวหยางหว่าน แต่ทว่าเมื่อได้สู้รบประมือกันแล้วก็ดูเหมือนจะไม่ด้อยกว่าโอวหยางหว่านเลย
ถ้าหากมู่อวู่ซวงเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติ โอวหยางหว่านย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
ในตอนนี้เอง หญิงสาวชุดขาวคนหนึ่งเคลื่อนไหวเข้ามาอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ ท่านจัดการมู่อวู่ซวงก็พอแล้ว ข้าจะช่วยท่านจัดการมู่เฉียนซีเอง”
หญิงสาวตรงหน้าที่สวยสะอาดตาราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์เคลื่อนกายมา เพียงแต่ว่าใต้มุมของดวงตานางนั้น มีรอยของแมลงกู่เป็นเส้นสีดำ เพียงรอยนั้นมันก็ได้ทำลายความรู้สึกทั้งภาพรวมที่สง่างามของนางไป
มู่หรูเหยียนกล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “มู่เฉียนซี เพื่อที่จะรับมือกับเจ้า ข้าได้ยอมสละซึ่งความงามของข้า บีบบังคับให้พลังความแข็งแกร่งของข้านั้นเพิ่มมากขึ้น วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้า…” มู่เฉียนชีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หรูเหยียนเอ๋ยหรูเหยียน เจ้ามันช่างน่าสมเพชจริง ๆ สละรูปลักษณ์ของตัวเองแต่พลังความแข็งแกร่งของเจ้ากลับเพิ่มมาเพียงเล็กน้อย เป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดว่าเช่นนี้แล้วเจ้าจะฆ่าข้าได้รึ ?”
สีหน้ามู่หรูเหยียนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันใด “จริงดังที่เจ้าว่า ข้าเป็นปรมาจารย์ภูตระดับหนึ่ง แต่หากต้องการที่จะฆ่าเจ้า นั่นก็เหลือเฟือแล้ว!”
ทันใดนั้นผ้าไหมสีขาวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าด้วยจิตสังหารอันรุนแรงและพลังอันน่าสะพรึงกลัว
มู่เฉียนซีไม่ยอมอยู่เฉย นางปาเข็มยาออกไปหลายเข็ม แต่ทั้งหมดนั้นถูกมู่หรูเหยียนปัดป้องได้
“ภาพแห่งฝันแดนลวงตา!”
ระบำผ้าไหมสีขาวและกลิ่นอบอวลชวนให้หลงใหลของมู่หรูเหยียนม้วนตัวเข้ามา ทำให้ผู้ที่โดนพลังนั้นเหนื่อยล้าจนไม่มีพลังการต่อสู้เลย
มู่เฉียนซีแค่นเสียง “นางผู้หญิงโง่! เจ้าแพ้ไปครั้งหนึ่งแล้วยังจะโง่เง่าใช้วิชาลวงตากับข้าซ้ำอีก หรือว่าเจ้าไม่รู้ว่าวิชาลวงตาของเจ้านั้นมันใช่ไม่ได้ผลกับข้า ?”
— ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! —
มู่เฉียนซีฉวยโอกาสโจมตีรัว ๆ จนมู่หรูเหยียนจำต้องรีบถอยร่นไป
ดวงตามู่หรูเหยียนเบิกกว้างอย่างหยิ่งยโส “พลังของข้านั้นได้เพิ่มขึ้นแล้ว พลังจิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งขึ้นมาก เหตุใดจึงยังใช้ไม่ได้ผลกับเจ้า ?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “จะอะไรเสียอีกล่ะ ? พลังจิตวิญญาณของเจ้าอ่อนแอเกินไปกระมัง!”
เดิมทีมู่เฉียนซีเป็นนักปรุงยา แน่นอนว่าพลังจิตของนางนั้นย่อมต้องแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปมาก
“แม้ว่าภาพมายาจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้อยู่ดี!”
สีหน้าและแววตาของมู่หรูเหยียนฉายแววอันดุร้ายออกมา ทันใดนั้นเกิดกลิ่นอายอันบ้าคลั่งพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
เมื่อกระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมา เปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกมาขวางการโจมตีของมู่หรูเหยียนไว้
เมื่อปรับปรุงตัวยาจักรพรรดิฟ้าดิน ผลของยานั้นได้ทำให้พลังของมู่เฉียนซีตกไปหนึ่งระดับและยังไม่ได้ฟื้นฟู เวลานี้นางมีพลังเพียงแค่จอมภูตระดับแปดเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญกับมู่หรูเหยียนที่ระดับสูงกว่าตน แน่นอนว่าเป็นการต่อสู้ที่กินแรงอยู่พอสมควร
นอกจากนี้มู่หรูเหยียนยังทุ่มสุดตัว นางทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ต่อสู้กับมู่เฉียนซี นางมุ่งเพียงแต่การแก้แค้นโดยไม่สนสิ่งใด สถานการณ์นั้นอันตรายมาก การหลบหลีกการโจมตีในแต่ละครั้งช่างน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกิน
ในตอนนี้เอง เงาร่างสีขาวพระจันทร์พุ่งเข้ามาหานาง เขากล่าวขึ้น “เฉียนซีเจ้ารีบไปเถอะ ข้าจะจัดการกับหญิงผู้นี้เอง”
มู่เฉียนซีตกตะลึง “ชิงอวิ๋น เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ? เวลาเช่นนี้เหตุใดเจ้าไม่รีบหนีไปเล่า ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวว่า “เจ้าช่วยข้าไว้ ถึงคราข้าบ้างแล้ว หรือว่าเจ้าจะไม่อนุญาตให้ข้าช่วยเจ้ารึ ?”
ความแข็งแกร่งของซวนหยวนชิงอวิ๋นนั้นพอ ๆ กับมู่หรูเหยียน เขาจึงป้องกันการโจมตีจากมู่หรูเหยียนได้อย่างสบาย ๆ
ในทันใดนั้น ซวนหยวนชิงอวิ๋นที่เข้าต่อสู้กับนาง พุ่งเข้าไปท้าต่อตีจนนางทำอะไรไม่ถูก มู่หรูเหยียนจนตรอกจึงได้เรียกแมลงกู่ออกมา ส่งมันพุ่งไปทางซวนหยวนชิงอวิ๋นก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “มู่เฉียนซีเจ้าแน่นักมิใช่หรือ ? แย่งตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งจากข้าไป ขับไล่ข้าออกจากตระกูล ไม่พอยังฆ่าปู่ของข้าอีก เจ้าจะไม่กล้าสู้กับข้าแบบตัวต่อตัวสักครั้งเลยหรืออย่างไร ? ให้บุรุษมาช่วยเจ้าต่อสู้ หน้าไม่อายนัก!” แมลงกู่นั้นรับมือได้ยากมาก ความแข็งแกร่งของมู่หรูเหยียนเองก็ยากที่จะรับมือ ซวนหยวนชิงอวิ๋นนั้นเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน “เฉียนซี เจ้าอย่าได้ไปฟังคำท้าของนาง รีบไปซะ”
— ฟืด! —
มู่เฉียนซีพุ่งเข้ามาข้าง ๆ ซวนหยวนชิงอวิ๋นในทันใด นางโรยผงยาลงบนตัวของเขาจนทั่ว แล้วจึงนำขวดยาจำนวนมากให้เขาก่อนจะกล่าวขึ้น “นี่เอาไว้กันแมลงกู่ กินให้หมดเร็ว ตัวหัวหน้าใหญ่ยักษ์นั่น ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะไปสู้ด้วยไหวหรือไม่ หากว่าสู้ด้วยไม่ไหว ทั้งเมืองจื่อตูคงได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของมันเป็นแน่ เจ้ารีบไปเสียเถอะ! ข้ามีบัญชีต้องสะสางกับมู่หรูเหยียน ข้าสามารถจัดการกับนางได้ ให้ข้าจัดการเรื่องนี้!”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าว “เฉียนซี แต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่เคยทำเรื่องใดโดยที่ไม่มั่นใจ เช่นนั้นแล้วข้าเชื่อเจ้าว่าเจ้าจะสามารถสู้กับมู่หรูเหยียนได้ แต่ว่าข้านั้นก็จะอยู่ด้วย เพื่อสู้กับศัตรูอื่น”
“หากท้ายที่สุดแล้วพวกเราสู้กับราชาไป๋กู่ไม่ได้ พวกเราก็หนีไปด้วยกัน หากหนีไม่ได้ พวกเราก็เพียงแค่ตายไปด้วยกัน!” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวเสริมอย่างแน่วแน่
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ชิงอวิ๋น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าปกติบุรุษเย็นชาอย่างเจ้าจะกระทำการอะไรเป็นอันชอบธรรมเช่นนี้ ได้! สู้ด้วยกัน! แม้ในที่สุดเราจะไร้สิ้นหนทาง พวกเราก็จะฝ่าออกไปด้วยกัน!”
.