ตอนที่134 รับความจริงไม่ได้

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่134 รับความจริงไม่ได้

“ปรากฏว่าเป็นประธานหยางเฉิงที่ได้รับรางวัลมูลค่า50,000หยวนไป! น่าเสียดายจริงๆ ครับ!”

เสียงประกาศของเซียนเชียงดังขึ้น หยางเฉิงและลูกชายเสียวสันหลังวาบ นี่หมายความว่าจ้าวเฉียนยังมีโอกาสชิงเงินเก้าล้านอยู่!

หานเจียงคลี่ยิ้มเชิดมุมปากเล็กน้อย เธอหันมาพูดกับจ้าวเฉียนขึ้นว่า

“นายนี่มันดวงดีจริงๆ! เดาไม่ได้เลยว่าสุดท้ายนายจะได้รางวัลใหญ่ไหม!”

“งั้นเธอช่วยส่งดวงมาให้ฉันเพิ่มทีสิ”

จ้าวเฉียนถามกลับพลางหัวเราะคำหนึ่ง

หวานเจียงสวนตอบด้วยคำถามไปทันทีว่า

“ให้ฉันช่วย? ฉันเพิ่งได้10,000หยวนไปเองนะ จะให้ส่งดวงจากไหนไปให้นาย? มีแต่ดวงซวยจะเอาไหมล่ะ?”

จ้าวเฉียนยิ้มเยาะอีกครา กระซิบตอบกลับอย่างแผ่วเบาว่า

“ก็ตั้งแต่ที่ฉันพบเธอ ชีวิตฉันก็เจอแต่เรื่องดีๆ มาโดยตลอด บางที…เธออาจจะเป็นเทพธิดาแห่งโชคลาภของฉันก็ได้นะ อืมมม…ขอจูบประทานพรหน่อยได้ไหมครับคุณเทพธิดา?”

หวานเจียงผู้แสนเย็นชาคนนนั้น ตอนนี้แข้งขากับอ่อนระทวย ก้มหัวก้มตาลงอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย

“อ้าว…คุณเทพธิดาเป็นอะไรไปเหรอครับ? เร็วๆ เข้าก่อนที่เขาจะประกาศรางวัลต่อไป ถึงตอนนั้นอาจสายเกินไปแล้ว”

จ้าวเฉียนอดแซวเธอไม่ได้

หวานเจียงเงยมองจ้าวเฉียนประดับคู่ใบหน้าแดงก่ำ เธอตอบสวนกลับไปทันทีว่า

“อีตาบ้า!”

“เอาอย่างงี้ดีไหม จูบผมตอนนี้แลกกับเงินรางวัลใหญ่ครึ่งหนึ่งถ้าฉันชนะ!”

จ้าวเฉียนยังคงกล่าวโน้มน้าวไม่หยุด

“แล้วถ้า…นายไม่ชนะรางวัลใหญ่ล่ะ?”

หวานเจียงถามสวนกลับไป

“ถ้าไม่ได้รางวัลใหญ่ ฉันจะโอนเงินให้เธอเองสี่ล้าน ง่ายๆ คือขอแค่เธอจูบฉัน ไม่ว่ายังไงเธอก็ได้สี่ล้านอยู่ดี!”

ด้วยนิสัยของหวานเจียงแล้ว โดยธรรมชาติเธอไม่ยอมจูบกับใครเพื่อแลกเงินแค่สี่ล้านหรือสี่ล้านครึ่งแน่นอน อย่างไรก็ตามแต่ ไม่รู้ทำไม ภายในใจของเธอกลับสั่งห้ามไม่ให้เธอปฏิเสธคำขอของเขา

หลังจากลังเลอยู่สักพักใหญ่ ยังไงเธอก็ส่ายหน้าอย่างแน่วแน่

“ฝันไปเถอะ ฉันไม่จูบกับใครเพื่อเงินหรอก ไม่รู้เลยรึไงว่าฉันมีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่?”

จ้าวเฉียนต้องการราดน้ำมันบนกองไฟของพ่อลูกตระกูลหยางให้มากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงอยากให้หวานเจียงจูบเขาต่อหน้าพวกนั้น หากเป็นภายใต้สถานการณ์อื่น จ้าวเฉียนไม่สนใจจูบของเธอเลยด้วยซ้ำ

จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบกลับไปว่า

“เข้าใจแล้ว โอกาสได้เงินสี่ล้านง่ายๆ แบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว กำไรสุทธิโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลยมากขนาดนี้ แน่ใจนะ?”

“หยุดพูดไปเลย ต่อให้เป็นสี่สิบล้านฉันก็ไม่จูบนาย! นี่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินนะ แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีต่างหาก!”

หวานเจียงตะคอกสวนกลับไป เธอเริ่มมีน้ำโหแล้ว

จ้าวฉัยนยิ้มอย่างสุขใจ และไม่ได้ปริปากพูดอะไรต่ออีกเลย

ในขณะเดียวกัน เซียนเชียงก็เริ่มจับรางวัลครั้งสุดท้าย มูลค่า200,000หยวน

“เอาล่ะทุกคน รางวัลที่สองและหนึ่งจะถูกประกาศพร้อมกันทันทีที่ฉลากลูกนี้ถูกคลี่ออกมา ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดมาถึงแล้ว!”

เซียนเชียงชูมือข้างที่ถูกลูกบอลกระดาษขึ้นฟ้า

มือทั้งสองข้างของหยางหมิงกระชับกำหมัดแน่นจนสั่นเทา หากมองบริเวณหน้าผากของเขาจะพบเส้นประสาทที่ปูดโปนออกมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าความกดดันถึงขีดสุดแล้ว

ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังคงผ่อนคลาย คลี่ยิ้มกว้างกล่าวขึ้นว่า

“ทำไมนายน้อยหยางถึงดูกังวลขนาดนั้น? เศษเงินเล็กๆ น้อยๆ เองไม่ใช่เหรอครับ? ยังไม่เท่าค่าอาหารของคุณเลยด้วยซ้ำ?”

“ฮ่าฮ่าๆ …ตาบอดเหรอ? ฉันนี่นะดูกังวล? นายนั่นแหละดูกังวลเกินไปรึเปล่า? เงินเก้าล้านหยวนคงเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับชีวิตนาย อย่าเสแสร้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนหน่อยเลย!”

หยางเมิงโต้กลับไปอย่างเย้ยหยัน

จ้าวเฉียนแกล้งปั้นหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่รู้ว่าหยางหมิงกำลังหมายถึงอะไร เขายังคงยิ้มตอบไปว่า

“ฮ่าฮ่า….นายน้อยหยางหมายถึงอะไรเหรอครับ? ผมไม่เห็นเข้าใจเลย?”

หยางหมิงหัวเราะแขวะใส่และด่าจ้าวเฉียนว่าไอ้โง่ ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนกล่าวไป

เซียนเชียงค่อยคลี่ลูกบอลกระดาษออกมา และเปิดเผยรายชื่อที่อยู่ด้านในสู่สาธารณะชนทันที

“หมายเลข698 หยางหมิง!”

เซียนเชียงประกาศเสียงดังกึกก้อง

“ขอแสดงความยินดีด้วยกับนายน้อยหยาง รางวัลมูลค่า200,000หยวน!”

โดยธรรมชาติใครจับได้รางวัลใหญ่ขนาดนี้คงต้องดีใจเป็นธรรมดา แต่การจับฉลากคืนนี้กลับพิเศษกว่าครั้งไหนๆ ตราบเท่าที่ชื่อของตัวเองยังไม่ถูกประกาศออกมา ก็ถือว่ายังมีสิทธิ์ได้รับเงินจำนวนเก้าล้าน ทั่วใบหน้าของหยางหมิงแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับม่วง ดูอึดอัดใจเกินพรรณนา จนคนรอบข้างไม่กล้าแสดงความยินดีกับเขา

หวานเจียงตบไหล่จ้าวเฉียน สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข

“สุดยอด! นายนี่มันดวงดีชะมัด! ถ้าให้ฉันส่งกำลังใจให้คงชวดแน่นอน ฮ่าฮ่าๆ ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งยังไม่น่าดีใจเท่าจับฉลากได้รางวัลใหญ่นี่เลย!”

จ้าวเฉียนหัวเราะและเอ่ยถามกลับไปว่า

“เป็นยังไง? เสียดายไหมที่ไม่ได้จูบฉัน? ถ้าก่อนหน้านี้จูบไปตั้งแต่แรก ปานนี้ก็แบ่งกันคนละสี่ล้านกว่าแล้ว อนิจจา…”

หากเปลี่ยนจากหวานเจียงเป็นสาวๆ คนอื่น พวกเธอคงตัดสินใจที่จะจูบกับจ้าวเฉียนโดยไม่ลังเล จูบหนุ่มหล่อฟรีไม่พอ ยังได้เงินติดมือมาอีกตั้งสี่ล้านกว่า!

หวานเจียงตอกสวนทันทีเจือน้ำเสียงขุ่นมัวไปว่า

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่! ประเด็นมันไม่ได้อยู่กับเรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรี! ฉันไม่ยอมขายศักดิ์ศรีเพื่อเงินโดยเด็ดขาด ขอร้องเถอะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว มันทำให้ฉันหงุดหงิด”

ทันใดนั้นเอง ยังไม่ทันที่จ้าวเฉียนจะเอ่ยปากตอบเธอ หยางหมิงก็ตะโกนแทรกขึ้นกลางคันว่า

“ลุงห้า ยังเหลือลูกบอลกระดาษอันสุดท้าย คลี่ออกมาให้ดูเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ว่านี่มีการโกงกันเกิดขึ้น?”

หยางหมิงกลัวว่า เซียนเชียงจะจงใจโกงเพื่อโยนเงินก้อนนี้ให้กับจ้าวเฉียน

หยางหมิงและคนอื่นๆ ต่างแห่กันทักท้วง โดยพวกเขาอ้างว่า ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่เชื่อใจเซียนเชียง แต่อยากยืนยันเพื่อบรรเทาความปวดใจในครั้งนี้

จ้าวเฉียนรู้สึกว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว ถ้าหยางหมิงยังคงหาเรื่องต่อไปแบบนี้ มีหวังได้กลับบ้านดึกกันพอดี นี่ก็จวนจะเลยเวลานอนที่เหมาะสมของเขาแล้วด้วย นอนไม่เต็มอิ่มแล้วไม่หล่อขึ้นมาจะทำไง? ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงตะโกนขึ้นลั่นว่า

“ลุงห้าครับ ในเมื่อทุกคนมีข้อกังขาอยู่ในใจ งั้นก็เปิดลูกสุดท้ายออกมาเลย ยังดีกว่าต้องโดนพวกเขาเอาเรื่องนี้ไปนินทาในตอนหลัง!”

คนอื่นๆ ที่ได้ฟังต่างคิดว่านี่เป็นข้อเสนอแนะของจ้าวเฉียนเท่านั้น แต่สำหรับตัวเซียนเชียงเองแล้ว เขาทราบดีอยู่ในใจว่านี่เป็นคำสั่งจากคุณชายจ้าวส่งตรงถึงเขา

“หึ! ในเมื่อทุกคนไม่เชื่อใจ งั้นก็ได้!”

เซียนเชียงกรนเสียงพึมพำด้วยความโกรธ และหยิบลูกบอลกระดาษลูกสุดท้ายออกมาพร้อมเปิดเนื้อในคลี่ให้ทุกคนได้เห็นเป็นประจักษ์

“หมายเลข105 จ้าวเฉียน”

เซียงเชียนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“นายน้อยหยาง ยังมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม?”

ชื่อของจ้าวเฉียนเป็นสีขาวดำ หยางหมิงเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรับความจริงไม่ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถแก้ตัวใดๆ ได้เช่นกัน ความในใจของเขาชัดเจนมาก เงินเก้าล้านจะเป็นของใครก็ได้ยกเว้นจ้าวเฉียน!

“ลุงห้าถึงจะมีชื่อของจ้าวเฉียนเขียนอยู่ แต่ดูแล้วไม่ใช่ลายมือเขียน หรือเป็นไปได้ไหมว่ามันถูกพิมพ์เตรียมไว้อยู่แล้ว? นี่มีรางวัลถึงเก้าล้านเป็นเดิมพัน ก็ต้องตรวจสอบกันเข้มงวดหน่อยไม่ใช่เหรอ?”

คล้อยหลังพูดจบ หยางหมิงก็เหลือบไปมองบรรดาชายแกที่อยู่รอบข้างหยางเฉิง พวกเขาที่เห็นสายตาอันเดือดดุนั้น ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกันทันใด

เซียนเชียงได้ฟังแบบนั้นก็เดือดขึ้นมาทันที เขาต้องการสั่งสอนบทเรียนให้แก่หยางหมิงสักครา

อย่างไรก็ตาม จ้าวเฉียนก็กล่าวแทรกขึ้นมาในเวลานี้ว่า

“ดูท่านายน้อยหยางคงทำใจยอมรับความจริงไม่ได้ที่ผมได้รับรางวัลใหญ่ เอาแบบนี้แล้วกัน ผมจะเขียนชื่อพร้อมหมายเลขลงบนกระดาษอีกครั้ง แล้วเอามาเทียบกันดูว่าลายมือมันตรงกันไหม”

เซียรเชียงรีบเรียกลูกน้องคนหนึ่งให้นำกระดาษกับปากกาส่งให้จ้าวเฉียนทันที จ้าวเฉียนเดินไปเขียนที่หน้าโต๊ะต่อหน้าสายตาของทุกคน และวางทาบแผ่นกระดาษทั้งสองชิ้น ปรากฏว่าลายมือเหมือนกันทุกประการ

หวานเจียงหัวเราะเยาะขึ้นว่า

“หยางหมิง มีอะไรจากพูดอีกไหม? อย่าคิดมากเลย ก็แค่นายไม่มีโชค ยอมรับความจริงซะเถอะ!”

ใบหน้าของหยางหมิงหม่องหม่นเกินบรรยาย กรนเสียงเย็นคำโตอย่างเดือดดาลและหมุนตัวเดินจากไปทันที

หยางเฉิงก็ไม่เหลือหน้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปเช่นกัน จึงเดินตามลูกชายออกไปติดๆ

แต่ทันใดนั้นเอง จ้าวเฉียนก็เอ่ยปากหยุดเขา

“ประธานหยาง คุณเพิ่งสัญญากับผมไปเอง ลืมไปแล้วเหรอ?”

หยางชะงักฝีเท้าโดยพลัน หันกลับมาถามว่า

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนกล่าวเสียงแข็งว่า

“อย่างแรกเลย คุณกล้าเอาเงินมาฟาดหน้าผม คุณต้องขอโทษก่อน แล้วใครบอกว่า ผู้ใดได้รับรางวัลใหญ่จะปรบมือแสดงความยินดีให้กัน?”