ตอนที่135 ความสัมพันธ์คงไม่พัฒนาไปไกลกว่านี้

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่135 ความสัมพันธ์คงไม่พัฒนาไปไกลกว่านี้

หยางเฉิงถึงกับตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจ้าวเฉียนจะกล้าทวงคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้จริงๆ

“นายมีคุณสมบัติอะไรที่ฉันต้องขอโทษ?”

หยางเฉิงถามกลับพร้อมสีหน้าดูถูก

“โอ้ ทำกับผมไว้ตั้งเยอะ แล้วจะไปง่ายๆแบบนี้เลยใช่ไหมครับ?”

สีหน้าของจ้าวเฉียนเริ่มทมิฬมืดลง พร้อมน้ำเสียงเย็นยะเยือกทุ้มต่ำ

แต่หยางเฉิงไม่กลัวเด็กหนุ่มตัวน้อยตรงหน้าเลยสักนิด กล่าวตอบไปทันทีว่า

“ใช่ ฉันจะไปแล้วทำแกจะทำไม? คิดว่าตัวเองมีดีอะไรมาหยุดฉันได้?”

“หุหุ…ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านปลอดภัยนะครับ หวังว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายอะไร!”

คำกล่าวของจ้าวเฉียนข่มขู่อย่างชัดเจน ทว่าทั่วทั้งใบหน้ากลับเปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้ม สำหรับเขาแล้ว หยางเฉิงเป็นเพียงศัตรูที่อายุมากกว่าหยางหมิงแค่นั้น และไม่จำเป็นต้องกลัวเลย

หยางเฉิงสยะยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคู่นั้นสาดสะท้อนเห็นเป็นเงาจ้าวเฉียนอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวจากออกไปโดยตรง

ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังเดินจากไป เซียนเชียงกฌวิ่งเข้ามาหา ยิ้มร่ามาแต่ไกล

“คุณชายจ้าว ผมลำบากใจเกินกว่าจะรับเงินก้อนนี้ไว้จริงๆ ผมขอบัญชีธนาคารหน่อยครับ หลังจากนี้เดี๋ยวทางผมโอนเงินเก้าล้านเข้าไปให้โดยเร็วที่สุด”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบพร้อมพยักหน้า และส่งหมายเลขบัญชีธนาคารของตนให้แก่เซียนเชียง เขากล่าวขอบคุณทิ้งท้ายไปว่า

“ยังไงก็ขอบคุณลุงห้ามากนะครับ งานเลี้ยงสนุกมากเลย อ่อแล้วก็…ไว้ผมมีเวลาว่างจะนัดคุณมาทานอาหารกันสักมื้อนะครับ”

“ฮ่าฮ่า….ได้เลยครับ ว่างเมื่อไหร่โทรหาผมได้ตลอดเลย”

เซียนเชียงกล่าวตอบอย่างสุขอกสุขใจ

จ้าวเฉียนพยักหน้าและโบกมือลาเซียนเชียงไปทันที

หวานเจียงกับคนอื่นๆเองก็ต่างพากันแยกย้ายกันกลับอย่างรวดเร็ว

พอเธอออกจากงานเลี้ยง หวานเจียงก็วิ่งไปหาจ้าวเฉียนพร้อมยิ้มถามขึ้นว่า

“นายวางแผนยังไงกับเงินเก้าล้าน?”

“ก็เก็บไว้ในธนาคาร ถ้าอยากได้อะไรค่อยถอนมาใช้ ไม่รู้สิ…มันแค่เงินจำนวนเล็กน้อยน่ะ จะเก็บหรือจะทิ้งก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว”

จ้าวเฉียนพูดติดตลกกลับไป

หวานเจียงกลอกตามองบนใส่อีกครั้ง เธอกล่าวต่อว่า

“งั้นก็เอาเงินส่วนนั้นมาลงทุนกับฉันสิ อย่างน้อยๆก็ได้ดอกเบี้ยมากกว่าฝากธนาคารแหละนะ”

แม้เธอจะไม่รู้ว่าจ้าวเฉียนมีเงินอยู่ในมือมากเท่าไหร่ แต่หวานเจียงคาดการณ์ไว้ว่าคงมีไม่ต่ำกว่า300ล้านหยวน เพราะอย่างน้อยที่สุดก็มีเงินค่าลิขสิทธิ์นิยายเรื่อง‘ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์’ของเธออยู่จำนวนไม่น้อย ดังนั้นต่อให้ไม่มีเงินเก้าล้าน เขาก็ใช้ชีวิตกินอยู่อย่างสบาย สู้เอาเงินก้อนนี้มาอัดฉีดโปรเจคซีรีย์นิยายไม่ดีกว่าเหรอ?

โดยปกติแล้ว จ้าวเฉียนไม่ได้ใส่ใจเงินจำนวนแค่นี้มากนัก แต่ในเมื่อเธอพูดถึงขนาดนี้ เขาเองก็อายเกินปฏิเสธเช่นกัน

“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะสนใจลงทุนกับคุณมากนักเหรอ?”

หวานเจียงพยักหน้าตอบไปว่า

“นายไม่ค่อยสนใจในเรื่องที่ควรสนใจเท่าไหร่ ถึงแบบนั้นมันก็เศษเงินไม่ใช่รึไง? หรือจะเก็บออมให้ว่าที่ภรรยาในอนาคต?”

“โว้…ต้องเป็นภรรยาแบบไหนถึงใช้เงินเป็นร้อยพันล้านได้ในคราวเดียว? เป็นเทพรึไงกินทองคำเป็นอาหาร? ถ้ามีแบบนั้นตจริง คงไม่ต่างอะไรกับเอากองเงินกองทองเททิ้งขยะเลย!”

“ถ้าอย่างนั้นยังไม่สนใจมาลงทุนกับฉันอีกเหรอ? จำสัญญาระหว่างเราไม่ได้แล้วรึไง ภายในห้าปีนายต้องหาเงินให้ได้ไม่น้อยกว่า800ล้าน ไม่อยากแต่งงานกับเทพธิดาคนนี้รึไง?”

จ้าวเฉียนถึงกับพูดไม่ออกไปขณะหนึ่ง คำขอร้องของเธอไม่ได้เกินความเป็นจริงอะไรเลย แต่อวยตัวเองแบบนี้ชักจะน่าหมั่นไส้เช่นกัน ถึงอย่างไรมันก็เป็นความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง มีทายาทเศรษฐีหนุ่มมากมายต้องการได้เธอมาครอบคู่ด้วย แต่นั้นยกเว้นจ้าวเฉียน

ณ ขณะเดียวกัน หวานหลินที่เพิ่งกล่าวอำลาบรรดาเพื่อนฝูงเสร็จ ก็กำลังเดินมาทางนี้เช่นกัน

“เสี่ยวเจียง รีบกลับบ้านกันเถอะ ต่อแต่นี้เป็นต้นไป ลูกจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนมาไหนตามใจอีก จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากพ่อในอนาคต!”

หวานหลินสั่งหลานเจียงพลางเหลือบตามองจ้าวเฉียนด้วยความเกลียดชัง

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะขึ้นทันทีและกล่าวว่า

“ประธานหวาน นี่มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ? กำลังจะบอกว่าห้ามไม่ให้ผมกับหวานเจียงติดต่อกันอีกในอนาคต?”

หวานหลินยิ้มตอบกลับไปว่า

“นายเองก็เข้าใจหนิ แล้วยังจะถามอีกทำไม? อย่าทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ไม่อย่างนั่นฉันจะไม่สุภาพกับนายแล้ว”

กล่าวตามสัตย์จริง หวานหลินแค่คิดว่า จ้าวเฉียนไม่คู่ควรกับหวานเจียง และอีกฝ่ายจะไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อสื่อสารกับฮวาหยิน กรุ๊ปอีกต่อไปในอนาคต บริษัทของจ้าวเฉียนยังเป็นบริษัทขนาดเล็ก ยังไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจ แล้วหวานหลินจะเปิดตัวลูกสาวของเขากับคนแบบนี้ได้ยังไง?

หวานเจียงไม่รับฟังอีกต่อไป เธอกล่าวเถียงเสียงแข็งทันทีว่า

“พ่อ! กำลังพูดอะไรอยู่รู้ตัวไหม? ตอนนี้หนูก็แทบไม่เหลืออิสรภาพแล้ว ถ้าไม่ให้ติดต่อกับจ้าวเฉียนอีก หนูก็ไม่เหลือเพื่อนแล้วมั้ง? ใครก็ตามที่พ่อชอบและพยายามจับคู่ให้หนู เลิกพฤติกรรมแบบนีเถอะค่ะ หนูโตแล้วหนูจัดการเรื่องตัวเองได้!”

หวานหลินตระหนักดีว่า ตำแหน่งคุณหนูคนโตแห่งฮวาหยิน กรุ๊ปมันดูสูงส่งและหอมหวานเพียงใด มีผู้ชายมากมายที่เข้ามาเพราะหวังแค่ชื่อเสียงและทรัพย์สมบัติ แล้วเขาจะปล่อยให้เธอเลือกคบหาเพื่อนหรือแฟนตามอารมณ์พาไปได้อย่างไร?

“ลูกพ่อ ทำไมลูกถึงไม่เข้าใจความหวังดีขอพ่อคนนี้เลย พ่อเองก็ไม่อยากทำลายอนาคตลูก จะคิดหรือทำอะไรก็ต้องให้พ่อตรวจสอบดูก่อนว่า มันดีหรือเหมาะสมไหม ไม่อย่างนั้นชีวิตของลูกอาจพบจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน”

หวานหลินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เขาพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวตัวเองเพื่อสื่อว่า จ้าวเฉียนไม่เหมาะสมกับเธอ ถ้าคบหากันต่อไปผู้ชายคนนี้อาจนำพาเธอไปสู่ความลำบากในอนาคต

“โอเค พ่อหยุดพูดได้แล้ว! กลับ!”

ทันทีที่พูดจบหวานเจียงก็เหลียวตัวควับเดินไปยังลานจอดรถโดยไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น

หวานหลินตรงเข้ามากระซิบกับจ้าวเฉียนว่า

“จ้าวเฉียน พูดกันแบบลูกผู้ชายเลยนะ นายควรเข้าใจความรู้สึกของฉันในฐานะพ่อคนหนึ่ง สักวันในอนาคต ถ้านายมีลูกสาวสักคน นายเองก็จะทำแบบที่ฉันทำนี่แหละ ถือว่าฉันขอร้อง…หยุดติดต่อกับเธอได้ไหม?”

จ้าวเฉียนเริ่มคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้ดีแล้ว ดูภายนอกเขาไม่มีทั้งเงินและชื่อเสียงใดๆ แถมยังดูจากนิสัยยังเป็นพวกใช้เงินฟุ่มเฟือย นับประสาอะไรกับการแต่งงานมีลูก?

ในตอนแรกก็เป็นเจียงเสี่ยวปิงที่ขอเลิกกับเขาเพราะฐานะที่ยากจน เธอทิ้งเขาอย่างไม่ไยดีและหันไปคบหากับหวังเฉียงแทน แม้ว่าหวานเจียงจะไม่เคยดูถูกเขาเรื่องเงินมาก่อนก็ตาม ไม่แม้แต่มายุ่งเรื่องฐานะการเงินเลยด้วยซ้ำ แต่จะอย่างไรสถานะและจุดยืนทางสังคมระหว่างทั้งสองมันแตกต่างกันเกินไปจริงๆ เขาจะต้องถีบตัวเองขึ้นอีกมากถึงจะคู่ควรกับเธอ

แน่นอนว่านั้นเป็นกรณีที่จ้าวเฉียนต้องการ เพราะถ้าเขาต้องการแต่งงานกับหวานเจียงจริงๆ แค่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา ก็ไม่มีใครกล้าพูดแล้วว่าเขาไม่เหมาะสมกับหวานเจียง ซ้ำร้ายอาจเป็นฝ่ายผู้หญิงมากกว่าที่ไม่คู่ควรกับจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและให้คำมั่นกับหวานหลินไปว่า

“ไม่ต้องกังวลครับประธานหวาน ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอคงไม่ไปไหนไกลกว่านี้แล้ว ถ้าคุณต้องการแบบนั้นผมก็จะมาพบเธออีกต่อไป”

“อืม ถือว่านายยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง พูดแล้วห้ามคืนคำ!”

หวานหลินพยักหน้าอย่างมีความสุข

จ้าวเฉียนยิ้มบางเป็นคำตอบ ไม่ทันไรก็เป็นหวานเจียงที่ตะโกนเสียงดังมาแต่ไกลว่า

“ทั้งสองคนจะยืนคุยกันอีกนานไหม? หรือคืนนี้จะนอนค้างที่นี่เลยหะ!?”

หวานหลินโบกมือให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้จ้าวเฉียนและจากไป

จ้าวเฉียนยังไม่ได้กลับในทันที ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขามีอะไรบางอย่างต้องคุยกับเซียงเชียนและที่เหลือภายในห้องจัดเลี้ยง

พอแขกออกกันไปหมดแล้ว จ้าวเฉียนค่อยเดินวกกลับไปยังตัวงาน และเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังรอเขาอยู่เช่นกัน

“คุณชายจ้าวกลับมาแบบนี้ สงสัยว่ามีเรื่องให้ปรึกษาแน่นอน งั้นเชิญทางนี้ดีกว่าครับ”

เซียนเชียงกล่วาทักทายอย่างสุภาพ

จากนั้นเขาก็นำทางจ้าวเฉียนและคนอื่นๆออกจากสถานที่จัดเลี้ยง ตรงเข้ามาที่ห้องทำงานส่วนตัวของตน

เนื่องจากตอนนี้คุณชายจ้าวอยู่ที่นี่ในปัจจุบัน เซียนเชียงไม่กล้านั่งที่ตำแหน่งประธาน เขารีบผายมือเชิญให้จ้าวเฉียนเข้าไปนั่งแทนทันที ส่วนเขากับหยางหู่กลับยืนฟังแทน

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวขึ้นว่า

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก นั่งคุยกันสบายๆเถอะ”

พวกเขากล่าวขอบคุณคุณชายจ้าว จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

“ฉันไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไรจะมารปรึกษาหรอก แค่จะมาอธิบายให้ทุกคนฟังว่า ห้ามเปิดเผยตัวตนของผมเด็ดขาด ลุงห้า โดยเฉพาะกับสองพ่อลูกตระกูลหยาง จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากผมเข้าใจที่พูดใช่ไหมครับ?”

เซียนเชียงรีบพยักหน้า กล่าวตอบไปว่า

“ไม่ต้องกังวลเลยครับ ผมไม่มีวันเปิดเผยเรื่องส่วนตัวแบบนี้อยู่แล้ว แต่หากวันหน้ามีเรื่องต้องการความช่วยเหลือ อย่าได้เกรงใจนะครับ โทรหาผมได้ทุกเมื่อเลย ผมจะรีบไปหาโดยเร็วที่สุด”

“ฮ่าฮ่า…ไม่ต้องห่วง ถ้าเรื่องไหนเกินควบคุมจริงๆ ฉันโทรหาลุงห้าแน่นอน เอาล่ะผมต้องแล้ว เสี่ยวหู่ไปส่งฉันที”

หลังจากที่จ้าวเฉียนพูดจบ เขาก็ลุกออกไปทันที เซียนเชียงและหวังฉีรีบลุกขึ้นเดินออกไปส่งทันที

จ้าวเฉียนหยุดทั้งสองเอาไว้ได้ทัน และกล่าวว่า

“อย่าออกมาส่งแบบนี้ ถ้ามีใครเห็นเข้าจะสงสัยเอา แค่เสี่ยวหู่คนเดียวก็พอแล้ว”

“โชคดีครับคุณชายจ้าว!”

“โชคดีครับคุณชายจ้าว!”

ได้ยินดังนั้นทั้งคู่จึงโค้งคำนับให้แทน

จ้าวเฉียนพยักหน้าและเดินไปที่จอดรถพร้อมกับหยางหู่