เย่วหลิงกล่าวด้วยความคาดหวัง
เย่เทียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“ตกลง ผมยินดีจะเข้าสู่เขตแดนลับพร้อมกับคุณ!”
ในความเป็นจริงเขาอยากรู้มากเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในเขตแดนลับ สําหรับเย่วหลิงแล้วการเข้าสู่เขตแดนลับอาจจะเป็นอันตรายได้ ตรงกันข้ามกับเย่เทียนเขาไม่สนว่ามันจะอันตรายหรือไม่
นอกจากนี้การเข้าสู่เขตแดนลับยังอาจจะทําให้ได้รับผลประโยชน์มากมายทําไมเขาจะไม่ยอมรับข้อเสนอที่ดีเช่นนี้ล่ะ?
แต่เย่เทียนก็ไม่แสดงความตื่นเต้นมากเกิน เขายังคงทําสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เย่วหลิง ผมต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอัจฉริยะที่เป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญของฐานทะเลมารคุณสามารถหามันได้หรือไม่? ยังไงซะพวกเราก็ต้องเข้าสู่เขตแดนลับการได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอัจฉริยะเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่า!”เย่เทียนกล่าว
“ไม่มีปัญหา!” เย่ว์หลิงตอบตกลง
“อีกสามวัน ฉันจะส่งข้อมูลให้คุณ นอกจากนี้อีก 20 วัน เขตแดนลับจะเปิดขึ้นช่วงนี้ทางที่ดีอย่าออกไปไหน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นคุณจะพลาดโอกาส!”
“เข้าใจแล้ว!”
เย่เทียนพยักหน้า
หลังจากส่งเย่วหลังออกไป เย่เทียนก็เริ่มฝึกฝนอีกครั้ง
เหลือเวลาอีก 20 วัน เย่เทียนใช้ 20 วัน ทุ่มเทให้กับการฝึกฝน และมีออกไปเดินเล่นบ้างเป็นบางครั้งเพื่อจะมีโอกาสพบเจอพรสวรรค์ที่ดีจริงๆแล้วในตอนนี้เขาสามารถคัดลอกพรสวรรค์ได้ แล้ว หากไม่พบพรสวรรค์ที่ดีจริงๆเขาก็จะเก็บโอกาสของพรสวรรค์ในการคัดลอกไว้
ถึงอย่างไรอีกยี่สิบวัน เขาจะได้พบกับอัจฉริยะมากมาย และแน่นอนว่าคนเรานั้นต้องมีพรสวรรค์ระดับสูงอย่างแน่นอน หากเขารีบคัดลอกพรสวรรค์ในตอนนี้มันจะต้องรออีก 20 วันถึงจะใช้ได้อีกครั้ง
สามวันต่อมา
เย่วหลิงก็ส่งคนมามอบเอกสารมาหลายสิบหน้า
เย่เทียนค่อยๆพลิกดูข้อมูลเหล่านี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่เย่วหลิงได้จัดอันดับอัจฉริยะเหล่านี้อย่างง่ายๆ ไว้ให้แล้วมิฉะนั้นข้อมูลของอัจฉริยะจํานวนมากขนาดนี้จะทําให้เขาสับสน
“อัจฉริยะแห่งการบ่มเพาะ!” “อัจฉริยะแห่งการต่อสู้!”
อัจฉริยะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก
อัจฉริยะในการบ่มเพาะหมายถึงผู้ที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงกว่าพรสวรรค์ของคนทั่วไป
อัจฉริยะแห่งการต่อสู้หมายถึงอัจฉริยะที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ พวกเขาสามารถบดขยี้นักรบผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดายแม้แต่อัจฉริยะในการบ่มเพาะก็ไม่กล้าล่วงเกินอัจฉริยะเหล่านี้
หากว่าเป็นอัจฉริยะในการต่อสู้และอัจฉริยะในการบ่มเพาะในคนเดียวกันได้ก็เพียงพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
“อัจฉริยะในการบ่มเพาะอันดับหนึ่งของระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญ หยุนเทียน คุณชายสามแห่งตระกูลหยุนคาดว่าจะมีพรสวรรค์ระดับหลุดพ้นอาศัยการฝึกฝนเพียงหนึ่งปีครึ่งสามารถบรรลุถึงจุดสูงสุดของนักรบผู้เชี่ยวชาญ!”
พรสวรรค์ระดับหลุดพ้น!!
เมื่อเย่เทียนเห็นชื่อของพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ เขาเดาว่าพรสวรรค์ระดับหลุดพ้นคือพรสวรรค์ที่เหนือกว่าพรสวรรค์ระดับสุดยอดจากนั้นเขาก็เปิดดูรายชื่อผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ
มีอัจฉริยะเพียงสามคนเท่านั้นที่คาดว่ามีพรสวรรค์ระดับหลุดพ้น
เป็นไปไม่ได้ที่ฐานทะเลมารจะมีผู้มีพรสวรรค์ระดับหลุดพ้นเพียง 3 คน แต่ในระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญในตอนนี้มีข้อมูลเพียง 3 คนเท่านั้นส่วนพรสวรรค์ระดับที่เหนือกว่านั้นอาจจะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลหรือเป็นไปได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นอาจจะไปถึงระดับปรมาจารย์แล้วก่อได้
“น่าเสียดายที่อัจฉริยะทั้งสามนี้ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนง่ายๆ ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาคงจะต้องปกป้องพวกเขาเหมือนกับไข่ในหินอย่างแน่นอนไม่แน่ว่าแม้แต่เขตแดนลับที่เปิดขึ้นในครั้งนี้ก็ไม่ยอมให้อัจฉริยะเหล่านั้นเข้าไป”เย่เทียนเดา
ดังนั้นการจะคัดลอกพรสวรรค์ระดับหลุนพันของอัจฉริยะทั้งสามไม่ใช่เรื่องง่ายแต่แน่นอนว่าเขายังมีโอกาสคัดลอกมัน
นอกจากอัจฉริยะระดับหลุดพ้นสามคนแล้ว ยังมีผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสุดยอดอีกไม่น้อยกว่า 50 คน นี่เป็นเพียงอัจฉริยะในระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ทั่วทั้งขอบเขตฐานทัพทะเลมารที่จํานวนผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดมากมายเมื่อเห็นเช่นนี้เย่เทียนก็ต้องยอมรับว่าพรสวรรค์ของผู้ฝึกยุทธของฐานทะเลมารนั้นสูงกว่าผู้ฝึกยุทธของฐานหลินไฟมากเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์มากนัก และไม่ได้เกี่ยวข้องกับจํานวนประชากรเช่นกันมันสืบเนื่องมาจากพันธุกรรมที่สืบทอดจากบิดามารดา
หากบิดามารดาเป็นผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูง บุตรที่เกิดออกมาก็จะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงเช่นกัน
ฐานทะเลมารพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งต่อพรสวรรค์เหล่านี้จากรุ่นสู่รุ่นทําให้ฐานทะเลมารให้กําเนิดอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์มากมาย
จุดนี้เป็นสิ่งที่ฐานหลินไห่ไม่อาจเทียบได้ และแม้ว่าฐานหลินไห่จะมีอัจฉริยะกําเนิดขึ้นมาอัจฉริยะเหล่านั้นก็จะออกจากฐานหลินไห่และเข้าร่วมกับฐานใหญ่สิ่งนี้ทําให้ฐานขนาดเล็ก ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้
ในระยะสั้นมันเป็นวงจรที่ไม่ได้สลักสําคัญมากนักสําหรับฐานขนาดเล็กแต่สําหรับฐานขนาดใหญ่นี้เป็นเรื่องที่ดีอย่างแท้จริง
“ต่อไปก็ข้อมูลของอัจฉริยะในการต่อสู้!”
เย่เทียนเปิดหน้าเอกสารข้อมูลอัจฉริยะในการต่อสู้และไม่ค่อยอ่านมัน
“อัจฉริยะการต่อสู้ระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่ง: หยุนเฟิง อัจฉริยะจากตระกูลหยุนเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุด คาดว่าเขาจะมีพรสวรรค์คมดาบวายุระดับสูงสุดและพรสวรรค์ด้าน ความเร็วระดับเริ่มต้น!”
“อะไรนะ? พรสวรรค์คมดาบวายุระดับสูงสุด!!!”
เย่เทียนตกตะลึง
พรสวรรค์คมดาบวายเป็นพรสวรรค์ที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้
และด้วยพรสวรรค์ดาบวายุระดับสูงสุดสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้มากกว่า 20 เท่าบวกกับการ โจมตีที่มีพลัง 2 ช่าง และพลังปราณที่สามารถเพิ่มพลังได้อีก 2 เท่าของนักรบผู้เชี่ยวชาญ
หากพูดถึงพลังโจมตี อัจฉริยะอย่างเย่เทียนมีพลังเท่ากับ 27.6 ช้าง
“เราประเมินอัจฉริยะเหล่านี้ต่าไป หยุนเฟิงสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ถึงพลังช้าง 40 ตัวมันรุนแรงกว่าการโจมตีของวานรยักษ์แต่ความเร็วและการป้องกันของหยุนเฟิงไม่ได้ดีเท่าวานรยักษ์ความแข็งแกร่งโดยรวมของเขายังด้อยกว่าวานรยักษ์มาก” เย่เทียนกล่าวเปรียบเทียบ
หากเปรียบเทียบกับหยุนเฟิงแล้ว ข้อได้เปรียบของเขาคือพลังป้องกันความเร็วและพรสวรรค์ในการรักษาอย่างไรเสียเขาก็มีพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับสูงสุดและพรสวรรค์ด้านการป้องกันระดับกลางและพรสวรรค์ในการรักษาระดับสูงสุด แม้ว่าระดับพลังของเขาจะอ่อนแอกว่าหยุนเฟิงแต่ด้วยพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวเขาก็สามารถบดขยี้หยุนเฟิงได้
แต่…
“เราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะสมบูรณ์แบบ หากว่าอัจฉริยะเหล่านั้นซ่อนพรสวรรค์อื่นไว้แล้วละก็ พลังของพวกเขาจะไม่ใช่แค่นี้นะแน่ดูเหมือนว่าในอนาคตเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอัจฉริยะคนอื่นๆเราไม่สามารถดูแคลนคนเหล่านี้ได้เราต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ!”เย่เทียนแอบเตือนตัวเอง
นอกจากหยุนเฟิงแล้ว ยังมีอัจฉริยะในการต่อสู้อีกหลายคนที่ไม่อาจดูแคลนได้ ในหมู่พวกเขามีอัจฉริยะที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ถึงช้าง 30 ตัวนอกจากนี้อัจฉริยะบางคนยังมีพลังที่แปลกประหลาดมากพลังโจมตีของพวกเขาอาจจะไม่มากนัก แต่ความสามารถด้านอื่นๆของพวกเขานั้นไม่เลวเลย
หลังจากใช้เวลาครึ่งวัน เย่เทียนก็เข้าใจเหล่าอัจฉริยะของฐานทะเลมารอย่างคร่าวสิ่งต่อไปคือการรอให้เขตแดนลับเปิดขึ้น
สิบห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างนั้นเย่เทียนทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝน
และในวันนี้เย่วหลิงส่งคนมาเชิญเย่เทียนไปยังตระกูลเย่ว
ในที่สุดก็ได้เวลาเข้าสู่เขตแดนลับแล้ว!