บทที่ 573 ถูกตาต้องใจเขา
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขามองเด็กชายที่กำลังจับกระโปรงของหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตาเขาคุกรุ่นไปด้วยโทสะ “ปล่อยมือ”
เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อย แต่มือยังคงคว้ากระโปรงของหนิงเมิ่งเหยาไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย
“ได้โปรดช่วยข้าด้วยขอรับ ข้าไม่อยากอยู่กับปีศาจพวกนั้น” ดวงตาของเด็กชายเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ราวกับว่าเขาเพิ่งได้เห็นอะไรบางอย่างที่ตนไม่สามารถรับได้มา
เมื่อเห็นสภาพอันน่าสงสารของเด็กชาย หนิงเมิ่งเหยาจึงขมวดคิ้ว นางรู้สึกปวดใจ
นางเป็นแม่คน ดังนั้นเมื่อเห็นเด็กในสภาพนี้ หัวใจของนางจึงร่ำไห้
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” หนิงเมิ่งเหยาก้มหน้ามองเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าตนแล้วถามขึ้นเบาๆ น้ำเสียงอันอ่อนโยนและรอยยิ้มที่มุมปากของหนิงเมิ่งเหยาทำให้เด็กชายเผลอนึกว่าตนได้พบกับเทพธิดา
“ข้างหลังข้า… มีคนกำลังตามล่าข้าอยู่ มันน่ากลัวยิ่งนักขอรับ” ขณะพูดร่างของเขาก็สั่นเทิ้ม ดูท่าทางกลัวคนที่กำลังวิ่งตามตนเองอยู่ยิ่งนัก
เฉียวเทียนช่างใช้ชีวิตอยู่ภายในกองทัพมานานหลายปี เขามีทักษะการอ่านคน แต่เมื่อเขาได้พบกับเด็กคนนี้ เขาได้แต่สงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรและเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สิ่งใดกันที่ทำให้เขาตื่นกลัวได้ถึงเพียงนี้
“ใครตามล่าเจ้าอยู่หรือ เหตุใดจึงต้องกลัวขนาดนี้ด้วยเล่า”
“มัน…”
“ไอ้เด็กเวร แน่จริงก็หนีให้รอดสิ! จับตัวมันมา!” เมื่อเด็กชายทำท่าจะเอ่ยตอบ จู่ๆ น้ำเสียงอันมุ่งร้ายก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ร่างของเด็กชายแข็งค้างไปในทันทีที่เขาได้ยินเสียงนั้น ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความกลัว ดวงตาที่ยังคงหลงเหลือความมีชีวิตชีวาอยู่เล็กน้อยคู่นั้นพลันกลายเป็นว่างเปล่าไปชั่วขณะ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขากลัวเจ้าของเสียงนี้ยิ่งนัก
หนิงเมิ่งเหยามองเด็กชายเบื้องหน้าตนอย่างแปลกใจ จากนั้นจึงมองไปยังคนที่ตามล่าตัวเขา
ชายผู้นั้น… เป็นชายหนุ่มค่อนข้างหน้าตาดี แต่ความชั่วร้ายที่ปรากฏอยู่บนใบหน้านั้นทำลายรูปโฉมของเขาไปจนหมดสิ้น มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเกิดจากการทำตัวเสเพลตามแต่ใจตัวเองเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆ เสื่อมสภาพลงนั่นเอง
กับคนพรรค์นี้ หนิงเมิ่งเหยารู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก “เทียนช่าง ไปกันเถอะ”
ทันทีที่เด็กชายได้ยินว่าพวกนางกำลังจะกลับ ความสิ้นหวังบนใบหน้าของเขาพลันเด่นชัดขึ้น ดวงตาไร้ชีวิตของเขาทำให้หนิงเมิ่งเหยาต้องขมวดคิ้ว
เด็กผู้นี้ต้องทนทรมานจากการกระทำอันไร้ความเป็นมนุษย์เช่นใดกันหนอ เหตุใดเขาจึงแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมาได้ถึงเพียงนี้
“เทียนช่าง…” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง นางเข้าใจสถานการณ์ของพวกตนดีคงจะลำบากนักหากต้องพาเด็กชายไปด้วย แต่นางรู้สึกเศร้าใจเมื่อเห็นดวงตาอันไร้ชีวิตชีวาของเด็กคนนี้
เพียงแค่คิดว่าถ้าคนที่ถูกปฏิบัติเช่นนั้นเป็นบุตรชายของนางขึ้นมาล่ะก็ หนิงเมิ่งเหยาพลันรู้สึกอึดอัดใจ
คนเป็นแม่ล้วนยากจะต้านทานเด็กๆ และหนิงเมิ่งเหยาก็นับว่าเป็นแม่คนผู้หนึ่งแล้ว
เฉียวเทียนช่างยกมือขึ้นบีบแก้มของหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นจึงมองนางอย่างจนปัญญา “ข้าคิดแล้วว่าเจ้าต้องทำเช่นนี้”
“เทียนช่าง…” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกอายเล็กน้อย
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่หนิงเมิ่งเหยา แต่เฉียวเทียนช่างเองก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเขาเห็นเด็กชายแสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมา
หลังจากมีลูก สำหรับเฉียวเทียนช่างแล้วไม่ว่าเด็กคนใดก็นับว่าเป็นเทพบุตรเทพธิดากันทั้งนั้น ดังนั้นเด็กๆ อย่างพวกเขาควรจะมีความสุขและใช้ชีวิตอย่างร่าเริงมากกว่า
เด็กคนนี้อายุเพียงสิบเอ็ดหรือสิบสองปี แต่เขากลับแสดงสีหน้าอันรุนแรงเช่นน้ันออกมาได้ เขาทำให้เฉียวเทียนช่างนึกถึงวัยเด็กของตัวเอง สมัยที่เขารู้สึกสิ้นหวังกับโลกใบนี้
“พาเขาไปกับเราเถอะ”
“เทียนช่าง เจ้าช่างใจดียิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข การได้ช่วยชีวิตเด็กชายผู้นี้เองก็นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งสำหรับนาง
เฉียวเทียนช่างอุ้มเด็กชายขึ้น แล้วทั้งสองก็หันหลังจากไป
ในเวลานั้น คนที่ไล่ตามเด็กคนนั้นตามมาทันพอดี เขาเห็นว่าคนของตัวเองถูกคนแปลกหน้าสองคนพาตัวไป จึงโมโหขึ้นมาในทันที
เมื่อมีคนมาสมทบ เขาจึงเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าทั้งสอง “เด็กคนนี้เป็นของข้า ใครอนุญาตให้เจ้าพาเขาไป คืนเขามาให้ข้าเสีย”
น้ำเสียงอันเย่อหยิ่งของเขาทำเอาเฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ
“คนชั้นต่ำ”
เมื่อครู่คนผู้นั้นยังไม่ทันได้เห็นเฉียวเทียนช่าง แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงคำรามของของเฉียวเทียนช่าง เขาจึงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเขาเห็นเฉียวเทียนช่าง เขาถึงกับตกตะลึง สายตาของเขามองชายหนุ่มผู้หล่อเหลาด้วยดวงตาเหมือนจ้องจะตะครุบเหยื่อ “ข้าชอบเขา”
บทที่ 574 คนที่น่ารังเกียจ
หนิงเมิ่งเหยามองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงมองเฉียวเทียนช่างและเด็กในอ้อมแขนเขา นางไม่แน่ใจจริงๆ ว่าคนผู้นี้พูดถึงใครกันแน่ เขาหมายถึงเฉียวเทียนช่างหรือหมายถึงเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนเขา
“เจ้าหมายถึงใคร” หนิงเมิ่งเหยาเผลอถามออกมา
“แน่อยู่แล้วว่าต้องเป็นเขา” คนผู้นั้นชี้ไปที่เฉียวเทียนช่างแล้วตอบเสียงดังฟังชัด
เด็กตัวน้อยๆ พวกนั้นเทียบกับชายตรงหน้าเขาไม่ติดฝุ่น…
คนผู้นี้ทำให้เขาถึงกับน้ำลายสอ
ใบหน้าของคนที่อยู่รอบๆ เขาบูดบึ้ง บ้างก็ซีดเผือดเมื่อเห็นคนแปลกหน้าผู้นั้น ชายหนุ่มรูปงามหลายคนรีบซ่อนตัวอย่างรวดเร็วราวกับที่แห่งนี้มีโรคระบาดอยู่
ชายผู้นี้เป็นลูกศิษย์ของปุโรหิต เขาใช้ชื่อของผู้เป็นนายทำทุกอย่างตามอำเภอใจของตน
นามของเขาคือซ่งรุ่ย เขาไม่ชอบสตรี แต่รักใคร่ในตัวบุรุษและเด็กๆ
เด็กๆ ท่าทางบอบบางภายในเมืองแห่งนี้ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขาทั้งสิ้น มิหนำซ้ำบางรายยังถึงกับถูกโยนทิ้งไว้ในที่รกร้างจนหาซากศพไม่เจอ
หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาแล้วจึงกะพริบตาซ้ำอีกครั้ง สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้นว่า “เทียนช่าง มีคนชอบเจ้า มิหนำซ้ำยังเป็นผู้ชายด้วย”
หนังตาของเฉียวเทียนช่างกระตุก เขายื่นมือไปโอบหนิงเมิ่งเหยา “อย่าพูดจาไร้สาระ”
“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ เขาพูดเองกับปาก” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างอย่างไร้เดียงสา บอกเป็นนัยว่านางบริสุทธิ์
ซ่งรุ่ยเห็นชายหนุ่มที่ตนถูกใจกับหญิงอื่นกำลังทำท่าราวกับคู่รักทะเลาะกันเรื่องเขา ใบหน้าของเขาพลันน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาในทันที สีหน้าของเขายามมองหนิงเมิ่งเหยานั้นดูอาฆาตมาดร้ายยิ่งนัก “พ่อหนุ่ม ข้าต้องการเจ้า หากฉลาดก็ตามข้ามา”
เฉียวเทียนช่างไม่แม้แต่จะปรายตามองซ่งรุ่ย ด้วยกลัวว่าหากเขายังขืนมองซ่งรุ่ยต่อไป เขาจะเผลอบีบคอคนผู้นี้เข้า
“เหยาเหยา เรากลับกันเถอะ จะได้ให้หมอมาดูอาการเด็กคนนี้ด้วย” เฉียวเทียนช่างพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อให้ตนเองดูปกติที่สุด แต่เส้นเลือดที่เต้นตุบๆ อยู่บริเวณมือของเขาทำให้หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะออกมา
“เหยาเอ๋อร์ ข้าว่าเมื่อกลับไปเราคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องเสียหน่อยแล้วกระมัง” เขาเอ่ยขึ้นพลางพยักหน้าเป็นจริงเป็นจัง ท่าทางชั่วร้ายของเฉียวเทียนช่างทำให้หนิงเมิ่งเหยาระแวง
“คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน”
เฉียวเทียนช่างไม่สนใจหนิงเมิ่งเหยา เขาก้มหน้าลงมองดวงตาที่ปิดสนิทของเด็กชาย แล้วจึงอดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ “กลับกันก่อนเถิด”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่สนใจตนเอง ซ่งรุ่ยก็เริ่มโกรธ “ใครก็ได้ มานี่สิ! หยุดพวกเขาเอาไว้! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร พี่สาวของข้าเป็นถึงพระชายาแห่งเหมียวเจียงเชียวนะ” เขามองทั้งสองอย่างเหนือกว่า
เขาคิดว่าคงจะได้เห็นสีหน้าอันลนลานจากคนทั้งสอง แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขากลับเห็นว่าทั้งสองคนมองเขาด้วยสายตาอันแปลกประหลาดยิ่งนัก
“เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับพระชายาแห่งเหมียวเจียงหรือ แล้วนางยังเป็นพี่สาวของเจ้าอีก พระชายามีน้องชายเช่นเจ้าได้อย่างไร” ท่าทางสะอิดสะเอียนของหนิงเมิ่งเหยาทำให้ซ่งรุ่ยรู้สึกโกรธขึ้นมา
ซ่งรุ่ยจ้องหนิงเมิงเหยาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “เจ้าเป็นภรรยาของชายผู้นี้หรือ หากเจ้าทิ้งเขาไปเสีย นายท่านของข้าอาจจะยอมไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ หาไม่แล้ว… อย่าโทษว่าข้าไม่กรงใจก็แล้วกัน”
หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาแล้วมองซ่งรุ่ยด้วยท่าทางสงสัย “ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเจ้าจะทำอะไร”
“รนหาที่ตาย ใครก็ได้ ฆ่าหญิงผู้นี้ซะ!” ซ่งรุ่ยออกคำสั่ง
ผู้ติดตามของซ่งรุ่ยล้วนเคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน แต่พวกเขาถูกลิขิตมาให้พ่ายแพ้เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉียวเทียนช่างกับภรรยา
เมื่อมองผู้คนรอบกายที่กำลังลับมีดสั้นในมือ หนิงเมิ่งเหยากลับมีรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก นางอุ้มเด็กชายไว้ขณะถีบชายผู้หนึ่งที่กระโจนเข้ามาหาตน
เมื่อเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ซ่งรุ่ยพลันหยิบเอาของบางอย่างออกมา ทว่าในวินาทีที่เขาคิดจะใช้มันกับหนิงเมิ่งเหยา ความเจ็บปวดอันรุนแรงบริเวณท่อนล่างก็แล่นปราดเข้ามาเสียก่อน
“อ๊า…!” เขาโยนของที่อยู่ในมือออก ก่อนใช้สองมือจับอวัยวะท่อนล่างของตนพลางร้องออกมาเสียงดัง
“เจ้า…!”
“พี่สาวข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” ซ่งรุ่ยแทบไม่เชื่อว่าอวัยวะส่วนนั้นของเขาจะยังใช้การได้ดีอยู่หรือไม่หวังว่ามันจะไม่ก่อปัญหาจนทำให้นกเขาของเขาไม่แข็งหรอกนะ
หนิงเมิ่งเหยายิ้มหยันแล้วมองซ่งรุ่ยที่ตัวงอ สองมือปกป้องท่อนล่างของตนเอาไว้ นางเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย “กล้ามาเกี้ยวผู้ชายของข้า ข้าไม่คิดจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรอกนะ”