ตอนที่ 539 ขอเป็นตัวสำรอง
“สมแล้วที่คุณชายเผยเป็นนักธุรกิจ มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจในพริบตา”
นัยน์ตาดำขลับของเผยอวิ๋นเจ๋อสอดส่ายมาทางเธอปราดหนึ่งด้วยแววตานิ่งเรียบ
“ถูกใจของชิ้นไหนแล้วหรือเปล่า เดี๋ยวผมจะประมูลให้คุณ”
เฉินฝานซิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหลับตาปี๋อย่างจนปัญญา
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณชายเผย ฉันมีเงินของฉันเอง”
“ถือซะว่าเป็นการชดเชยที่ไม่ได้มอบกุหลาบให้คุณ”
“…ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
เฉินฝานซิงรู้สึกหมดคำพูด เธอจ้องหน้าหล่อเหลาของเผยอวิ๋นเจ๋ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถามออกมาด้วยควาสงสัยอย่างอดไม่ได้
“คุณชายเผย คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
เผยอวิ๋นเจ๋อยกยิ้มมุมปาก แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพียงแต่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จีบคุณไง”
เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปาก “คุณชายเผยอย่าล้อกันเล่นดีกว่าค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันพูดกับคุณไปชัดเจนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็รับรู้ไม่ได้เลยว่าคุณชอบฉันตรงไหน ถ้าหากเพียงแค่ยั่วโมโหป๋อจิ่งชวน…”
ไม่รอให้เฉินฝานซิงพูดขบ เผยอวิ๋นเจ๋อก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาดำสนิททอดมองไปทางเธอด้วยความลึกซึ้ง
“ดูเหมือนคุณจะมองว่าผมว่างเกินไปแล้ว”
“…ถ้างั้นคุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอมั่นใจว่าเผยอวิ๋นเจ๋อไม่ได้ชอบเธอ เธอก็คงไม่ซักเขาแบบนี้
เผยอวิ๋นเจ๋อลืมตาขึ้นมามองไปทางเธอ ใบหน้างดงามค่อยๆ เข้าใกล้เธอเล็กน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ดังขึ้น
“ทำไมต้องรีบร้อนตัดความสัมพันธ์กับผมขนาดนี้ด้วย จะทำเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ไม่ได้เหรอ ที่ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ปฏิเสธน่ะ แบบนี้คุณเองก็จะได้มีตัวเลือกสำรองไว้ตลอดเวลา หากวันไหนเจอปัญหาก็จะได้หันมาให้ผมช่วย แบบนี้คุณก็จะได้มีทางออกอีกทางไม่ใช่เหรอ”
ได้ยินดังนั้น เฉินฝานซิงพลันมองเผยอวิ๋นเจ๋อด้วยความตกตะลึง สีหน้าเหลือเชื่อ
เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าผู้ชายหนึ่งคนจะมาเสนอตัวเป็นตัวเลือกสำรองแบบนี้ได้
ผู้ชายปกติทั่วไปต่างก็รับเรื่องนี้ไม่ได้ทั้งนั้น นับประสาอะไรกับผู้สืบทอดกิจการใหญ่โตของเครือธุรกิจเผยซื่อ
ถ้าหากบอกว่าเขาเป็นเหมือนกับพระรองในนิยายหรือซีรีส์รักหวานซึ้งที่รักนางเอกจนสุดหัวใจ รักจนทำทุกอย่างเพื่อนางเอกได้ รักจนยอมลดศักดิ์ศรีปกป้องนางเอกไว้ข้างกายอย่างเงียบๆ แบบนั้นได้ก็คงจะดี
แต่นี่เผยอวิ๋นเจ๋อดูเหมือนจะไม่เหมาะกับคำว่า “รักลึกซึ้ง” หรือ “ลดศักดิ์ศรี” เลยสักนิด
รักเธอจนยอมเป็นตัวสำรองงั้นเหรอ
เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ขอโทษนะคะ คุณชายเผย จะให้ฉันมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับผู้ชายอีกคนหนึ่งในขณะที่มีคนรักอยู่แล้ว ฉันทำไม่ได้หรอก”
เผยอวิ๋นเจ๋อเบ้ปากน้อยๆ “ไม่เป็นไร คุณปฏิเสธได้เต็มที่เลย คนอย่างผม ยิ่งล้มเหลวยิ่งกล้าหาญ”
“คุณ…”
คิ้วเรียวสวยของเฉินฝานซิงขมวดมุ่น นอกจากป๋อจิ่งชวน เผยอวิ๋นเจ๋อก็เป็นผู้ชายอีกคนที่เธอไม่อาจต่อต้านได้เลย
การประมูลใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ตอนที่ป๋อจิ่งชวนถูกผู้คนรุมล้อมเบียดออกมาอีกรอบก็ได้เห็นเฉินฝานซิงกับเผยอวิ๋นเจ๋อนั่งอยู่ด้วยกันพอดี ทั้งคู่กำลังมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันอยู่
คิ้วของเขาพลันกระตุกเล็กน้อย ทำเอาผู้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกใจกลัวจนพากันก้มตัวลง
เขาเดินตรงดิ่งไปทางเฉินฝานซิง
“เอ่อ ประธานป๋อ พวกเราเตรียมที่นั่งสำหรับคุณไว้โดยเฉพาะ…”
เจ้าภาพจัดงาน Red carpet เห็นป๋อจิ่งชวนกำลังย่างสามขุมไปยังที่นั่งแถวแรกจึงรีบวิ่งเข้าไปบอก ผลก็คือป๋อจิ่งชวนไม่สนใจอะไรเลย
และในขณะนั้นเองที่นั่งแถวแรกเหลือที่ว่างเพียงที่เดียว ซึ่งเป็นที่นั่งริมขวาสุด
ที่นั่งของเฉินฝานซิงตอนนี้เป็นตำแหน่งที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจมากนัก แต่ก็อยู่ค่อนไปทางซ้าย ซึ่งหากนับแล้วก็คือที่นั่งลำดับที่หกจากทางซ้าย
สถานที่จัดงานประมูลใหญ่ ที่นั่งเพียงแค่แถวเดียวก็มีเก้าอี้ถึงยี่สิบตัว
ตอนที่ 540 เดินทางมาไกลพันลี้เพื่อรนหาที่
สถานที่จัดงานประมูลใหญ่ ที่นั่งเพียงแค่แถวเดียวก็มีเก้าอี้ถึงยี่สิบตัว
ป๋อจิ่งชวนท่าทางสูงเกียรติและน่าเกรงขาม สีหน้านิ่งขรึม ทั้งตัวมีไอเย็นแผ่ซ่านออกมาตามตัวเขา
ทุกคนต่างก็ถอยห่างจากชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ดูไม่ธรรมดาคนนี้
เมื่อรู้สึกได้ว่าป๋อจิ่งชวนกำลังมา เฉินเชียนโหรวตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบทักทายคนที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะจงใจขยับออกมาทำให้เหลือที่หนึ่งที่ตรงกลางระหว่างเธอกับซูเหิง
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ที่นั่งเดียว ป๋อจิ่งชวนไม่มีทางเลือก
แบบนี้เธอก็จะสามารถเข้าใกล้ป๋อจิ่งชวนได้มากขึ้น ทั้งยังหลีกเลี่ยงข้อสงสัยได้ด้วย ถือโอกาสนี้ให้ซูเหิงได้กระชับความสัมพันธ์กับป๋อจิ่งชวน
การกระทำของเธอดูจงใจเกินไป ซูเหิงเดิมทีก็คือคู่หมั้นของเธออย่างเปิดเผย การไปไหนมาไหนด้วยกันถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้
จะมีเหตุผลอะไรที่ให้คนอีกคนมาแทรกกลางระหว่างพวกเขาสองคน
แต่คนที่มีความคิดสักหน่อยต่างก็ดูแผนการเหล่านั้นของเฉินเชียนโหรวออก สมัยนี้ มีใครบ้างที่จะไม่มีแผนการแอบแฝงอยู่เลยสักนิด
เมื่อเห็นว่ามีเพียงแค่ที่นั่งนั้นที่เดียวที่นั่งได้ หลายคนก็พากันอิจฉา
“ประธานป๋อ ตรงนี้…”
เฉินเชียนโหรวที่เห็นป๋อจิ่งชวนเดินเข้ามาก็ส่งเสียงอ่อนโยนทักทายป๋อจิ่งชวน อยากจะให้ป๋อจิ่งชวนนั่งลง ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง เดินตรงดิ่งไปตรงหน้าเฉินฝานซิง
ก้มมองเธอลงไปจากตำแหน่งที่อยู่สูงกว่าด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อสัมผัสได้ว่าป๋อจิ่งชวนมา เฉินฝานซิงก็เงยหน้าขึ้นมา พลันหันมาสบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้าอย่างจัง ความชาซาบซ่านขึ้นมาตามกระดูกสันหลังจนถึงสมอง
ปากของเธอเผยอเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยธรรมชาติ
สายตาแน่นิ่งของป๋อจิ่งชวนจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนัยน์ตาดำสนิทก็เลื่อนไปด้านข้าง หรี่ตามองจี้อี้ที่นั่งอยู่ข้างเฉินฝานซิงด้วยความเฉยชาปราดหนึ่ง
ถูกจ้องแบบนี้ จี้อี้ก็รู้สึกตื่นกลัวจนนั่งไม่ติดในชั่วพริบตา
ในระหว่างที่เธอกำลังลังเลว่าจะลุกขึ้นมาแล้วยกที่นั่งให้เขาดีไหมนั้น สายตาของป๋อจิ่งชวนก็หันไปทางขวามือสุดอีกครั้ง แล้วหยุดตรงตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างเฉินเชียนโหรวและซูเหิง
เพียงสายตาเดียว ก็แสดงให้เห็นถึงคำสั่งที่บอกว่า ‘ลุกขึ้นให้ข้านั่งเดี๋ยวนี้’
คนที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือของซูเหิงรีบพูดกับซูเหิงเสียงเบา “รบกวนคุณขยับไปทางนั้นที่หนึ่งด้วย ขอบคุณ”
ซูเหิงขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ยังคงเลือกที่จะรักษาหน้าคนนั้นไว้แล้วขยับไปยังตำแหน่งที่ว่างอยู่
ดังนั้นตรงที่นั่งแถวหน้า คนที่นั่งเก้าอี้ถัดจากเฉินฝานซิงไปสิบสี่ตัวต่างก็พากันขยับไปทางขวาอีกหนึ่งที่
ต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่นั่งแถวหน้าส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีชาติตระกูลที่ดีที่สุด ตอนนี้แต่ละคนกำลังเลื่อนที่นั่งให้โดยไม่มีการตัดพ้อเลยสักนิด ภาพเหตุการณ์นั้นช่างเป็นอะไรที่น่าทึ่งจนไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบ
ท้ายที่สุด จี้อี้ก็ถูกอินรุ่ยเจวี๋ยดึงไปทางที่นั่งถัดไปทางขวาอีกหนึ่งตำแหน่ง เว้นที่ว่างข้างเฉินฝานซิงได้สำเร็จ
ผู้คนทั้งงานต่างก็จ้องมองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความตกตะลึง
สมแล้วที่เป็นผู้ควบคุมกิจการในเครือป๋อซื่อ ออร่าแบบนี้ไม่มีใครเทียบ
แต่ว่า เขาทำให้เป็นเรื่องราวเอิกเริกใหญ่โตขนาดนี้ เพียงเพื่อ…
ตำแหน่งที่ไม่ได้อยู่ตรงกลางและไม่ได้สำคัญที่เดียวอย่างนั้นเหรอ
สายตาของทุกคนล้วนแต่เต็มไปด้วยความสงสัยพลางมองตามสายตาของป๋อจิ่งชวนไปทางเฉินฝานซิง
เฉินฝานซิงถูกจับจ้องจนรู้สึกอึดอัดไปหมด สุดท้ายจึงลองขยับไปยังเก้าอี้ทางขวาที่ว่างอยู่หนึ่งตำแหน่งเป็นการหยั่งเชิง
สีหน้าของป๋อจิ่งชวนจึงดูดีขึ้นมาบ้าง ก่อนจะโน้มตัวลงนั่งลงในตำแหน่งเดิมของเฉินฝานซิง
แยกเฉินฝานซิงและเผยอวิ๋นเจ๋อออกจากกันได้สำเร็จ
เผยอวิ๋นเจ๋อแหงนขึ้นมามองเขาด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลุ่มลึก
“คุณมาไม่ถูกเวลาจริงๆ”
ป๋อจิ่งชวนชำเลืองไปมองทางเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง “คุณเดินทางมาไกลเป็นพันลี้เพื่อหาเรื่องโดนต่อยงั้นเหรอ”