บทที่ 315 ตัวคนเดียว

คู่ชะตาบันดาลรัก

ซื้อกำลังคน หากองคาราวาน อาสวนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย

อาหว่านแค่นหัวเราะ “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ไร้การพัฒนา! หญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ของเกาถางดีที่สุด ม้าที่เลี้ยงแข็งแรงที่สุด แค่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”

หนิงซิวเลิกคิ้วเขาคิดอย่างรอบคอบแล้วถามนาง “ท่านคิดจะทำอะไร”

หมิงเวยมองไปด้านนอก “เรามาสร้างวังกันเถอะ! คุณชายหยางจะอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไรกันเจ้าคะ”

การสร้างวังไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนอื่นพวกเขาต้องมีเงินก่อนจากนั้นต้องมีกำลังคน และต้องซื้อวัสดุก่อสร้าง ต้องมีการหมุนเวียนสินค้าถึงจะมีกองคาราวานเข้ามา

หากมีรายได้ก็สามารถจ้างกำลังคนที่แข็งแรงได้ ด้วยวิธีนี้สนามเลี้ยงสัตว์เกาถางก็จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

เกาถางเป็นสถานที่ที่ดีมากแม้จะอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่แคบยาว โดยมีกองทหารซีเป่ยประจำการอยู่ทั้งสองด้าน มีพ่อค้าหูจากเว่ยตะวันตกที่มักจะมาทำการค้า และยังมีพ่อค้าจากทางฉีเหนืออีกด้วย

เกาถางค่อยๆ กลายเป็นตลาดชายแดนที่ใหญ่ที่สุด และสนามม้าก็เริ่มเสื่อมลง

ม้าออกศึกไม่ดีประสิทธิภาพการต่อสู้ของทหารม้าก็ลดลงเช่นกัน ตั้งแต่นั้นมากองทัพซีเป่ยซึ่งครั้งหนึ่งเคยเปรียบเสมือนหมาป่า และพยัคฆ์ก็ได้ค่อยๆ อ่อนแอลง และดูไม่มีความเป็นกองทัพที่เคยรบนับร้อยครั้งอีกต่อไป

สำหรับฉีเหนือแล้วการรักษาเกาถางให้บริสุทธิ์จะเป็นการดีกว่า แต่ตอนนี้พวกเขาหาที่ตั้งหลักได้แล้วเหลือเพียงออกแรงให้ดีที่สุดเพื่อให้ใช้งานได้มากขึ้น

ตอนนี้ยังมีฟู่จินอยู่ในเมืองหลวง ตราบใดที่ที่แห่งนั้นไม่เหมาะให้หยางชูย่างเท้าเข้าไป พวกเขาก็จะสามารถอยู่ที่เกาถางได้เป็นเวลานาน เพราะฉะนั้นขอเพียงจัดการให้ดีก็เพียงพอแล้ว

“คุณชายขอรับ”

หนิงซิวและหมิงเวยดูเหมือนจะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว อาสวนจึงมองคุณชายของตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

หยางชูยิ้ม “ให้พวกท่านอยู่สถานที่เช่นนี้ดูไม่ยุติธรรมจริงๆ”

หมิงเวยพยักหน้า และหยิบตั๋วเงินกองหนาออกมา “อาสวน พรุ่งนี้เจ้าเข้าไปในเมืองเพื่อกระจายข่าว พวกเราต้องการพ่อค้าจำนวนมากเพื่อจัดหาสินค้า และต้องใช้แรงงานจำนวนมากด้วย”

อาสวนพูด “แม่นางหมิง พวกเราก็พกเงินมาจำนวนมากเช่นกันขอรับ”

หมิงเวยยิ้มและโบกมือ “วางใจเถอะ เงินที่พวกเรานำมาด้วยยังมีอยู่มากไม่มีทางใช้จ่ายหมดหรอก ยิ่งไปกว่านั้นกิจการในเมืองหลวงข้าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ภายในระยะเวลาหนึ่งปีหรือปีครึ่ง เส้นทางการค้าของพวกเขาจะมาถึงที่นี่พวกเราไม่ขาดเงินแน่นอน”

อาสวนเหลือบมองหยางชูแล้วรับตั๋วเงินมา “ขอรับ…”

ในระหว่างที่พวกเขาพูดคุยถึงรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่นั้น เนื้อที่ตัวฝูและเสี่ยวถงย่างก็เสร็จเรียบร้อย ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมรับประทานอาหารมื้อใหญ่ด้วยกัน

เมื่อทานอิ่มแล้วท้องฟ้าก็เริ่มมืด

หนิงซิวกลับไปพักผ่อน เสี่ยวถงช่วยตัวฝูทำความสะอาดเรือน อาหว่านนั่งลงที่ระเบียงพลางฟังเสียงคนจากคอกม้าด้วยความงุนงง

อาสวนที่เสร็จจากหน้าที่เห็นนางพิงเสาทำท่าทางเหมือนคนหลุดเข้าไปในโลกจินตนาการของตนเอง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่งข้างกายนาง

“แม่นางหมิงไม่มาเจ้าไม่พอใจ พอนางมาเจ้าก็ไม่พอใจอีกหรือ”

อาหว่านเหลือบมองเขานางเอนศีรษะไปพิงเสาแล้วพูดอย่างเฉื่อยชาว่า

“ข้าไม่ได้ไม่พอใจ”

อาสวนพยักหน้า “เจ้าทำท่าทางหมดอาลัยตายยากถึงเพียงนี้ยังบอกว่าไม่ได้ไม่พอใจอีกหรือ” เป็นเรื่องยากสำหรับอาหว่านที่จะเถียงกับเขานางจึงเอาหัวโขกเสาต่อ

อาสวนทำได้เพียงดึงนางขึ้นมา “เจ้าโขกหัวไปเช่นนี้เดี๋ยวผมก็ยุ่งเอาหรอก”

เขาคิดในใจว่าคนน่าเกลียดได้ แต่ผมไม่สามารถยุ่งได้

อาหว่านนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “อาสวน เจ้าเข้าใจความรู้สึกนั้นหรือไม่ เรื่องที่ข้าคิดมาหลายปีแล้วแต่ไม่กล้าทำ แต่เพราะคนน่ารังเกียจผู้หนึ่งกลับทำให้มันเป็นจริงได้”

อาสวนคิดตาม “เจ้าพูดถึงแม่นางหมิงหรือ”

อาหว่านกอดเข่าเงยหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้า “ข้ารู้ว่านางคิดจะทำอะไร นางเดินทางมาตั้งไกลถึงที่นี่ พกคนและเงินมาจำนวนมาก อีกทั้งยังบอกอีกว่าจะสร้างวัง…” นางชะงักแล้วพูดเสียงเบา “นางต้องการไม่ให้คุณชายถูกผู้อื่นควบคุม”

นางไม่อยากพูดละเอียดกว่านี้ แต่อาสวนเข้าใจในสิ่งที่นางพูด

“เจ้า…”

“เรื่องนี้พูดได้ระหว่างเราสองคนเท่านั้น” อาหว่านพูดเสียงเบา “ก่อนที่คุณชายจะมีอำนาจมากพอพวกเราต้องไม่ให้ผู้อื่นเห็นเจตนาของพวกเรา”

อาสวนหัวเราะและเคาะหน้าผากนาง “วางใจเถอะ ข้าไม่ได้โง่”

อาหว่านมองเขาด้วยแววตาไหววูบ “อาสวน เรื่องสำคัญเพียงนี้เจ้าไม่กังวลเลยหรือ”

อาสวนตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าแซ่หยาง ความตั้งใจของคุณชายคือภารกิจของข้า”

เขามองอาหว่านและพูดเสียงเบา “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ จู่ๆ คุณชายก็ถูกส่งเข้าคุกหลวง เรื่องนี้ต้องมีเหตุผลเบื้องหลังชวนให้คิดแน่ แม้แต่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงยังไม่คัดค้านแสดงให้เห็นว่าในเมืองหลวงไม่มีที่สำหรับคุณชาย ในเมื่อไม่มีทางพวกเราจึงทำได้เพียงหาหนทางอื่นอย่างไม่ลังเล”

อาหว่านมองเขาด้วยความประหลาดใจ และในที่สุดนางก็หัวเราะเบาๆ ออกมา “อาสวน เจ้าต้องประสบความสำเร็จในอนาคตแน่” ตอนแรกนางคิดว่าอาสวนคงรับไม่ไหว แต่เขากลับตัดสินใจไว้นานแล้ว

อาสวนลูบผมนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “สำเร็จหรือไม่ข้าไม่คิดมาก แค่หวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับทุกคนก็พอ หากมีผู้ใดคิดจะทำลาย พวกเราคงต้องล้มอีกฝ่ายลงก่อน!” อาหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่นพวกเขามีศัตรูแค้นร่วมกัน

หลังพูดคุยเรื่องนี้กันเรียบร้อยสายตาของอาหว่านมองไปที่ห้องของหยางชู

ไฟห้องยังสว่างอยู่มีเงาคนเดินผ่านเป็นครั้งคราว กลางดึกเช่นนี้ชายหญิงอยู่ห้องเดียวกันไม่น่าสงสัยเลยสักนิด อาหว่านคิดอย่างขุ่นเคือง

“เดี๋ยวเจ้าจะทำอะไร” อาสวนรั้งอาหว่านที่ก้มตัวถอดรองเท้าแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องนั้น

“เงียบหน่อย!” อาหว่านทำมือให้อีกฝ่ายเงียบ “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่”

“….”

อาหว่านพูดอีกว่า “นางมีสัญญาหมั้นหมาย และยังไม่ได้ถอนหมั้น ข้าไม่สามารถปล่อยให้คุณชายทำเรื่องผิดได้” อาสวนลังเลพอเขาคลายมือลงอาหว่านก็เดินผ่านไปเสียแล้ว

…………

ในตอนนี้ชายหญิงที่อยู่ร่วมกันในห้องกำลังเปิดกล่องขนาดใหญ่เพื่อออกความคิดเห็น กล่องเหล่านี้เป็นสัมภาระที่หยางชูนำมา

หมิงเวยหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วทาบกับตัวเขา “พรุ่งนี้ท่านใส่ตัวนี้เถอะ ช่วงนี้ท่านทำร้ายตัวเองมากไปหน่อยแต่งตัวล้าหลังไปแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะฟื้นฟูความเป็นคุณชายของท่านเอง ชุดขี่ม้าก็พยายามแต่งให้งดงามขึ้นหน่อยนะเจ้าคะ”

“ได้” ไม่ว่านางจะพูดอะไรเขาก็ว่าดีหมด

เขานั่งอยู่ที่โต๊ะมองดูนางเดินไปรอบๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องไม่ละสายตาไปไหน หมิงเวยรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่ถูกเขาจ้องมองเช่นนี้ นางยกเท้าขึ้นปิดกล่องทีละกล่องแล้วนั่งถัดจากเขา

“ท่านดูมาทั้งคืนแล้วไม่เหนื่อยหรือ”

เขาส่ายหน้า “ให้ดูถึงคืนพรุ่งนี้ก็ไม่เหนื่อย”

หมิงเวยคว้ามือของเขา และลูบผิวหนังหยาบกระด้างบนฝ่ามือนั้น “ท่านรู้ว่าข้าคิดจะทำอะไรใช่หรือไม่” หยางชูพยักหน้า

“ปล่อยให้ข้าทำเช่นนี้ เพราะท่านเห็นด้วยกับเส้นทางนี้เอง หรือเพียงแค่สมยอมให้ข้าเจ้าคะ”

หยางชูตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทั้งสองอย่าง แต่ตอนนี้ปัจจัยที่เกี่ยวกับท่านมีมากกว่า ข้ารู้สึกว่าหากต้องไปถึงจุดนั้นจริงๆ มันคงจะดีกว่าหากมีทางเลือกหลายทางมากกว่านี้”

หมิงเวยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ นางก็ต้องเลิกคิ้วแล้วเป่าปากดับเทียนบนโต๊ะ

“ท่าน…”

หยางชูยังไม่ทันเอ่ยก็ถูกมือของนางปิดไว้เสียแล้ว