บทที่ 316 ในความมืด

คู่ชะตาบันดาลรัก

ฝ่ามือนุ่มปิดริมฝีปากของเขา หยางชูนึกถึงคืนนั้นที่เขาถูกแสงจันทร์ร่ายมนต์สะกดจิตให้อยากจุมพิตนาง แต่ผลลัพธ์ก็คือสิ่งที่เขาได้จุมพิตนั้นกลับเป็นฝ่ามือของนางแทน

หากมีการจัดอันดับตามระดับความสุขในทุกๆ วัน คืนนั้นจะต้องอยู่ในสามอันดับแรกเป็นแน่ ขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หมิงเวยก็เอนกายพูดเบาๆ ข้างหูเขาว่า “ท่านอย่าส่งเสียงดังเจ้าค่ะ”

หืม…สติของหยางชูกลับคืนมา และพบว่ามีใครบางคนอยู่ข้างนอก…

ในช่วงเวลาที่ไฟดับลงนั้นอาหว่านแทบจะพุ่งเข้าไปทันที โชคดีที่อาสวนดึงนางกลับไปหลบหลังเสาได้ทัน

“เจ้าจะทำอะไร” เขาถามเสียงเบา

“ดับไฟ พวกเขาดับไฟแล้ว!” อาหว่านพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาคิดจะทำอะไรนี่มันเกินไปแล้ว! ไม่ได้ๆ ข้า…”

อาสวนถอนหายใจ “ถึงอย่างนั้นเจ้าก็พรวดพราดเข้าไปไม่ได้! สิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำคุณชายรู้ดีอยู่แก่ใจ แม้เขาจะทำจริง แต่การที่เจ้าบุกเข้าไปเช่นนี้จะทำให้เขารำคาญเสียเปล่าๆ”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร! แม้คุณชายอดทนได้ แต่หากนางคอยยั่วยวนอยู่ข้างกายเขายังจะทนต่อได้อีกหรือ”

อาสวนคิดตาม นี่ก็มีเหตุผล! หนุ่มเลือดร้อนหากถูกกระตุ้นมากเข้า อาสวนที่อยู่ในวัยเดียวกันจึงเข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี…แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไปจับกุมการลักลอบเป็นชู้ของคุณชายได้

“ถึงอย่างนั้นเจ้าก็เข้าไปไม่ได้เรื่องนี้ผู้ที่เสียหายเป็นฝ่ายหญิง ถ้าแม่นางหมิงไม่ต่อต้านเจ้าจะใจร้อนไปทำไม”

“ข้า…”

“อีกอย่างแม่นางหมิงเดินทางมาตั้งไกลถึงที่นี่เพื่ออะไร เจ้าไม่รู้หรือ คุณชายเกรงว่าจะไม่กลับเมืองหลวงอีกนานเจ้าคิดจะให้เขาครองโสดไปตลอดหรืออย่างไร!”

“แต่นางยังไม่ได้ถอนหมั้น!” อาหว่านนึกถึงเรื่องนี้ก็หัวร้อน “คู่หมั้นนางยังอยู่ที่นั่น แต่กลับมามีความสุขกับคุณชายมันเรียกว่าอะไรกัน! คุณชายไม่กลายเป็นชายชู้ในความลับหรอกหรือ”

อาสวนพยายามรั้งนางอย่างสุดความสามารถ “ถึงอย่างนั้นคุณชายก็มีความสุข เจ้ามีวิธีอื่นงั้นหรือ”

อาหว่านชะงักอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกเศร้าใจกับการแสดงออกที่มีความสุขของเขา

ใช่ เขามีความสุข นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย

นี่มันเกินไปจริงๆ!

“พวกเรากลับกันเถอะ” อาสวนคิดจะพานางกลับ

อาหว่านส่ายหัวอย่างดื้อรั้น “ไม่! แม้จะไม่มีวิธีอื่น แต่ข้าจะคอยเฝ้าดูพวกเขาไว้!” แล้วนางก็เดินออกไปอีกครั้ง อาสวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามนางเพื่อคอยรั้งนางยามสติหลุดไปชั่วขณะ

หมิงเวยที่อยู่ภายในห้องหัวเราะเมื่อเห็นเงาคนที่หน้าต่างสั่นไหวนางจึงวางมือบนไหล่หยางชูแล้วเอนกายแนบชิดเขา

หยางชูรู้ว่ามีคนอยู่ด้านนอกเขาตกใจที่ถูกนางจู่โจมอย่างกะทันหัน ร่างกายอันอ่อนนุ่มแนบชิดกับอกของเขา ใบหน้างามฝังอยู่บนไหล่เรือนผมสีดำเรียบลื่นกำลังถูแก้มของเขา อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของร่างกายจางๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่

เขาอ้าปากค้าง รู้สึกปากและลิ้นของตนแห้งผาก “ท่าน…”

“ท่านเงียบก่อน!” หมิงเวยเหลือบมองที่หน้าต่างเพื่อให้แน่ใจว่ามีคนกำลังมองอยู่ในนั้น จากนั้นก็งอข้อศอกกระแทกกับโต๊ะ

อาหว่านที่แอบอยู่นอกหน้าต่างเพราะภายในห้องมืดเกินไปจึงไม่เห็นว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็รู้ตำแหน่งทันที และเห็นเงาของหมิงเวยสั่นไหวเล็กน้อย

เงาทั้งสองซ้อนทับกันเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังกอดกัน

ไร้ยางอาย! ที่แท้อาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่สังเกตแอบกินเต้าหู้กัน

หมิงเวยได้ยินเสียงกัดฟันเบาๆ ก็อยากจะหัวเราะ จากนั้นก็ใช้ทั้งตัวอิงแอบแนบชิดเขา นางจึงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสมบูรณ์

อาหว่านมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนางเห็นเพียงสองแขนที่โอบรอบก็โกรธมากจนอยากจะบุกเข้าไป อาสวนจะปล่อยให้นางทำเช่นนั้นได้อย่างไรเขาดึงนางให้ออกห่างจากหน้าต่างอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เจ้าจะทำอะไร” อาหว่านโกรธจัด

“ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้าจะทำอะไร” อาสวนถามเสียงขรึม “คิดจะจับการลับลอบกัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรไปจับการลับลอบของคุณชาย อย่าได้ก่อเรื่องเลย!”

“แต่ว่า…”

อาสวนไม่เคยโกรธนางถึงเพียงนี้มาก่อน จู่ๆ เขาก็พูดเช่นนั้นอาหว่านรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจนร้องไห้ออกมา

อาสวนถอนหายใจเขาคว้าแขนนางแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง “ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่เป็นธรรมแทนคุณชาย แต่เรื่องนี้ดั่งคนดื่มน้ำเย็นร้อนรู้เอง[1] เจ้าคิดว่าคุณชายไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่มีความสุขในช่วงเวลานี้”

อาหว่านร้องไห้จริงๆ “ข้าไม่สนใจอย่างไรนางก็ทำเกินไป!”

ถึงปากจะพูดเช่นนั้นแต่นางก็ยอมให้อาสวนลากนางออกไปแต่โดยดี

ภายในห้องหมิงเวยหัวเราะเบาๆ

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู “สนุกหรือไม่”

หมิงเวยยิ้มอย่างยอมรับ “ใช่! อาหว่านรู้หรือไม่ว่านางรักพี่ชายมาก”

“นางรักหรือไม่ข้าไม่รู้…” มือของหยางชูที่แต่เดิมวางอยู่บนเข่าดีๆ ยกขึ้นสัมผัสแผ่นหลังนางแล้วขยับอย่างช้าๆ พลางพูดเสียงกระซิบว่า

“ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านแน่ใจหรือว่าข้าอดกลั้นได้”

หมิงเวยชะงักไม่รอให้นางเปิดปากถามด้วยความสงสัยมือนั้นก็เลื่อนไปด้านหน้าแล้วประคองใบหน้าของนางไว้

วินาทีถัดมาเขาก้มศีรษะประทับริมฝีปากของนางอย่างแม่นยำ

“อื้ม…”

หมิงเวยครางเสียงแผ่วเบา ริมฝีปากของพวกเขาแนบชิดกัน ปฏิกิริยาตอบสนองแรกคือความรู้สึกแปลกประหลาด จากนั้นก็รู้สึกว่าพวกเขาใกล้ชิดกันมากเกินไป เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลยจึงปล่อยให้เขาทำต่อไป

ในตอนแรกเขารู้สึกเหมือนห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานมาก เขาตักตวงจากริมฝีปากนางอย่างบ้าคลั่ง สมองรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากจนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดเลย จนกระทั่งหมิงเวยร้องเสียงอู้อี้และกัดปากเขาเบาๆ เขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยและทำไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ ละเลียดชิมริมฝีปากของนางราวกับปลาได้น้ำ

พวกเขาจุมพิตกันเป็นเวลานาน หมิงเวยหายใจหอบเล็กน้อยรู้สึกเหมือนจะไม่สบายขึ้นมา

อย่างไรก็ตามนางแค่ถอยออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากของทั้งสองแยกจากกันครู่หนึ่ง เขาก็ตามมาประกบอีกครั้งราวกับเงาตามตัว

ในตอนนี้หยางชูราวกับคนไม่ได้สติ บุรุษเมื่อมีอายุสิบสามสิบสี่ปี ส่วนใหญ่มักมีความฝันที่พูดไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาก็มีความฝันเช่นกัน

เพียงแต่ช่วงนั้นองค์หญิงใหญ่ดูแลอย่างเข้มงวด เลี้ยงดูเขาจนมีนิสัยควบคุมตนเองได้ เมื่อเขาเติบโตขึ้นผู้อาวุโสทั้งสองก็เสียชีวิตลง ชาติกำเนิดที่ไม่แน่ชัด ดวงกินภรรยา…เรื่องเหล่านี้ทำให้เขาไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่เมื่อความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายเขาก็ต้องยับยั้งมัน

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตามใจตัวเอง และเดินไปพร้อมกับความรู้สึกของตน

บางสิ่งถูกกักขังไว้นานเกินไป และเมื่อพวกมันออกจากกรงแล้วพวกมันจะสูญเสียการควบคุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การปฏิเสธเล็กน้อยไม่สามารถเข้าไปถึงจิตใจของเขาได้เลย นอกจากริมฝีปากแล้วมือของเขาก็กำเริบเสิบสานเช่นกัน ทุกนิ้วบนฝ่ามือของเขานุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อเขาสำรวจทุกตารางนิ้วของนางโดยไม่รู้ตัว

หมิงเวยรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นเร็วเกินไปจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่ตอบสนอง นางต้องป่วยแน่ๆ ไม่อย่างนั้นนางคงสูญเสียความระมัดระวัง…

เมื่อคิดเช่นนั้นนางจึงไม่ลังเลที่จะกัดปากเขา

เสียงครางดังขึ้นคนที่จับนางไว้สงบลงเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมา ฝ่ามืออันร้อนระอุเองก็หยุดเคลื่อนไหวลงเช่นกัน

หยางชูอ้าปากกำลังจะเอ่ยขอโทษแต่ได้ยินนางพูดว่า “เดี๋ยวก่อนขอพักสักครู่แล้วค่อยต่อได้หรือไม่ ข้า…หายใจไม่ค่อยออก”

หืม…ไม่ใช่ว่าต้องโกรธที่เขาทำเกินไปหรอกหรือ

ภายในความมืดมือของหมิงเวยเลื่อนลงมาสำรวจร่างกายเขา “นอกจากนี้ บางอย่างบนร่างกายท่านเหมือนจะไม่สบายด้วย” เขาห้ามนางไม่ทันก็พบว่าบางสิ่งที่พูดไม่ได้นั้นถูกจับไว้เสียแล้ว!

……………

[1] ดั่งคนดื่มน้ำ เย็นร้อนรู้เอง : มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร