บทที่ 334
บทที่ 334

หลังจากรถศึกวิ่งผ่านไป พวกเขาก็หันมองไปที่กองทัพฉีเฟิงที่ถูกสังหารจนถึงจุดที่พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์กลายเป็นดั่งนรกบนดิน ที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้บาดเจ็บ !!!

ในเวลานี้กองทัพที่เดิมพ่ายแพ้และถูกบังคับให้หนีกลับเปลี่ยนไปพวกเขากลายเป็นไปเปรียบ ส่วนกองทัพฉีเฟิง มาตอนนี้พวกทหารเกือบทุกก็พากันกลิ้งและคลานขณะหนีตายลงจากภูเขา

…พวกทหารเหยียบย่ำกันจนล้มตาย ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตมีมากเกินกว่าที่จะวัดได้ !

ในเวลานี้หลีเว่ยกำลังมึนงง ปากของเขาเปิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับดวงตาของเขาที่เบิกกว้าง ขณะจ้องมองไปที่สนามรบตรงหน้าอย่างงุนงง

“ท่านแม่ทัพ ? ท่านแม่ทัพ !?” เปิงเฮาฉูร้องเรียกจากด้านข้าง

“อา ? อื้อ !” หลีเว่ยกลับมามีสติ คอของเขาหันไปทางเปิงเฮาฉูด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป

เปิงเฮาฉูกล่าวอย่างกังวล “ท่านแม่ทัพ รีบออกคำสั่งให้ล่าถอยเถอะ หากยังดำเนินต่อไป กองทัพฉีเฟิงคงจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ !”

“อ๊ะ ? อ๊ะ ! ใช่ ใช่ ใช่ !” หลีเว่ยเห็นด้วย ทว่าไม่ได้ออกคำสั่งแต่อย่างใด

ในเวลานี้เปิงเฮาฉูไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เขาหันไปหาคนส่งสารและตะโกนสั่ง “รีบเรียกกำลังเสริม ! เร็ว !”

“ขอรับ !”

คนส่งสารมองไปที่หลีเว่ย และเมื่อเห็นใบหน้าที่มึนงงของอีกฝ่าย เขาก็ไม่รอช้า รีบกระจายคำสั่งให้ถอยทัพในทันที !!

เสียงสัญญาณดังขึ้น ทำให้พวกทหารกองทัพฉีเฟิงพากันล่าถอยอย่างไม่คิดชีวิต ! จนแม้แต่ค่ายพวกเปิงบริเวณเชิงเขาที่พึ่งตีแตกไปก็ไม่คิดเก็บไว้

ในขณะที่กองทัพฉีเฟิงถอยกลับ พวกเปิงที่อยู่ด้านหลังก็ไม่มีความคิดที่จะหยุดแต่อย่างใด พวกเขาออกไล่ล่าต่อในทันที ทำให้ทหารฉีเฟิงล้มตายลงและถูกเหยียบย่ำจนกลายเป็นเนื้อบดโดยกองทัพเปิงที่ไล่ตามมา

เมื่อหลีเว่ยคิดว่ากองทัพฉีเฟิงของเขากำลังจะถูกกองทัพเปิงทำลายอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นกองทัพเฟิงขนาดมหึมาก็ได้ปรากฏขึ้นมา และเมื่อเห็นธงที่มีคำว่า ‘เทียนหยวน’ เขียนอยู่ เปิงเฮาฉูก็พลันรู้สึกอุ่นใจในทันที เขาหันไปพูดกับหลีเว่ย “ท่านกู่เยว่มาช่วยแล้ว !”

“ฮะ ?” หลีเว่ยมองไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ก่อนที่ลำคอของเขาจะตกลง เช่นเดียวกับดวงตาที่กลายเป็นสีแดง และมีน้ำตาไหลออกมา ขณะที่เขาส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ข้าประเมินศัตรูต่ำเกินไปและไม่ฟังคำพูดของท่าน ดังนั้นข้าจึงต้องสูญเสียและลากทหารนับหมื่นไปตาย”

“อย่ากระนั้นเลยท่านแม่ทัพ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน !”

เมื่อเห็นว่ากองทัพเทียนหยวนมีกำลังเสริม กองทัพเปิงที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็หยุดการไล่ล่าและกลับไปที่ค่ายเพื่อเตรียมรับมือ

เมื่อหลีเว่ยและเปิงเฮาฉูพบกับกู่เยว่ ก็เป็นเปิงเฮาฉูที่ถามขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพกู่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ ?”

“ท่านชิวกลัวว่าพวกเจ้าสองคนจะเจอปัญหา ดังนั้นเขาจึงส่งข้ามาเพื่อสนับสนุน !” กู่เยว่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

เปิงเฮาฉูพยักหน้า การมองการณ์ไกลของชิวเจิ้นนั้นเป็นดั่งสวรรค์ประทานโดยแท้ ไม่แปลกใจเลยที่นายท่านจะไว้ใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ! เขาประสานมือเข้าหากันแล้วถอนหายใจ “ข้าคงต้องขอขอบคุณแม่ทัพกู่ที่มาที่นี่ทันเวลา” เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปมองหลีเว่ยและไม่พูดอะไรต่ออีก

อาจกล่าวได้ว่าหลังจากการสู้รบเพียงครั้งเดียว หนึ่งในสามของกองกำลังทั้งหมดของกองทัพฉีเฟิงก็ได้ถูกกวาดล้าง และเนื่องจากกลยุทธ์ที่น่าหวาดกลัวในครั้งนี้ของพวกเปิง กู่เยว่จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อ

และเมื่อกองทัพทั้งสองกลับมารายงานรายละเอียดการสู้รบแก่ชิวเจิ้น เด็กหนุ่มก็ถึงกับโกรธจนตัวสั่น ด้วยไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้เตือนหลีเว่ย ! แล้วทำไมกัน ? ทำไมอีกฝ่ายถึงยังดื้อด้านจนลงเอยด้วยการสูญเสียกำลังพลไปกว่า 5 หมื่นนายแบบนี้ !!!

ภายในศาลา ชิวเจิ้นจ้องมองหลีเว่ยที่หดหู่อย่างเย็นชา ก่อนจะกัดฟันถามออกไปว่า “หลีเว่ย เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม ?”

หลีเว่ยก้มหน้าลง พูดเสียงแผ่วเบา “ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าทั้งหมด ข้ายินดีรับโทษทัณฑ์ !”

ชิวเจิ้นพยักหน้าและกล่าวว่า “ในฐานะผู้บัญชาการ เจ้าประมาท จนตกหลุมพรางของศัตรู ทำให้ทหารของเราเสียชีวิตนับไม่ถ้วน” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็พลันร้องตะโกนอย่างเย็นชา “ทหารอยู่ไหน !?”

“ขอรับ !” ชายสองคนเดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมดาบปราณในมือ

ชิวเจิ้นโบกมือ ปากพูดว่า “เอาตัวเขาออกไป !”

“ขอรับท่าน !” มือดาบและมือขวานทั้งสองไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นนายพลหรือทหารเลว พวกเขารับฟังแค่เพียงคำสั่งของชิวเจิ้นเท่านั้น และหลังจากที่เด็กหนุ่มพูดจบ มือดาบและมือขวานทั้งสองก็ตอบสนองด้วยการก้าวไปข้างหน้า และเข้าคว้าจับแขนของหลีเว่ยไว้ ก่อนจะลากเขาเดินออกไป

“เดี๋ยวก่อน !” เมื่อเห็นว่าชิวเจิ้นต้องการที่จะประหารหลีเว่ย บรรดาแม่ทัพนายกองและกุนซือที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ตกใจ รีบเดินหน้าไปเพื่อหยุดเขา

“ท่านชิว หลีเว่ยควรได้รับโทษอยู่ก็จริง แต่กองทัพของเราก็สูญเสียไปมากแล้ว ขวัญกำลังใจของเรากำลังตกต่ำ ถ้าเราสังหารแม่ทัพในตอนนี้ มันอาจยากที่จะปลุกขวัญกำลังใจของทั้งกองทัพ ดังนั้นข้าจึงขอร้องให้ท่านพิจารณาใหม่ด้วยขอรับ !” กู่เยว่ หลีเทียน อัยเจียและคนอื่น ๆ ที่เป็นสหายสนิทกับหลีเว่ยก้าวไปข้างหน้าทีละคนเพื่อขอร้องให้ไว้ชีวิตเขา

“แม่ทัพกู่พูดถูกแล้ว ! แม้ว่าท่านชิวเจิ้นต้องการลงโทษแม่ทัพหลีที่ทำผิดพลาด แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ควรรอให้กองทัพของเขาเอาชนะศัตรูเสียก่อน !!”

“ถูกต้องแล้ว ! ข้าหวังว่าท่านชิวจะกรุณา…!”

…แม่ทัพนายกองและกุนซือทั้งหมดพากันเกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่ม

ชิวเจิ้นแค่เสแสร้งเท่านั้น เขารู้จักหลีเว่ยมานานพอตัว ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่นับว่าเลวร้ายอะไร และนอกจากนี้ หลีเว่ยก็ยังถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ของถังหยิน ดังนั้นแล้วการจะฆ่าอีกฝ่าย จึงเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดจะทำไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว !!

เมื่อเห็นว่าเรื่องเป็นเช่นนี้ ชิวเจิ้นก็พลันหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วแสร้งทำเป็นคิด และหลังจากคิดอยู่นาน เขาก็พลันโบกแขนไปทางทหารด้านหลัง ปากกล่าวว่า “หลีเว่ย ครั้งนี้ถือเสียว่าเจ้าพ้นโทษไปได้ แต่ทว่าตำแหน่งแม่ทัพนั้น เปิงเฮาฉูจะรับช่วงต่อแทนชั่วคราว ส่วนเจ้าก็จะไปเป็นรองแม่ทัพแทน ยอมรับได้ไหม ?”

เดิมทีหลีเว่ยคิดว่าเขาคงไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้ฟังแบบนี้ มีหรือที่เขาจะไม่คว้าโอกาสไว้ ? หลีเว่ยคุกเข่าลงทันที “ข้าน้อยขอน้อมรับความเมตตาของท่าน !”

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก ถ้าเจ้าอยากขอบคุณจริง ๆ จงขอบคุณแม่ทัพที่ขอร้องแทนเจ้าเถอะ !” ชิวเจิ้นจงใจหันหน้าหนีไม่มองเขาอีกต่อไป

อันที่จริงการลดตำแหน่งของหลีเว่ยจากแม่ทัพใหญ่กองทัพฉีเฟิงเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของชิวเจิ้น !!!

ตอนนี้กองทัพเทียนหยวนของเขาประกอบด้วย 4 ทัพใหญ่ โดยมีผู้บังคับบัญชาคือมูฉิง นายทหารผ่านศึกในสนามรบ เจ้าจิ้งจอกเฒ่าผู้เก่งในการรุกและการป้องกัน ผู้บัญชาการกองทัพชานชุยเหลียงฉี ผู้เคยเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของแคว้นเฟิงก่อนที่ถังหยินจะสร้างชื่อ ส่วนหวีเว่ยนั้น ถ้าให้เทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว เขานับได้ว่าธรรมยิ่ง แต่ด้วยเป็นคนที่ระมัดระวัง ใจเย็น เขาจึงพอจะรั้งตำแหน่งนี้ไว้ได้ !

ครั้งนี้ ชิวเจิ้นใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าถังหยินไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ และการทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพื่อแลกเปลี่ยนตำแหน่งของหลีเว่ยและเปิงเฮาฉู โดยปล่อยให้ฝ่ายหลังขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่แทน !

ศึกนี้ของกองทัพฉีเฟิงผิดพลาดอย่างไม่เป็นท่า ชิวเจิ้นจึงวางแผนที่จะนำกองทัพทั้งหมดออกไปรบและจัดการภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์ในครั้งเดียว ทว่าในจังหวะนั้นเอง มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่ถังหยินติดตามกองคาราวานของเจาจูกลับมาถึงเมืองสีไป่พอดิบพอดี

การกลับมาของถังหยินทำให้อารมณ์ที่ล่องลอยของพวกแม่ทัพสงบลง ซึ่งเมื่อชายหนุ่มได้ยินว่าเหลียงฉีและหยวนยู่ที่ประตูตงกำลังรับมือกับพวกหนิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพยักหน้าให้ตัวเอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาส่งเหลียงฉีและหยวนยู่ไปประตูตง กองทัพชานชุยที่ไปก็มีกำลังทหารเพียง 8 หมื่นนายเท่านั้น ทว่าด้วยฝีมือของพวกเขาทั้งสอง พวกหนิงนั่นก็อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมายนัก !

หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินว่าหลีเว่ยพ่ายแพ้ในการต่อสู้ที่ภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์ และชิวเจิ้นก็ได้ลงโทษอีกฝ่ายด้วยการปลดจากตำแหน่งแม่ทัพ ทำให้ถังหยินที่ได้ยินถึงกับขมวดคิ้วแน่น

…หลีเว่ยเป็นผู้บัญชาการที่ได้รับการคัดเลือกของกองทัพฉีเฟิง ดังนั้นแล้วเหตุใดชิวเจิ้นจึงดำเนินการอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ?

เมื่อเห็นการแสดงออกของชายหนุ่มดูหดหู่ ชิวเจิ้นมีหรือที่จะไม่รู้ใจผู้เป็นสหาย เขาป้องมือ ปากกล่าวว่า “นายท่าน ในสนามรบ แม่ทัพหลีเว่ยปฏิเสธที่จะฟังคำแนะนำและออกคำสั่งโดยพลการ ทำให้กองทัพประสบความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5 หมื่นนาย และถ้าตามกฎทหารแล้ว เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก !”

โดยไม่รอให้ถังหยินตอบกลับ หลีเว่ยที่ยืนอยู่ท่ามกลางแม่ทัพคนอื่น ๆ ก็ได้เดินออกมา ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดแทรก “การต่อสู้ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าที่ไม่ได้ฟังคำแนะนำของแม่ทัพเปิง ทำให้กองทัพประสบความพ่ายแพ้ ทว่าท่านชิวก็ได้แสดงความเมตตาต่อข้าแล้วขอรับ !”

เฮ้อ ! ถังหยินลอบถอนหายใจ แม้แต่หลีเว่ยก็ยังพูดเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตนเองไม่ควรพูดอะไรอีก ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าและหันไปมองที่หลีเทียนกับอัยเจีย ก่อนจะเอ่ยปากถาม “ใครคือแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังศัตรูที่ประจำการอยู่ที่ภูเขาเขี้ยวพยัคฆ์ ?”