บทที่ 179 หลอมรวมเป็นการสำนึก

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 179 หลอมรวมเป็นการสำนึก

 

หญิงสาวผมทองหนีไปได้ หลัวซิวก็ไม่ได้ตามนางไป เพราะถึงอย่างไรปรมาจารย์ฝึกจิตเหาะเหินเดินอากาศขึ้นไปสูงมากได้ เขาก็หมดหนทาง

ก้มหน้ามองหญิงสาวชุดขาวที่สลบไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดเขา หลัวซิวรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ก่อนนี้ หญิงสาวชุดขาวใช้ค่ายกลระดับสี่โจมตีผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยจนหมดสิ้น เขาทำได้เพียงมองแผ่นหลังนางจากที่ไกล ๆ

แต่ในตอนนี้ ทั้งสองกลับใกล้ชิดกันมากเหลือเกิน ใบหน้าของหญิงสาวชุดขาวมีผ้าคลุมหน้าไว้ กลับทำให้หลัวซิวรู้สึกกระวนกระวายใจ

ราวกับว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับหญิงสาวชุดขาวที่ดึงดูดเขา

ความรู้สึกเช่นนี้ไม่สามารถหาคำพูดใดมาแทนได้ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

หลัวซิวไม่ได้ดึงผ้าคลุมหน้าของหญิงสาวชุดขาวออกเพื่อชมความงามของใบหน้า แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในอาการสาหัส แต่เขาไม่ควรทำการกระทำที่เสียมารยาทเช่นนั้น

เสาะหาถ้ำหินที่สามารถหลบซ่อนได้ ใกล้ ๆ ถ้ำหิน หลัวซิวใช้ธงค่ายจัดวางค่ายกลซ่อนงำระดับสี่ ค่ายกลป้องกัน ค่ายยากเย็นและค่ายสังหาร

เขาซื้อธงค่ายมาจากเขตการปกครองโตว้ไห่ ก่อนหน้าที่จะมาเขตการปกครองชิงฮัว ธงค่ายว่างเปล่าก็ถูกเติมแต่งด้วยค่ายกลลายเส้นและสัญลักษณ์เรียบร้อยแล้ว

เพียงแต่ วิธีการต่อสู้เฉพาะของนักค่ายกลนั้น หลัวซิวไม่อาจจะเข้าใจหลักการได้

อย่างเช่นกงซุนเชียนจี ผู้นำตระกูลกงซุน ที่ต่อสู้กับเหยียนเยว่เอ๋อร์ในตอนนั้น รอบตัวของเขาก็ล้อมไปด้วยธงค่าย ระหว่างที่คิดนั้นก็จัดการปูค่ายกลไปด้วย

วิธีเช่นนั้น คือวิธีการต่อสู้ของนักค่ายกล ว่ากันว่าการฝึกตนต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่าง และมีเพียงแก๊งนักค่ายกลเท่านั้นที่มีสามารถสืบทอดได้

กงซุนเชียนจีสามารถสืบทอดได้นั้น เพราะเขาคือลูกศิษย์ของปรมาจารย์ค่ายกลท่านใดท่านหนึ่งในแก๊งนักค่ายกล และตัวเขาเองหลังจากได้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับห้า ก็กลลายเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของแก๊งนักค่ายกลแห่งเขตการปกครองโตว้ไห่

ในถ้ำหิน หลัวซิวจับมือเรียวยาวของหญิงสาวชุดขาวที่สลบไม่ได้สติ ส่งพลังจิตแท้เข้าไปภายในร่างกายหมุนเปลี่ยนเป็นพลังแห่งชีวิต ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนาง

จั้งฝู่เสียหาย เส้นลมปราณขาด จุดตันเถียนชี่ไห่ได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บเช่นนี้สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่นั้น ถือว่าเป็นผู้ไร้ความสามารถแล้ว

นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หลัวซิวต้องขมวดคิ้วตลอดเวลา ดูจากพลังของหญิงสาวชุดขาว อาศัยเพียงทั้งนักยุทธ์ทั้งสามคนเมื่อครู่นี้ จะทำให้นางบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้อย่างไร?

ถอดแหวนเก็บของออกมาจากบนมือของหญิงสาวชุดขาว หลัวซิวอยากเปิดดูว่าด้านในนั้นจะมียารักษาบาดแผลหรือไม่

แต่บนแหวนเก็บของกลับมีค่ายกลต้องห้ามวาดไว้อยู่ คนที่ไม่รู้ค่ายกลก็ยากที่แก้ค่ายกลนี้ แน่นอนว่าจะไม่สามารถเปิดแหวนเก็บของและหยิบเอาของด้านในได้

นักค่ายกลส่วนมากต่างก็ใช้วิธีเช่นนี้ ป้องกันไม่ให้ใครมาขโมยสมบัติของตน

ค่ายกลต้องห้ามบนแหวนเก็บของ อยู่ในระดับของนักค่ายกลระดับสี่ สำหรับหลัวซิวแก้ได้ไม่ยาก

ถึงแม้จะใช้วิธีฟื้นฟูลายเส้นชีวิตก็สามารถรักษาหญิงสาวชุดขาวได้ แต่นั่นถือว่าเป็นความลับส่วนตัวของหลัวซิว อย่างไรก็ไม่ยอมเปิดเผยง่าย ๆ แน่นอน

หญิงสาวชุดขาวกับตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน เป็นธรรมดาที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยความลับของเขา เพียงเพราะความรู้สึกพิเศษบางอย่าง

ดังนั้น หลัวซิวจึงได้ออกแรงอยู่ครู่หนึ่งเพื่อเปิดแหวนเก็บของ จากนั้นจึงหยิบขวดหยกที่มียารักษาบาดแผลอยู่ออกมาสองสามขวด

“ยาไขกระดูกหยกระดับสี่ ยาพระแสงระดับห้า…”

ในขวดหยกมียารักษาตัวระดับสี่และระดับห้าสองชนิด โดยเฉพาะยาพระแสงระดับห้า ต่อให้เป็นราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งก็ยังหายาคงจิตรักษาตัวให้ได้สักเม็ด!

อย่างไรเสีย อยู่ท่ามกลางสิบสามเขตการปกครองแห่งประเทศเทียนหวู ปรมาจารย์ระดับห้านั้นหายากเกินไป ผู้ฝึกยุทธ์ในแผ่นดินสิบสามเขตการปกครองมีจำนวนไม่น้อยกว่าสิบล้าน แต่จำนวนปรมาจารย์ระดับห้ากลับมีเพียงแค่หลักสิบเท่านั้น หากแบ่งจำนวนปรมาจารย์กลั่นยา ปรมาจารย์ค่ายกล ปรมาจารย์หลอมอาวุธ ปรมาจารย์ระดับห้า ของทุกแขนงก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

แต่ก็เป็นเพราะจำนวนที่น้อยนิดเช่นนี้ ตำแหน่งนั้น ๆ จึงได้เป็นที่เคารพ และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมสี่แก๊งใหญ่ อย่างแก๊งนักค่ายกล แก๊งนักหลอมอาวุธและแก๊งนักกลั่นยาที่มีจำนวนไม่มาก กลับสามารถเคียงคู่องค์กรนักล่ายุทธ์ได้

หลัวซิวก็คิดไม่ถึง หญิงสาวชุดขาวคนนี้เพียงแค่ผลการฝึกตนของฝึกจิตขั้นสาม แต่กลับมีของดีอย่างยาพระแสงไว้ครอบครอง

เห็นได้ชัดว่า หญิงสาวชุดขาวคนนี้คงมาจากมหาอำนาจที่ใดสักที่

นำเอายาไขกระดูกหยกและยาพระแสงอย่างละหนึ่งเม็ด ใส่เข้าไปในปากของหญิงสาวชุดขาว หลัวซิวก็นั่งขัดสมาธิรออยู่ข้าง ๆ อย่างใจเย็น

……

ก่อนหน้านี้ที่หลัวซิวได้ปะทะฝีมือกับปรมาจารย์ฝึกจิตทั้งสาม ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวแบบอึกทึกครึกโครม มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจ จึงได้ส่งคลื่นพลังจิตเข้ามาเงียบ ๆ และหลบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล

“การต่อสู้จบลงแล้วหรือ?”

“มีเพียงคราบเลือดอยู่รอบ ๆ แต่ไม่เห็นใคร ดังนั้นการต่อสู้คงจะจบลงแล้ว”

“ดูจากคลื่นพลังจิตในที่แห่งนี้ คงจะเป็นการประมือของปรมาจารย์ฝึกจิต อย่างน้อยต้องมีหนึ่งคนที่ถูกฆ่าตาย”

“สามารถฆ่าปรมาจารย์ฝึกจิตได้ แล้วยังทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถใช้ยันต์หยกแดงเพื่อหลบหนีได้อีก ความแข็งแกร่งของท่านผู้นั้นจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ ๆ เราจะต้องระมัดระวัง”

ตอนที่คนพวกนี้มาถึง หลัวซิวได้ออกไปจากตรงนั้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ ว่าใครที่เคยต่อสู้กันอยู่ที่นี่

ทุกคนที่เข้าร่วมในการแข่งขันคัดจำนวนคนนี้ หากสามารถรอดจากการล้างกระดาษผู้แข่งขันในตอนแรกได้ คนที่ยังเอาตัวรอดได้ในตอนนี้ล้วนแล้วแต่มีแผนการที่ดีและแข็งแกร่ง

ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางแก๊งนักค่ายกลแห่งเขตการปกครองชิงฮัว มีแผ่นหินสีดำสูงสิบแปดฟุต

บนแผ่นหินสีดำนี้ มีชื่อปรากฏอยู่หนาแน่นกว่า 500 ชื่อ แต่ละชื่อเป็นสีทองและสะดุดตา

ชื่อที่ปรากฏบนแผ่นหินสีดำ คือ 500 อันดับแรกของการแข่งขันเอาชีวิตรอดในรอบแรก การจัดอันดับ จะพิจารณาจากจำนวนยันต์หยกขาวในมือของแต่ละคน

ด้านหลังแต่ละรายชื่อ จะมีจุดปรากฏอยู่ และแต่ละจุดแสดงถึงยันต์หยกขาว

ผู้แข็งแกร่งที่มาจากสิบสามเขตการปกครองอันยิ่งใหญ่ ในเวลานี้ พวกเขาต่างมารวมตัวกันใกล้กับแผ่นหินสีดำ โดยให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงในการจัดอันดับ

เจ็ดวันแห่งการแข่งขันเอาชีวิตรอด ในขณะนี้เพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว การจัดอันดับ 500 อันดับแรก ความแตกต่างของคะแนนระหว่างกันนั้นไม่ห่างกันสักเท่าไร จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกแน่นอน

ผู้ที่อยู่ในรายชื่อเป็นอันดับที่หนึ่งในขณะนี้ คือเซี่ยหย่ง 821 คะแนน

แต่เดิมการแข่งขันเอาชีวิตรอดเริ่มขึ้นในป่าลึก ชายหนุ่มชุดชาวคนหนึ่งกำลังล้างมืออยู่ริมแม่น้ำ บนใบหน้าประดับไปด้วยรอบยิ้มอันอ่อนโยน แต่มือคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยคราบเลือด ที่ไม่ว่าจะล้างเท่าไรก็ไม่สามารถลบกลิ่นคาวเลือดให้หมดไปได้เลย

ในทันทีที่ถูกส่งมาที่จุดเริ่มต้นของป่านี้ เขาก็ได้กระจายการสำนึกของตนเอง แค่ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งวัน กลับฆ่าคนไปแล้วไม่รู้เท่าไร หนึ่งในนั้นมีระดับฝึกจิตครึ่ง คือปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตขั้นหนึ่ง!

ชายหนุ่มชุดขาว ก็คือเซี่ยหย่ง องค์กรนักล่ายุทธ์เขตการปกครองชิงฮัว อัจฉริยะขั้นเหลืองระดับสูง

ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน แต่พื้นป่าแห่งนี้กลับไม่ได้เงียบสงบลงไปตามกาลเวลา ดั่งสายน้ำไหล การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป สำหรับอัจฉริยะทุกคน แดนปริศนาคือโอกาสครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต

……

ในถ้ำหิน หลัวซิวลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด ทุกสิ่งในรัศมีหลายร้อยเมตรนั้นเหมือนดั่งเปลวเพลิง สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน แม้แต่ลมพัดเศษใบไม้ปลิวต่างก็ไม่สามารถเล็ดลอดจากกระแสสัมผัสของเขา

“ในที่สุดก็บรรลุแล้ว!”

นัยน์ตามีแสงสีขาวสลับดำระยิบระยับอย่างเจิดจ้า จิตใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะในที่สุดเขาก็อาศัย‘พลังก่อรวมวิญญาณ’ ปรับเปลี่ยนกระแสสัมผัสจิตวิญญาณ ผนึกรวมกลายเป็นการสำนึกที่นับไม่ถ้วน

เทวทูตกับพลังจิตแท้ สองอย่างนี้ทั้งหมดที่ต้องใช้คือโอกาสก็จะสามารถบรรลุฝึกจิตได้อย่างราบรื่น กลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ผู้แข็งแกร่งได้แล้ว

สายตานั้นทอดมองไปที่ร่างของหญิงสาวชุดขาว นางยังคงสลบไม่ได้สติอยู่เช่นเดิม ผลของยาไขกระดูกหยกและยาพระแสงนั้นไม่ได้ชัดเจน อย่างไรเสีย อาการบาดเจ็บของนางก็รุนแรงเกินไปอยู่ดี

ทันใดนั้นเอง ขนตาของหญิงสาวชุดขาวก็สั่นเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นค่อยเปิดขึ้น…