ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 157 รูปแบบภาพได้อารมณ์ยิ่ง ทว่ามักรู้สึกว่ามีสักที่ไม่ถูกต้อง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ระหว่างทาง จางเหยาส่งกระแสจิตไปหาเซี่ยโยวฉานอย่างลับๆ ‘จริงสิ ศิษย์พี่เซี่ย ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่ศิษย์พี่หร่วนกระทำชัดๆ ไยท่านต้องรับหน้าแทนเขาด้วยเล่า’

เซี่ยโยวฉานกล่าว ‘เจ้าอย่าได้มองว่าศิษย์น้องเยี่ยนตลกต่อหน้าข้ากับเจ้า แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่อดรนทนไม่ได้กับความอยุติธรรมและความไม่สมเหตุสมผลคนหนึ่ง ศิษย์น้องหร่วนยั่วยุเขา เขาจะต้องหาสนามเอาคืนอย่างแน่นอน เช่นเดียวกัน ศิษย์น้องหร่วนดูเหมือนว่าอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วหยิ่งยโสและชอบเอาชนะเป็นอย่างมาก จะให้เขาก้มหัวให้แก่ศิษย์น้องเยี่ยน นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ผลสุดท้ายที่สุดจะเป็นเพียงแค่ขิงก็ราข่าก็แรงเท่านั้น’

‘สำนักเราไม่คิดที่จะไปเกี่ยวพันกับเรื่องระหว่างสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับเขากว่างเฉิง ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้กลัวทั้งสองสำนักนั้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปสร้างเรื่องยุแหย่เสียเองเช่นกัน เปลี่ยนเรื่องเล็กน้อยให้ไม่มีเรื่องราวใดได้ถือเป็นการดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีใครรู้ได้ว่าท้ายที่สุดจะก่อเกิดผลเช่นไร’

จางเหยาพยักหน้า ‘เพียงแต่ว่าศิษย์พี่เซี่ย ท่านเป็นแพะรับบาปให้แก่ศิษย์พี่หร่วนไปแล้ว’

เซี่ยโยวฉานยิ้ม ‘ศิษย์น้องเยี่ยนเป็นคนที่เข้าใจเหตุผลคนหนึ่ง แท้จริงแล้วความจริงของเรื่องราวเป็นอย่างไรล้วนปิดบังเขาไม่ได้ เพียงแต่ดีที่เขายังไว้หน้าข้าอยู่หลายส่วน ขั้นบันไดที่ข้าต่อให้เขา เขาก็ก้าวลงโดยพลัน เก็บงำความเข้าใจไว้แสร้งทำเป็นสับสน ไม่ได้ซักถามต่อ’

‘ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง’ จางเหยาพลันตื่นตัว หลังจากลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยถามต่อไปว่า ‘เพียงแต่หวังว่าศิษย์พี่หร่วนจะสามารถเข้าใจความเหนื่อยยากของท่าน…’

เซี่ยโยวฉานถอนใจ ‘หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น’

หลังจากทุกคนขึ้นมาบนเกาะขนาดเล็กแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็สังเกตสภาพแวดล้อมบนเกาะด้วยความสนใจยิ่ง ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยป่าไผ่ เงื่อนไขสภาพอากาศคล้ายคลึงเกาะปิดนภา พื้นที่น้อยกว่าอยู่บ้าง ค่อนข้างใกล้กับเขตแดนทะเลสาบปิดนภา

สิ่งที่เรียกว่าปี่เซียะภูเขา เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยพบเห็นกับตามาก่อนอย่างแท้จริง

ภาพวาดเหมือนของปี่เซียะนั้นมีอยู่ เพียงแต่ว่าพูดไปก็บังเอิญทีเดียว เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยเห็นมาก่อน สัตว์วิเศษบนพสุธานี้เป็นพันเป็นหมื่น สัตว์วิเศษที่เขาไม่รู้จักจึงมีอยู่คณานับเช่นกัน

ทว่าชื่อเสียงของเจ้าตัวนี้ เยี่ยนจ้าวเกอเคยได้ยินมาก่อน

‘รูปร่างใหญ่ยักษ์แทบคล้ายกับช้าง รักความสงบไม่ชอบเคลื่อนไหว อุปนิสัยอ่อนโยนและไม่ชอบต่อสู้ ค่อนข้างเกียจคร้าน ทว่าพละกำลังแกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง ปากสามารถเขมือบโลหะกลืนทองได้ ทั้งยังมีพรสวรรค์เหนือสิ่งอื่นใด สามารถควบคุมธาตุน้ำสีดำ เพลิงสีขาวได้’

ปี่เซียะภูเขาที่ปรากฏ ณ ทะเลสาบปิดนภาครานี้ ตามข่าวลือมันยังคงอยู่ในระยะแรกเกิด กระนั้นพลังของมันก็แก่กล้ายิ่ง ไม่ใช่จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ทั่วไปจะสามารถต้านทานได้

ถึงแม้ว่าปี่เซียะจะมีอุปนิสัยอ่อนโยนไม่ชอบต่อสู้ ทว่ามีนิสัยหนึ่งที่เลวร้ายยิ่ง นั่นก็คือความตะกละ อีกทั้งปริมาณการกินจองมันยังมหาศาล แม้กระทั่งไม่มีความคิดที่จะควบคุมอีกต่างหาก

หากปล่อยปละละเลยไม่สนใจ ก็มีความเป็นไปได้มากว่ามันจะเหมือนกับตั๊กแตนข้ามแดน กินสถานที่หนึ่งจนเกลี้ยงโดยสิ้นเชิง

ทะเลสาบปิดนภานี้มีขนาดพื้นที่ใหญ่มาก จนถึงขั้นมีการไหลเวียนของพลังปราณ สิ่งเล็กๆ เช่นรากหญ้าล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันกับค่ายกลอย่างแนบแน่น

ครั้นถูกปี่เซียะภูเขากัดแทะเกาะเล็กเกาะหนึ่งจนกลายเป็นผืนปฐพีแห้งผาก แน่นอนว่าไม่ถึงกับทำลายค่ายกล ทว่าหากปล่อยให้มันกินต่อไปตลอด อย่างไรก็จบไม่สวยเป็นแน่

ด้วยเหตุนี้ หลังจากมีศิษย์อ่อนอาวุโสแห่งหอคลื่นโหมพบเข้า ก็ส่งข่าวสารกลับยังเกาะปิดนภา ทางด้านเกาะปิดนภาจึงติดต่อให้เซี่ยโยวฉานที่อยู่ใกล้เคียงจัดการ

ศิษย์ผู้นั้นพบว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ร่วมเดินทางกับเซี่ยโยวฉานและจางเหยา จึงชะงักงันไปเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็รุดหน้าเข้ามาอธิบายเหตุการณ์

ฉะนั้นเยี่ยนจ้าวเกอ เซี่ยโยวฉาน และคนอื่นๆ จึงเข้าไปในป่าทึบลึกทันที

เมื่อทะลุผ่านป่าไผ่สุดลูกหูลูกตาไป สีหน้าอารมณ์เยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของมันอยู่เบื้องหน้านี้รางๆ แล้ว

กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอสบตากันแวบหนึ่ง “น่าจะเป็นปี่เซียะภูเขานั่น…”

ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงคำพูด สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ และเซี่ยโยวฉานล้วนเปลี่ยนแปลงไปอีกเล็กน้อย “เจ้านี่มันทำสิ่งใดลงไปกันนี่”

บริเวณลึกเข้าไปในทะเลไผ่ มีการสั่นไหวของปราณวิญญาณอันรุนแรงส่งมา คล้ายกับปรากฏน้ำวนขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง สั่นคลอนโดยรอบเกาะน้อยทั้งเกาะจนปราณวิญญาณไหลพรั่งพรูไปรวมอยู่ใจกลางพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองไป พบว่าเมฆหมอกที่อยู่กลางท้องฟ้าเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาบ้าง ค่ายกลที่ปกคลุมทั่วทั้งเกาะปิดนภาไว้ได้รับผลกระทบ ได้รับการกระตุ้นจนเกิดปฏิกิริยาตอบรับออกมา

อาหู่ลูบด้านหลังศีรษะของเจ้านาย “ลักษณะเช่นนี้ หรือว่าปี่เซียะตัวนี้จะเลื่อนขั้น”

ชายหนุ่มผงกศีรษะ “เกินกว่าครึ่งเป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่”

เซี่ยโยวฉานก้าวเดินไปข้างหน้า “พวกเราไปดูสถานการณ์สักหน่อย ตามเงื่อนไขแรกที่ได้กล่าวไว้ ยังคงไม่ต้องขัดจังหวะการเลื่อนขั้นของมัน”

กลุ่มคนทะลุผ่านป่าไผ่หนา เบื้องหน้าปรากฏพื้นที่ว่างโกร๋นผืนหนึ่ง ไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าถูกสัตว์วิเศษตัวนั้นกินเข้าไปอย่างทื่อๆ

เยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองไป พบว่าบริเวณศูนย์กลางพื้นที่ว่างนั้นมีกลุ่มแสงสีขาวดำใหญ่โตกลุ่มหนึ่งอยู่ ครั้นมองดูอย่างถี่ถ้วน ก็ชัดแจ้งว่าเป็นกระแสน้ำสีดำสนิทกับเปลวเพลิงสีขาวผสมเข้าด้วยกัน หมุนวนอย่างรวดเร็ว กลายรูปเป็นลักษณะทรงกลมหนึ่ง

ทั้งสีดำและสีขาวส่องแสงสว่างไสว ส่องประกายวับวาบอยู่ไม่หยุดหย่อน น้ำและเพลิงกระทบกัน แต่กลับประสานกันได้เป็นพิเศษ

เขามองดูพลางพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “อืม ไม่เลวๆ การผสานส่งเสริมหยินหยาง เลียนแบบฟ้าดิน ได้รับสัจธรรมประณีตของธรรมชาติ ไม่ธรรมดาดังคาด แม้จะกล่าวว่าบนโลกหล้านี้มีสัตว์วิเศษเป็นพันเป็นหมื่น แต่ปี่เซียะนี้ก็นับว่าเป็นสายพันธุ์ล้ำค่าที่หายได้ยากแล้ว”

การผันแปรของปราณวิญญาณค่อยๆ มีแนวโน้มเสถียรขึ้น ขณะเดียวกันก็แก่กล้ามากขึ้น ปี่เซียะที่อยู่ตรงหน้าเห็นได้ชัดว่าใกล้จะสำเร็จการเลื่อนขั้นของตนแล้ว

ธาตุน้ำสีดำธาตุเพลิงสีขาวรูปร่างคล้ายแสงทรงกลมที่ไม่หยุดหมุนวนนั้นเริ่มจางลง เผยให้เห็นลักษณะที่แท้จริงของสัตว์วิเศษภายใน

ทว่าสีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอกลับแข็งค้าง

“นั่นคือสิ่งใดหรือ…ศิษย์พี่เซี่ย” เยี่ยนจ้าวเกอบิดหมุนต้นคออันแข็งทื่ออยู่บ้างของตน เอ่ยถามไปทางเซี่ยโยวฉานที่อยู่ฟากหนึ่งว่า “…นี่คือปี่เซียะภูเขาในคำร่ำลือหรือ”

เซี่ยโยวฉานพยักหน้าตอบรับ “ไม่ผิดหรอก จำนวนของสัตว์ชนิดนี้มีน้อยยิ่งนัก เพียงแต่บริเวณเขตแดนติดกันของบึงพิภพข้าและอัคคีพิภพมีอยู่ ที่นภาพิภพของพวกเจ้านั้นไม่มี หากเจ้าไม่เคยเห็นแผนภาพก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว เพราะเบื้องหน้ามีตัวหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ศิษย์น้องเยี่ยนอยากปราบและเลี้ยงสัตว์ตัวนี้หรือไม่” เซี่ยโยวฉานเอ่ยถาม “ก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่สามารถ…”

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง

ถึงแม้ว่าขนาดร่างของปี่เซียะภูเขาตัวนี้จะใหญ่กว่าที่คาดคิดไว้มากนัก เพราะยังคงเป็นระยะทารก แต่ก็คล้ายกับช้างตัวเล็กตัวหนึ่งแล้ว

สัตว์วิเศษที่อยู่เบื้องหน้า ชัดเจนว่าเป็นหมีสยงเมา[1]ยักษ์ตัวหนึ่งที่มีขนาดร่างขยายใหญ่ยิ่ง…

ในบรรดาทั้งสี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ จางเหยาที่พลังฝึกปรือต่ำที่สุดมองดูสัตว์วิเศษยักษ์ตัวนั้นด้วยความระมัดระวังยิ่ง “แม้ว่าอายุอานามจะไม่มาก แต่พละกำลังช่างแกร่งยิ่งนัก มิน่าเล่าถึงได้มีบางหมู่บ้านที่อยู่ในชนบท ยังนำปี่เซียะเป็นภาพสัญลักษณ์บรรพบุรุษในการเซ่นไหว้บูชา”

“ภาพสัญลักษณ์?” เยี่ยนจ้าวเกออ้าปากหวอ

ทว่าอาหู่ที่อยู่ข้างกายเขากลับมีสีหน้าเอาจริงเอาจัง “คุณชายขอรับ สัตว์ตัวนี้แกร่งนัก หากสันทัดในการใช้พลังของตนแล้วละก็ อย่างน้อยๆ ก็สามารถทัดเทียมกับจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้น แม้กระทั่งสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีก”

เยี่ยนจ้าวเกอกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากนั้นครู่ใหญ่ก็พยักหน้า “ใช่ สิ่งนี้ข้าเองก็มองออกได้อยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่า…ก่อนหน้าไม่เคยคิดถึงมาก่อน”

ชายหนุ่มดึงสติกลับมา มองดูหมีสยงเมายักษ์ที่อยู่เบื้องหน้า เขารับรู้ได้ถึงความร้อนแผดเผาภายในใจเล็กน้อยเช่นกัน

ตนเองยังคงมีความรู้สึกดีต่อหมีสยงเมายักษ์…เอ่อ ต่อปีเซียะสัตว์ชนิดนี้ ถึงแม้ว่าเจ้านี่ที่อยู่เบื้องหน้าอาจจะมีความแตกต่างจากหมีสยงเมายักษ์ที่อยู่ภายในความทรงจำอยู่บ้าง

เลี้ยงเจ้าตัวนี้เช่นนี้นับว่าได้อารมณ์ยิ่ง ปัญหาเดียวก็คือจะใช้งานมันเยี่ยงไร ปัญหานี้ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอปวดหัวอยู่บ้าง

เป็นสัตว์เลี้ยงน่ะหรือ นั่นสิ้นเปลืองอยู่บ้าง ขับเคลื่อนมันต่อสู้น่ะหรือ รูปแบบภาพก็แปลกประหลาดอยู่บ้างอีก

ส่วนกล่าวว่าเป็นสัตว์ใช้สำหรับขี่น่ะหรือ…

มุมปากเยี่ยนจ้าวเกอกระตุก ภายในสมองปรากฏฉากเหตุการณ์หนึ่ง…

‘ข้าทำให้เตาผลึกหินชั้นในปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง!’

‘สัตว์พาหนะข้าคือหมีสยงเมาตัวหนึ่ง’

‘ข้าทำให้วิชาเข็มทองผ่านโอสถปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง!’

‘สัตว์พาหนะข้าคือหมีสยงเมาตัวหนึ่ง’

‘ข้าทำให้สายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำของเขาไร้พรมแดนฟื้นคืน!’

‘สัตว์พาหนะข้าคือหมีสยงเมาตัวหนึ่ง’

‘ข้าโจมตีจนจอมยุทธ์ระดับเดียวกันจนพวกเขาต้องก้มศีรษะให้ ไม่อาจต้านทานได้!’

‘สัตว์พาหนะข้าคือหมีสยงเมาตัวหนึ่ง’

‘…’

………………..

[1] หมีสยงเมา คือ หมีแพนด้า