ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 158 ตัวผลาญกิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

‘สัตว์พาหนะของเจ้าคือหมีสยงเมา…’

 

‘สัตว์พาหนะคือหมีสยงเมา…’

 

‘คือหมีสยงเมา…’

 

‘หมีสยงเมา…’

 

ในหัวเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับมีเสียงกำลังดังก้องไม่หยุดหย่อน ทำให้เข้าอดไม่ได้ที่จะกลอกตาขาว ‘…อันที่จริงแล้ว ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่งกระมัง มีผลดึงดูดสายตาอย่างสุดขีด โดดเด่นเต็มร้อย แตกต่างไม่ธรรมดา เพียงแต่ความรู้สึกนึกคิดทั้งอัปยศอดสู ทั้งสุขกายสบายใจเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน?’

 

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับตนเอง ยิ้มขมขื่นพลางมองหมีสยงเมายักษ์เบื้องหน้า ‘ช่างเถิด ต่อให้เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง แม้ปริมาณการกินจะค่อนข้างมาก แต่มองดูก็เพลินตา รับหน้าที่แสดงความน่ารักโดยเฉพาะ ดีเหมือนกัน หากนำมาใช้เกี้ยวสตรี คิดไปแล้วก็เป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพเช่นกันกระมัง?’ มุมปากของเขายกขึ้น มีความคิดที่ไม่ดีนักอยู่บ้าง

 

เขาหันหน้ากลับไปมองเซี่ยโยวฉานที่อยู่ข้างๆ “ศิษย์พี่เซี่ย ขอพูดตามตรงไม่ปิดบัง สัตว์ตัวนี้สะดุดตาข้าอยู่พอควร ไม่ทราบว่าสำนักท่านจะตัดใจทิ้งได้หรือไม่”

 

แท้จริงแล้วทะเลสาบปิดนภาคือท้องถิ่นของหอคลื่นโหม ครั้งนี้ประสบเจอหมีสยงเมายักษ์ตัวนี้ ก็เป็นเพราะชายหนุ่มติดตามเซี่ยโยวฉานมาด้วยเช่นกัน

 

เซี่ยโยวฉานได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม “สำนักข้านอกจากเลี้ยงห่านเพลิงและสัตว์วิเศษอยู่ไม่กี่ชนิด ไว้ส่งสารและเป็นพาหนะแล้ว น้อยนักจะเลี้ยงสัตว์วิเศษ เจ้าไม่เอ่ยปาก ข้าก็นำเจ้าปี่เซียะภูเขาส่งออกนอกอาณาบริเวณทะเลสาบปิดนภาเพียงเท่านั้น หลีกเลี่ยงไม่ให้มันส่งผลกระทบต่อค่ายกล”

 

“ศิษย์น้องเยี่ยนต้องการ แน่นอนว่าสามารถจับได้ และหากต้องการความช่วยเหลือจากข้า ขอเพียงแค่เจ้าเอ่ยวาจาก็พอ แต่ข้าเห็นเจ้ากับสหายด้านข้างท่านนี้แล้ว จะจับปี่เซียะภูเขาตัวนี้ก็ไม่ยากเย็น ลงมือได้เลย”

 

อีกฝ่ายไม่เอ่ยเรื่องค้าขาย ปล่อยตนจับสัตว์ตามสบาย เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินแล้ว ก็พลันยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณน้ำใจไมตรีของศิษย์พี่เซี่ย ข้ากล่าวขอบคุณก่อน จักต้องมีตอบแทนภายหลังเป็นแน่”

 

เซี่ยโยวฉานใจกว้าง แน่นอนว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่อาจเอารัดเอาเปรียบนางได้ หลังจากใคร่ครวญอยู่ภายในใจครู่หนึ่ง ก็นับว่าเขามีแผนการอยู่ในหัวแล้ว เพียงแต่ว่าไม่รีบเร่งกระทำในเวลานี้แต่อย่างใด จับหมีสยงเมายักษ์เบื้องหน้าตัวนี้ก่อนค่อยว่ากล่าวดีกว่า

 

เยี่ยนจ้าวเกอโบกไม้โบกมือไปทางอาหู่ อีกฝ่ายยิ้มซื่อ พลันคันไม้คันมือทันที เตรียมเดินไปทางใจกลางพื้นที่ว่างพร้อมกับคุณชายของเขา

 

“หืม?” กระนั้นทันใดนั้นเอง สายตาเยี่ยนจ้าวเกอจดจ่อโดยพลัน รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนของปราณจิตราจอมยุทธ์จากที่ห่างไกลออกไปอย่างอยู่รางๆ ข้างหูยิ่งคล้ายกับเกิดเสียงคันศรและสายธนูหนึ่งดังขึ้นเป็นพักๆ

 

เป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่กลุ่มคนของตนแต่อย่างใด จู่ๆ ก็มีลูกศรยิงจากอีกทิศทางหนึ่ง พุ่งไปยังหมีสยงเมาที่อยู่ใจกลางพื้นที่ว่าง!

 

ชายหนุ่มจ้องมองไป พบว่าทิศทางที่ลูกศรยิงออกมามีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ภายในป่าไผ่ ใบหน้าปรากฏสีหน้าละโมบอย่างชัดแจ้ง จดจ้องหมีสยงเมายักษ์ที่อยู่กลางพื้นที่ว่างนั้น

 

‘ไม่ใช่คนของหอคลื่นโหม ทว่าก็เป็นถึงจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา จอมยุทธ์ของบึงพิภพได้รับอนุญาตจากหอคลื่นโหม เข้าสู่ทะเลสาบปิดนภามาหาโชค…เขาไม่ได้พบเห็นพวกข้า แต่กลับเฝ้าดูเจ้านั่น เกิดความคิดละโมบในจิตใจ’

 

‘น่าจะมีเพียงแค่ระดับขั้นเคียงนภาระยะต้นเท่านั้น จึงกังวลว่าพลังตนเองไม่เพียงพอแก่การจับเป็นหมีสยงเมาตัวนี้ ถึงได้ช่วงชิงสถานการณ์ที่หมีสยงเมาเลื่อนชั้นลอบโจมตี’

 

แค่เพียงไม่นาน ในใจเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความคิดมากมาย จากนั้นเขาก็เหินกายขึ้นท้องฟ้า มือขวาสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากภายในแขนเสื้อ ส่งเสียงราวกับมังกรคำรามออกมา ชั่วพริบตาก็ทะลุผ่านพื้นที่กว่าร้อยจั้ง

 

กระบี่ของเขาลอยอยู่กลางอากาศ สกัดลูกศรนั้นที่อีกฝ่ายยิงออกมา!

 

“เหอะ ลูกศรระเบิดวิญญาณ ยอมลงทุนนี่” ขณะกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอหักลูกศรอยู่นั้น เขาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องทันที

 

ลูกศรที่ยิงมาของผู้มาเยือน คือลูกศรระเบิดวิญญาณที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ลูกศรนี้ล้ำค่าหายากเป็นพิเศษ ทว่าอานุภาพก็แก่กล้าอย่างยิ่ง แม้ว่าด้ามลูกศรจะถูกคู่ต่อสู้สกัดกั้นไว้ ก็สามารถกลายสภาพเป็นการรุกโจมตีระลอกที่สอง สร้างการสังหารและทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้

 

จอมยุทธ์ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาถูกธนูลับจู่โจมกะทันหัน ล้วนไม่ง่ายจะต้านทาน ได้แต่ยิ่งต้องกล้ำกลืนความเจ็บแค้นไว้!

 

หลังจากกระบี่ของถูกเยี่ยนจ้าวเกอหักลูกศรแล้ว ภายในลูกศรพลันมีแสงจ้าปลดปล่อยออกมาทันที

 

ลูกศรนี้แม้จะมีพลังอานุภาพมาก แต่ก็จัดการเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้โดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกันหมีสยงเมาตัวนั้นกำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการเลื่อนชั้น ใกล้เสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้าย เวลานี้หากถูกรบกวนเพียงเล็กน้อย ผลพวงอาจน้อยหรือมากก็ไม่มีผู้ใดรู้

 

เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก ส่ายศีรษะไปพลาง แกว่งกระบี่ไปพลาง

 

ชายหนุ่มยื่นกระบี่ออกไปประหนึ่งมังกร วาดวงกลมวงหนึ่งอยู่กลางท้องฟ้า

 

ประกายกระบี่สาดส่องไปทั่วทุกหนแห่ง ทิ้งร่องรอยกลางนภา วงกลมแสงส่องประกายระยับ บริเวณตรงกลางราวกับน้ำวน ส่งแรงดูดมหาศาลออกมา

 

หลังจากลูกศรระเบิดวิญญาณระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แล้ว แสงสีทองหลากสายที่เปล่งออกมา โถมเข้าสู่ภายในวงกลมแสงที่กลายสภาพมาจากประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งหมด

 

เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ปราณวิญญาณที่เดิมทีสั่นกระเพื่อมเนื่องด้วยหมีสยงเมานั่น พลันไม่เสถียรขึ้นมาเพราะถูกประกายกระบี่เยี่ยนจ้าวเกอลากดึง ปราณวิญญาณจำนวนมากก็ถูกวงกลมแสงอันแปรสภาพมาจากประกายกระบี่ดูดกลืนเช่นเดียวกัน

 

ลมเมฆกลางท้องฟ้าซัดสาด ค่ายกลถูกกระตุ้นจนเกิดปฏิกิริยาออกมา โคจรด้วยตนเอง

 

เมฆหมอกเบื้องหน้าผู้คนพลิกหมุน ท้องฟ้าราวกับเคลื่อนที่สะเปะสะปะไม่หยุดหย่อน สิ่งของกระจัดกระจายโดยพลัน

 

ไม่นานนักค่ายกลก็ถูกคนควบคุม เมฆควันอันยุ่งเหยิงสงบลงอย่างฉับไว

 

ปรากฏการณ์ที่ผกผันเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกลับคืนสู่สภาพปกติ ตรงหน้ายังคงเป็นป่าเขาเมื่อครู่ เพียงแต่ไผ่เขียวขจีอันสูงใหญ่ล้มทั้งผืนราวกับนาข้าวสาลีที่ต้องลมพัดแรง

 

“เหอะ จะหาเรื่องลำบากให้ไปไย” เยี่ยนจ้าวเกอเก็บกระบี่อย่างไม่สบอารมณ์นัก รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่บ้าง

 

ครั้นหันศีรษะกลับไปมอง ก็พบเจ้าอ้วนหัวโตขนปุกปุย กลมเป็นก้อนตัวหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้า ดวงตาในวงขอบสีดำคู่หนึ่งกำลังกะพริบปริบๆ

 

เยี่ยนจ้าวเกออดไม่ได้ที่จะนิ่งเงียบ “นี่ เจ้าตามข้ามาถึงที่หนึ่งแล้วนะ”

 

หมีสยงเมายักษ์ที่คล้ายกับช้างตัวน้อยตัวหนึ่ง ติดตามเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงเบื้องหน้าของเขาด้วยความสนิมสนมและงุ่มง่ามอยู่บ้าง

 

ชายหนุ่มหลุดหัวร่อ “ฮะฮ่า เจ้าตัวใหญ่นี่” เขาเอ่ยพลางยืนมือของตนออกไป ลูบขนสีขาวและดำสลับกันของหมีสยงเมายักษ์ตัวนั้น ก่อนที่มันจะแลบลิ้นออกมาเลียกลางฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอเบาๆ

 

เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าก็ต้องการจะจับเจ้าเหมือนคนผู้นั้นเช่นกัน เพียงแต่ข้ามีความมั่นใจว่าต่อให้เจ้าเลื่อนขั้นแล้ว ข้าเองก็สามารถจับเจ้าได้เช่นกันก็เท่านั้น”

 

หมีสยงเมายักษ์กะพริบตาปริบๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปากแผลบๆ ภายในดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นความแวววาวอันเป็นธรรมชาติยิ่ง

 

“โอ้ ฉลาดไม่เบานี่” เยี่ยนจ้าวเกอค้นพบว่าตนเองสามารถอ่านความหมายของประกายตาหมีสยงเมายักษ์นี้ได้รางๆ เพียงแต่ว่า หลังจากอ่านเข้าใจแล้ว เขาก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง

 

แววตาอันอ่อนเปลี้ยเกียจคร้านนี้ โดยมากคือกำลังเอ่ยถามว่าหากอยู่กับเจ้าแล้ว จะกินอิ่มท้องหรือไม่…

 

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูมันอย่างอารมณ์ดี ทั้งยังขบขัน “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะจับเจ้าไป เพื่อสังหารเจ้ากินเนื้อรึ”

 

หมีสยงเมายักษ์ตัวนั้นรุดหน้าเข้ามาใกล้ด้วยความซุกซนไร้เดียงสา ใช้หัวถูไถเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่สนใจสิ่งใด

 

ชายหนุ่มถอนใจเสียงหนึ่ง “เจ้าก็ต้องลดๆ ยั้งๆ เสียบ้าง หากกินเก่งจนเกินไป ข้าคงจำต้องลากเจ้าไปเร่แสดงแลกเบี้ยแล้ว”

 

เจ้าหมีสยงเมายักษ์ร้องเรียกแผ่วเบา คล้ายกับมนุษย์กำลังเปิดปากหัวเราะอย่างไรอย่างนั้น

 

เขาเงยหน้าขึ้นพลางครุ่นคิด “ข้าคิดก่อนนะ เจ้าหมีสยงเมาตัวนี้…เอ่อ รายการอาหารของเจ้าปี่เซียะภูเขาเป็นอย่างไรกัน”

 

ถึงแม้ว่าจะตะกละ โดยเฉพาะละโมบกินไผ่หลากชนิด ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่การกินรองท้อง หรือไม่ก็อยากกินเท่านั้น เท่าที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้ หากปี่เซียะภูเขาคิดอยากจะยกระดับพลังตน จำเป็นต้องเขมือบโลหะกล้าและแร่วิเศษหลากหลายรูปแบบเข้าไป อีกทั้งมันยังโปรดปรานศิลาแร่โลหะวิเศษที่เต็มไปด้วยปราณหยินและหยางเป็นอย่างยิ่ง

 

ทว่าสิ่งของชนิดนี้ มักจะพบได้ค่อนข้างยาก อีกทั้งมีราคาสูงลิ่ว

 

เปรียบเทียบกับปริมาณการกินของเจ้าตัวใหญ่เบื้องหน้านี้ มันคือตัวผลาญกินอย่างแท้จริง

 

………………..