ตอนที่ 567 ใครมาหาข้า?
“ข้าน้อยเฟิ่งจิ่ว คารวะท่านผู้นำตระกูลหลิน” เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นยืน ประสานมือคารวะ
ได้ยินแล้ว หลินป๋อเหิงตรงตำแหน่งผู้อาวุโสนิ่งอึ้ง เบิกตาโตจ้องนางอย่างตกใจ “จะ เจ้าคือเฟิ่งจิ่ว? เฟิ่งชิงเกอ? หลานสาวซานหยวน?” เขาพินิจมองจากบนลงล่าง ไม่นึกว่าจะมองไม่ออกว่าหนุ่มน้อยเบื้องหน้าคนนี้เป็นผู้หญิง?
ผู้หญิงคนไหนจะแต่งตัวเป็นชายแล้วทั่วร่างไม่มีท่าทางชดช้อยเยี่ยงสตรีแม้แต่น้อยเช่นนางได้? แล้วใครบ้างที่กิริยาเต็มไปด้วยความงามสง่าไม่แยแสใครเช่นนางได้? หากนางไม่แจ้งเขาคงไม่เชื่อ ว่าคนตรงหน้าคือหลานสาวคนนั้นของซานหยวน
เขาเคยสั่งคนไปตรวจสอบแล้ว จึงรู้แน่นอนว่าหลานสาวของซานหยวนเดิมทีมีนามว่าเฟิ่งชิงเกอ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเฟิ่งจิ่ว แต่ในใจเขานึกสงสัย นางรู้เรื่องที่ซานหยวนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ซ้ำยังมาหาถึงบ้านอีก?
หลานสาวซานหยวนคนนี้ จากข่าวที่สืบกลับมาก็รู้ว่าไม่ธรรมดา นึกไม่ถึงว่าเมื่อเห็นด้วยตาตัวเองจะยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ
ยังมีชายชุดคลุมดำคนนั้นอีก…
สายตาเขามองที่ร่างชายชุดคลุมดำ แอบคิดว่านี่คงเป็นผู้แข็งแกร่งที่ช่วยพวกเขากำจัดผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ! สังหารระดับกำเนิดวิญญาณภายในเสี้ยวพริบตา คนคนนี้อันตรายจริงๆ’
“ใช่เจ้าค่ะ” เฟิ่งจิ่วผุดรอยยิ้ม “รู้ว่าท่านปู่อยู่ที่นี่ ข้าจึงมาดูเสียหน่อย”
ได้ยินดังนี้ หลินป๋อเหิงสีหน้าแปลกไป ในใจไตร่ตรองคำพูดประโยคนี้อย่างละเอียด ‘รู้ว่าปู่นางอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย? แค่ดูหรือ?’
“แค่กๆ!”
เขากระแอมไอ ใบหน้าน่าเกรงขามฉีกยิ้มที่คิดเอาเองว่าเป็นมิตรออกมา “เช่นนั้น เจ้าหนูเฟิ่ง เอ่อ ไม่สิ แม่หนูเฟิ่ง ข้ากับปู่เจ้าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าผู้นำตระกูลหลินหรอก เรียกข้าว่าท่านปู่หลินก็ได้”
“เจ้าค่ะ ท่านปู่หลิน” ใบหน้าเฟิ่งจิ่วมีรอยยิ้ม ราวกับคนช่างพูดช่างจา ท่าทางน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง
“เรื่องนี้ แม้ตอนนั้นจะลักพา…เอ่อ เชิญปู่เจ้ามา แต่พวกเราก็สนใจสถานการณ์ทางฝั่งพวกเจ้า เดิมคิดว่าหากถึงเวลาต้องการความช่วยเหลือจะลงมือ แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้ากับพ่อจะจัดการเรื่องได้ดีถึงเพียงนั้น หลังจากรู้เรื่องข้ายังบอกปู่เจ้าเป็นพิเศษว่าเขามีหลานสาวดี”
สีหน้าหลินป๋อเหิงกระอักกระอ่วน ลักพาตัวปู่นางมาแล้วหลานสาวเขามาหาถึงบ้าน เขารู้สึกร้อนตัวอย่างที่อธิบายไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อชายชุดคลุมดำคนนั้นกวาดมองมาทางเขาอยู่บ่อยครั้ง ความรู้สึกกดดันมหาศาลยิ่งทำให้ฝ่ามือเขามีเหงื่อซึม ในใจกลืนไม่เอาคลายไม่ออก ถึงขั้นตึงเครียด
“ท่านปู่หลินไม่จำเป็นต้องกระวนกระวายใจ ข้าไม่ได้ถือโทษพวกท่าน” เฟิ่งจิ่วเอ่ยยิ้มๆ “ข้ามาหาถึงที่นี่ได้ ก็สืบเจอเรื่องท่านปู่และท่านน้าซู่ซี ครั้งนี้มาดูเสียหน่อยว่าท่านปู่มีแผนการเช่นไร หากเขาอยากอยู่ที่นี่ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อเสียก่อน ท่านพ่อจะได้ไม่เป็นห่วง”
“เหอะๆ ที่แท้เจ้าก็รู้เรื่องพวกเขาสองคนแล้ว?” หลินป๋อเหิงถอนหายใจเบาๆ บอกว่า “อันที่จริงพวกเขาสองคนพูดชัดเจนแล้ว วันนั้นปู่เจ้ายังบอกว่าจะกลับไปก่อน ให้คนเตรียมการดีๆ เสียหน่อย จะได้สู่ขอซู่ซีให้เรียบร้อย หากเขารู้ว่าเจ้ามาจะต้องดีใจมากแน่ๆ”
ได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนหน้าเฟิ่งจิ่วยิ่งกว้างขึ้น “เจ้าค่ะ ข้าก็คิดว่าหากเขาพบข้าน่าจะประหลาดใจมาก” ขณะกำลังพูดก็ได้ยินเสียงท่านปู่ลอยมาจากด้านนอก
“ใคร? ใครมาหาข้า?” ผู้เฒ่าเฟิ่งสาวก้าวเดินมา พลางถามพ่อบ้านที่นำทางอยู่
………………………………………………….
ตอนที่ 568 แย่แล้ว แม่หนูเฟิ่งมา
“ผู้เฒ่าเฟิ่งเข้าไปก็รู้เองขอรับ” พ่อบ้านกล่าวยิ้มๆ หยุดฝีเท้าลงไม่เดินหน้าต่อ เพราะตรงหน้าเป็นห้องรับแขกแล้ว
เห็นเช่นนี้ผู้เฒ่าเฟิ่งจึงเอามือไพล่หลังเดินไปด้านหน้า เมื่อก้าวเข้าห้องรับแขกและเงยหน้ามองไปด้านใน แวบแรกเขาก็ตกใจจนร่างสะดุ้งโหยง ยามสบดวงตายิ้มแย้มคู่นั้น ใบหน้าเขายิ่งแดงก่ำไปหมด ถึงกับวิ่งหนีออกไป หายลับไร้ร่องรอย
“ท่านปู่…”
เฟิ่งจิ่วตกตะลึง เพิ่งลุกขึ้นยืนเรียกไปหนึ่งคำถึงจะเห็นท่านปู่ นึกไม่ถึงว่าเขา…จะตกใจเธอจนวิ่งหนีไปแล้ว?
“หรือว่าข้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม? ไม่นึกเลยว่าจะทำให้ท่านปู่ตกใจ?” เธอขมวดคิ้ว มือหนึ่งลูบๆ หน้าตัวเอง มองไปทางเซวียนหยวนโม่เจ๋อด้วยสีหน้าแปลกๆ
“เหอะๆ ซานหยวนรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับซู่ซีมาตลอด และคิดว่าตัวเองอายุมากแล้ว แต่ซู่ซีกลับมีรูปโฉมอายุยี่สิบ เดาว่าจู่ๆ พบเจ้าที่นี่คงไม่ทันได้เตรียมตัวกระมัง!” หลินป๋อเหิงยิ้มๆ ลุกขึ้นเอ่ยอย่างจนใจ “ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่เรือนเขาแล้วกัน! เขาต้องซ่อนตัวไม่กล้าพบใครแน่”
ได้ยินแล้วเฟิ่งจิ่วนิ่งไป จากนั้นค่อยมองฮุยหลางและนึกถึงคำพูดของเขาตอนนั้น จึงหัวเราะขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่นึกว่าท่านปู่เห็นข้าจะไม่ประหลาดใจ แต่ตกใจเสียมากกว่า! เฮ้อ! นี่ข้าไม่ควรมาใช่ไหม?”
ยามนี้แม้แต่เซวียนหยวนโม่เจ๋อยังยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างอดไม่ไหว ลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับนาง จากนั้นตามหลินป๋อเหิงไปยังเรือนของผู้เฒ่าเฟิ่ง
เวลานี้เอง ผู้เฒ่าเฟิ่งหน้าแดงก่ำกำลังวิ่งไปยังเรือนราวกับมีไฟลนก้น กระซิบพึมพำตลอดทางว่า “แย่แล้วๆ ทำไมแม่หนูเฟิ่งถึงมาหา? หะ หากนางรู้เรื่องข้ากับซู่ซี จะเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ไหน?”
ช่วงเวลานี้ ไหนเลยเขาจะยังจำคำพูดพวกนั้นตอนที่หลินป๋อเหิงสอนสั่งได้? สิ่งที่เขานึกถึงยามนี้มีเพียงหลานสาวเขามาแล้ว แต่ที่นี่เขายังมีผู้หญิงอีกคน! หากนางรู้เรื่องจะคิดอย่างไรกับคนที่เป็นปู่เช่นเขา? จะคิดว่าเขาแก่แล้วไม่รู้จักเคารพตัวเองหรือไม่?
“ทำอย่างไรดีๆ? จะทำอย่างไรดี?”
“ทำอย่างไรอะไร?”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เจือความสงสัยดังมา เขาตกใจสะดุ้งเสียดื้อๆ พลันตบๆ หน้าอกแล้วมองผู้มาใหม่ “ซู่ซี? ทำไมเป็นเจ้า? เจ้ามาได้อย่างไร”
“ข้าอยากมากินอาหารเช้ากับท่าน หลังจากสั่งคนเตรียมอาหารก็ไม่เห็นท่านแล้ว ได้ยินว่ามีคนมาหา กำลังคิดจะไปดูเสียหน่อยก็เห็นท่านวิ่งลนลานเข้ามา แม้แต่ข้าอยู่ตรงนี้ท่านยังไม่เห็น ทั้งยังพึมพำว่าทำอย่างไรดีๆ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“นะ นี่…”
ผู้เฒ่าเฟิ่งไม่รู้จะพูดเช่นไรไปชั่วขณะ ทำได้เพียงนั่งลงบนม้านั่งหินพลางร้อนใจ
เมื่อเห็นเช่นนี้ นางถามอย่างสงสัยทันที “ใครมาหาท่าน ที่นี่ไม่มีคนรู้จักท่านไม่ใช่หรือ?”
“เฮ้อ! แม่หนูเฟิ่งมา หลานสาวข้า หลานสาวข้ามาแล้ว” เขาทำหน้าโศกสลด กลัวว่าหลังจากแม่หนูเฟิ่งรู้เรื่องนี้จะรับไม่ได้ จะโกรธเขาหรือไม่? และจะไม่ยอมรับปู่อย่างเขาคนนี้หรือเปล่า?
“แม่หนูเฟิ่ง? แม่นางน้อยมากฝีมือคนนั้นน่ะหรือ?” ซู่ซีอึ้งไปสักพัก จากนั้นค่อยยิ้ม “นางมาได้พอดีเลย ข้าอยากเจอนางเสียหน่อย! สองสามวันก่อนท่านยังคุยว่าคิดถึงนางไม่ใช่หรือ ทำไมนางมากลับวิ่งกลับมาซ่อนเล่า?”
“นี่ ข้า…” เขากำลังจะเอ่ยปาก สีหน้าท่าทางพลันแข็งทื่อ ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะลอยมาก็ตกใจจนผลุงขึ้นจากม้านั่งหิน
“แย่แล้วๆ พวกเขามาแล้ว”
………………………………………………….