ตอนที่ 199: ทะลวงผ่านอีกครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 199: ทะลวงผ่านอีกครั้ง

พริบตาเจี้ยนเฉินก็อยู่ในหมู่บ้านหวางแห่งนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว ในเวลาที่ผ่านมานี้ เจี้ยนเฉินไม่เคยออกมาจากห้องของเขาเลย เขาเลือกที่จะใช้เวลาทั้งวันในห้องเพื่อบ่มเพาะอย่างสงบ ทุก 2-3 วันหรือบางครั้งก็ทุก 4 วันเขาจะออกมาทานอาหารพร้อมกับครอบครัวรอสโก้ แต่นอกเหนือจากนี้ เขาจะอยู่แต่ในบ้านและหลังจากที่เขาทานอาหารเสร็จแล้วเขาก็ยังคงบ่มเพาะต่อไป โอกาสที่จะออกไปจากหมู่บ้านนั้นยิ่งยากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ใช้เวลาครึ่งเดือนในการบ่มเพาะ พลังเซียนของเจี้ยนเฉินก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากการที่ใช้แกนอสูรไปมากมายและหมดไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีแกนอสูรระดับ 3-4 อีกมากมายในเข็มขัดมิติที่เขาได้ฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญหลังจากที่เขากลับไปที่เมืองฟินิกซ์ ด้วยแกนอสูรที่มากมาย เขาไม่ต้องกลัวว่าจะต้องออกไปหามันอีก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีแกนอสูรระดับ 5 อยู่ในแหวนมิติของเขา ซึ่งมันดีกว่าแกนอสูรระดับ 4 นับร้อยอันรวมกันเสียอีก เขาสามารถใช้พวกมันตัดผ่านไปเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ

ตอนนี้เจี้ยนเฉินอยู่ในขั้นสุดยอดของเซียนผู้เชี่ยวชาญแล้ว สิ่งเดียวที่ขวางไม่ให้เขายกระดับไปยังเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษคือม่านที่ขวางกั้นบาง ๆ

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เจี้ยนเฉินไม่กล้าที่จะหยุดบ่มเพาะ เมื่อลืมตาจะเห็นได้ถึงความสงบอยู่ในสายตาของเขาและมีอารมณ์ที่เบาบางกระจายออกมา มันต้องใช้เวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะทะลวงผ่าน มันเป็นความอับอายมากที่สิ่งอันตรายที่หลบซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาขัดขวางการตัดผ่านของเขา ทันทีที่เขาตัดผ่านไปเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เขาจะกลับไปแก้แค้นตระกูลเทียนซ่งในเมืองเวคก็เป็นได้

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เจี้ยนเฉินทำร่างกายให้สงบและนำแกนอสูรระดับ 4 กว่า 10 ชิ้น ออกมาจากเข็มขัดมิติและวางไว้ที่ตักของเขาเพื่อเริ่มการบ่มเพาะ

เพราะว่าเขาอยู่ในจุดวิกฤติก่อนที่เขาจะทะลวงผ่าน เขาต้องการพลังมากกว่านี้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะเอาแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติตลอดเวลา เพราะงั้นเขาจึงต้องเอามันออกมาพร้อมกันทีเดียว

เมื่อเตรียมการเสร็จสิ้น เจี้ยนเฉินก็ถือแกนอสูรระดับ 4 ไว้ในมือแต่ละข้างและเริ่มหลับตาทำสมาธิ

หลับตาและอีกวันก็ผ่านพ้นไปสำหรับเจี้ยนเฉิน บ่ายวันถัดมา รอสโก้และฮูหยินรวมทั้งลูก ๆ ของเขาก็มารวมตัวกันเพื่อทานอาหารกลางวัน

นี่เจี้ยนเฉินเอาแต่บ่มเพาะมากเกินไปแล้ว เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว เขายังออกมาทุก ๆ 3-4 วันหรือมากกว่านั้นเพื่อมาทานอาหาร ข้าไม่รู้ว่าเขาอดทนมันได้อย่างไร และมันก็ผ่านมา 4 วันแล้วที่เขาไม่ได้ออกมาจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว ไอ๊หยา! ข้ากังวลว่าเขาจะฝึกหนักจนล้มป่วย ฟางฮุ่ยมองไปที่ประตูห้องเจี้ยนเฉินที่ปิดอยู่พร้อมกับใบหน้าที่แสดงความกังวลออกมา

รอสโก้หัวเราะกับคำพูดของนาง ฟางเอ๋อ เจ้าไม่เคยสัมผัสกับพลังเซียน แต่มันเป็นพลังที่เหลือเชื่อและลึกลับ เจี้ยนเฉินฝึกหนักกว่าข้าอย่างน้อย ๆ ก็ร้อยเท่า แต่เขาก็ยังไม่ได้ฝึกจนบาดเจ็บ สำหรับการไม่กินอาหารนั้นไม่จำเป็นต้องพูดเลย ในทวีปเทียนหยวนผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งจริง ๆ นั้นสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหารอย่างน้อย 10 วันโดยไม่มีปัญหา ตัวข้าเองบางครั้งก็ไปไหนโดยไม่ต้องกินอะไรกับสหาย อย่างน้อย 5 วันและยังมีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะต่อสู้กับพวกโจรอีก

ฟางฮุ่งย่นจมูกด้วยความรังเกียจ เจ้าก็คือเจ้า และเจี้ยนเฉินก็คือเจี้ยนเฉิน อย่าลืมว่าตอนนั้นเจ้าอายุ 30 ปีเข้าไปแล้ว เจี้ยนเฉินเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่มีร่างกายไม่ได้ก่ำยำล่ำสัน ร่างกายของเขาจะมาเทียบกับเจ้าในเวลานั้นได้อย่างไร ?

รอสโก้ถอนหายใจและกล่าวว่า ฟางเอ๋อ เจ้าไม่เคยเดินทางไปทั่วทวีป ดังนั้นเจ้าเลยไม่รู้ว่าพวกเขาทำงานกันอย่างไร ให้ข้าอธิบายกับเจ้าหน่อย ความแข็งแกร่งของผู้คนไม่ได้นับตามอายุ อาจจะมีคน 2-3 คนที่มีความสามารถ แต่ก็ไม่อาจควบกลั่นพลังเซียนให้มาเป็นอาวุธเซียนได้หลังจากผ่านมาทั้งชีวิต และคน 2-3 คนนั้นก็ยังเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ พวกเขามีแม้กระทั่งทรัพยากรแต่ก็ไม่อาจไปสูงได้มากกว่านี้

ยกตัวอย่างหมู่บ้านหวางของเรา หลังจากผ่านมา 100 ปี คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่เซียนระดับสูงเท่านั้น สำนักหลายแห่งในทวีปเทียนหยวนมีมาตรฐานอยู่ที่เซียนระดับสูงเป็นอย่างน้อยหากจะจบการศึกษา มีคนหลายคนที่อายุไม่ถึง 30 ปีก็มีความแข็งแกร่งเท่ากับหัวหน้าหมู่บ้านของเรา

ฟางฮุ่ยพยักหน้าราวกับว่านางเข้าใจ แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดถูก แต่ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็ไม่อาจบอกได้มากนัก เขายังเด็กเกินไป

ขณะที่รอสโก้กำลังจะเปิดปากอธิบายให้ฟางฮุ่ยอีกครั้ง ก็เกิดลมหมุนออกมาจากห้องของเจี้ยนเฉินทำให้ฝุ่นทรายบินไปทั่วทุกหนทุกแห่งรวมทั้งโต๊ะอาหาร

บัดซบ มีลมกรรโชกที่แรงอย่างนี้ได้อย่างไร ? รอสโก้ตะโกนก่อนที่จะเดินไปปิดประตู

ฮือออออ….ฮือออ…ท่านพ่อ ท่านแม่ มีผงเข้าตาข้า ข้ามองไม่เห็น ! รั่วจื่อเอามือปิดหน้า มีน้ำตาไหลออกมาพร้อมกับร้องไห้

ฟางฮุ่ยรับไปหารั่วจื่อทันทีและปลอบนางว่า เงียบ ไม่ต้องร้อง แม่มาแล้ว ให้แม่ช่วยเจ้าเอาผงออกจากตา ลืมตาขึ้นช้า ๆ

รอสโก้มองกลับไปที่โต๊ะซึ่งทุกจานตอนนี้เต็มไปด้วยฝุ่นอย่างสับสน ก่อนที่เขาจะพูดกับครอบครัวของเขาอย่างจริงจัง พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อนข้าจะไปตรวจสอบดู ลมพายุนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สิ่งเหล่านี้มีลางว่าอาจจะเป็นอันตราย รอสโก้เดินไปเปิดและปิดประตูอย่างไวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

ด้านนอกลมพายุที่เกิดขึ้นอย่างกระทันทำให้ทุกที่เต็มไปด้วยฝุ่นที่บินไปทั่ว ลอยขึ้นไปบนฟ้าและบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้มันไม่อาจมีแสงส่องลงมาได้เว้นแต่ประกายจาง ๆ เสื้อผ้าบางส่วนที่แขวนไว้ด้านนอกต่างก็ลอยขึ้นไปบนอากาศและโบกไปมา แม้แต่กระเบื้องบนหลังคาก็ถูกยกขึ้นเล็กน้อยในขณะที่กระท่อมเก่า ๆ ถูกทำลายจากพายุ

เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีพายุอย่างกะทันหัน…

นี่มันเป็นเรื่องน่าแปลกจริง ๆ มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงมาก…

จากที่ไกล ๆ ผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านหวางต่างก็ออกมาจากบ้านและเต็มไปด้วยความสับสน

รอสโก้มองไปรอบ ๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะมองไปยังห้องเล็ก ๆ ที่เจี้ยนเฉินอยู่ ดวงตาของเขาหรี่ลงเมื่อเขาตระหนักได้ว่าฝุ่นละอองที่ปลิวออกมานั้นออกมาจากห้องของเจี้ยนเฉิน

หลังจากที่เดินทางมาหลายปี รอสโก้สามารถที่จะรู้และสรุปได้อย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณประสบการณ์ของเขาในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดพายุขึ้น เป็น..เป็นไปได้หรือไม่ ? ลมพายุเหล่านี้เกิดจากการที่เจี้ยนเฉินบ่มเพาะ ความคิดนี้ทำให้หัวใจของรอสโก้ลังเล จริง ๆ แล้วเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเมื่อมองดูผลลัพธ์เหล่านี้ เมื่อ 10 ปีก่อนตอนที่เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ เขาก็เคยมีประสบการณ์อย่างนี้แต่น้อยมาก เขาไม่อาจเชื่อได้เลยว่าเจี้ยนเฉินจะไปไกลกว่าเขาในเส้นทางสายนี้

ข้าต้องเข้าใจผิดเป็นแน่ที่คิดว่าเจ้าหนูนี่จะทะลวงเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ เขาอาจจะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษแล้วตอนนี้ รอสโก้คิด แม้ว่าเขาจะเป็นคนพิการ แต่ประสบการณ์มากพอที่จะเข้าใจสิ่งที่เจี้ยนเฉินเป็นอยู่ในตอนนี้

ดูนั่นทุกคน ลมมาจากทางทิศนั้น เสียงหัวหน้าหมู่บ้านตะโกนออกมาพร้อมกับชี้นิ้วออกไป

เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็มองไปตามทางที่นิ้วได้ชี้ออกไปก่อนที่จะตระหนักว่ามันคือบ้านของเจี้ยนเฉิน หัวหน้าหมู่บ้านพูดถูก มีลมออกมาจากทิศทางนั้น ! แค่มองดู มันเป็นฝุ่นมากมายกระจายออกมาจากที่นั่น

งั้นก็ไปเร็ว ๆ เลย !

ใช่แล้ว งั้นก็ไปดูกันว่ามันเกิดอะไร…

ท้ายที่สุดกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็มุ่งไปที่หน้าห้องของเจี้ยนเฉิน ทันทีที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รอสโก้ก็รีบเข้ามาขวางพวกเขาไว้ หัวหน้าหมู่บ้าน จะดีที่สุดที่เราจะไปที่อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนเจี้ยนเฉิน

รอสโก้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ข้าเห็นว่าพายุเกิดขึ้นจากที่นี่ หัวหน้าหมู่บ้านถามรอสโก้ด้วยความสับสน ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านก็เคร่งขรึม

ถูกต้อง รอสโก้ เกิดอะไรขึ้นในห้องนั่น? เข้าซ่อนสมบัติบางอย่างหรือเปล่า ? หัวหน้าหมู่บ้านถามอีกครั้ง

ถูกต้อง รอสโก้ เจ้าควรจะซื่อสัตย์ หากเจ้ามีสมบัติใด ๆ เจ้าควรจะเปิดเผยให้พวกเราดู

เร็ว ๆ แสดงสมบัติให้ทุกคนดู ข้ายังไม่เคยเห็นอะไรที่ทำให้เกิดลมพายุเลย !

ในขณะที่แต่ละคนต้องการมีส่วนร่วม พวกเขาก็อยากจะเห็นว่ามันมีสมบัติใด ๆ ซ่อนอยู่ภายในห้อง เสียงของพวกเขาแต่ละคนต่างก็บอกให้เอาออกมา

ชู่วว~…ทุกคนเงียบ รอสโก้อดไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนเงียบ อย่าเข้าใจข้าผิดนะทุกคน ข้าไม่ได้ซ่อนสมบัติอะไรเลย นี่เป็นผลมาจากการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉิน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตอนที่เป็นทหารรับจ้างเดินทางข้ามทวีป ตามที่ข้าเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉินกำลังจะทะลวงขอบเขต ช่วงเวลานี้สำคัญอย่างมาก หากเขาถูกรบกวน มันอาจจะเกิดหายนะให้กับเจี้ยนเฉิน เดินไปจากที่นี่ก่อน เราจะต้องไม่ไปรบกวนการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉิน

โอ้ มันเป็นอย่างนั้นหรอกรึ ?

ไม่มีทาง ข้าเคยเห็นเจี้ยนเฉินมาก่อน แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเก่งกาจถึงขนาดเรียกลมเรียกฝนได้แบบนี้

รอสโก้ เจ้ากำลังหลอกพวกเรางั้นรึ ?

ฝูงชนต่างบ่นออกมาด้วยความสับสน พวกเขาเป็นคนในหมู่บ้านและไม่เคยเดินทางออกไปข้างนอกในทวีปเทียนหยวน เลยมีคนจำนวนมากที่สงสัยการกระทำของรอสโก้ พวกเขาไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มอย่างเจี้ยนเฉินจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ สำหรับพวกเขานี่เป็นปริศนาที่ต้องค้นหาความจริง

หัวหน้าหมู่บ้านมองไปยังห้องของเจี้ยนเฉินด้วยความตกใจก่อนที่จะสูดลมหายใจลึก ๆ ทุกคน สิ่งที่รอสโก้พูดนั้นมีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าคำพูดของรอสโก้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ พวกเราก็จะได้รู้กันในเร็ว ๆ นี้ พวกเรารออยู่ที่นี่และหลีกเลี่ยงที่จะรบกวนเจี้ยนเฉิน

คำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านมีน้ำหนักอย่างมากในสายตาของทุกคน คำพูดของเขาทำให้หลายคนไม่กล้าฝ่าฝืน ทุกคนเริ่มเดินไปอย่างเงียบ ๆ ไม่นานพวกเขาก็เดินห่างออกมาจากห้องของเจี้ยนเฉิน

ลมพายุยังคงสร้างความเสียหายอย่างน้อยมากกว่าในระยะ 100 เมตรซึ่งมันก็ครอบคลุมทั้งหมู่บ้าน

ทุกคนถอยห่างออกไปอีก 50 เมตรและมองดูเล็กน้อย หลังจากนั้นอยู่ครู่หนึ่ง คนชรา, เด็กและผู้หญิงทุกคนก็ออกมาทั้งหมดพร้อมกับชายวัยกลางคนที่ยังคงมองไปที่พายุฝุ่นลึกลับนั่น

ตอนนี้ในหมู่บ้านหวางมีคนประมาณ 100 คน ชายฉกรรจ์ทุกคนถูกทิ้งไว้ให้จับตามองพื้นที่เหล่านั้นที่เกิดภาพแปลก ๆ ออกมา สิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่สิ่งที่น่าดึงดูดสายตาในทวีปเทียนหยวน แต่สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้ที่ซึ่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก นี่เป็นสิ่งที่แปลกมาก

ทำไมข้ารู้สึกเหมือนหัวใจจะเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ ? มันแทบจะหายใจไม่ออก ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างสับสนขณะที่เอามือนวดหน้าอก

ใช่ ข้ายังรู้สึกเหมือนหน้าอกของข้าจะยุบเข้าไป จนข้ารู้สึกแย่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้สึกว่าข้ากำลังแบกของหนัก ๆ ไว้ที่หลัง ชายวัยกลางคนก็พูดคล้อยตาม

ข้าด้วย หน้าอกของข้าแน่นจนหายใจไม่ออก ราวกับมีก้อนหินกำลังทับมาที่หน้าอกของข้า ข้าแทบจะหายใจไม่ได้เลย

พวกเจ้ารู้สึกอย่างไงบ้าง รู้สึกแปลก ๆ หรือไม่ ? ข้าคิดว่ามันเป็นเฉพาะข้าเท่านั้นที่รู้สึกแบบนี้

ข้าก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน…

ข้าด้วย…

เมื่อได้ยินทุกคนพูดแล้ว หัวใจของรอสโก้ก็เต้นผิดจังหวะทันทีที่ตระหนักถึงสถานการณ์ เขาตะโกนออกมาว่า ทุกคน หนีไป นี่คือแรงกดดันที่เรามองไม่เห็น มีเพียงแค่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะแผ่กระจายมันออกมาได้ มันจะกดดันทุกคนรอบ ๆ จอมยุทธระดับสูงจะใช้พลังเหล่านี้จำกัดอากาศและทำให้พวกเขาหายใจไม่ออกจนตาย

การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมากรวมถึงหัวหน้าหมู่บ้าน พวกเขาทั้งหมดรีบถอยห่างออกไป 100 เมตร แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าแรงกดอากาศนี้เป็นอย่างไร พวกเขาก็ยังคงเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่จอมยุทธระดับสูงบางคนสามารถทำให้แรงกดดันเหล่านี้กดดันให้พวกเขาตายได้

“ครืน ! “

หลังจากที่ทุกคนถอยห่างออกไป 100 เมตร ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้นมา บ้านไม้หลังเล็ก ๆ ที่เจี้ยนเฉินอาศัยอยู่ได้ถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ จากนั้นก็มีร่างมนุษย์คนหนึ่งทะลุหลังคาขึ้นไปบนอากาศราวกับลูกศรและสูงถึง 50 เมตรในพริบตา

“ย้าก ! “

เจี้ยนเฉินพุ่งขึ้นไปบนอากาศกว่า 50 เมตรและมีเสียงหวีดหวิวขณะที่กำลังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง ในเวลาเดียวกัน พลังเซียนก็พวยพุ่งขึ้นมาและหลอมรวมอยู่ในมือซ้าย พร้อมกับคลื่นพลังแสงที่รวมตัวกันเป็นลูกกลมที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวมของพลังเซียน จากนั้นมันก็พุ่งออกจากมือของเขาและพุ่งไปยังพื้นดินเบื้องหน้า

“ปัง ! “

เมื่อลูกกลมพลังแสงพุ่งกระทบพื้นดิน เสียงที่ดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่วอากาศ ควันและฝุ่นจำนวนมากก็ฟุ่งขึ้น หลังจากที่มันกระจายจนตกตะกอนก็พบว่ามีหลุมขนาดใหญ่ที่กว้างกว่า 4-6 เมตรและลึกกว่า 5 เมตรขึ้นมา

พลังเซียนเริ่มปรากฏและหลอมรวมอีกครั้งในมือขวาของเจี้ยนเฉินในครั้งนี้ มันควบแน่นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกระบี่สีเงินพร้อมส่องแสงเรืองรอง มันสามารถแข่งกับแสงอาทิตย์ที่ดึงดูดให้ผู้คนต้องแหงนมอง ดูเหมือนว่ากระบี่เล่มนี้จะสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์

ทันใดนั้น แสงสีเงินก็ส่องประกายและกระบี่ก็พุ่งทะลวงผ่านอากาศอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ปราณกระบี่จำนวนหนึ่งที่แหลมคมกรีดกรายออกมาจากตัวกระบี่ พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและกระทบพื้นดินห่างออกไป 100 เมตรด้วยความรวดเร็วสูง มันตัดผ่านหินได้อย่างเงียบเชียบและทิ้งไว้แค่รอยแยกบาง ๆ โดยไม่มีการแตกร้าวใด ๆ จากรอยแผลนั้น

หลังจากการทะลวงผ่านครั้งนี้ ร่างกายของเจี้ยนเฉินก็เริ่มร่อนลงสู่พื้นอย่างช้า ๆ แม้ว่าเขาจะสามารถกระโดดได้สูงถึง 50 เมตรภายในครั้งเดียว แต่เขาก็ลอยอยู่บนอากาศอยู่เพียงชั่วเวลาหนึ่ง

เจี้ยนเฉินลงมาที่พื้นพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา มันเป็นรอยยิ้มที่มั่นใจตัวเองมาก หลังจากที่บ่มเพาะแบบไม่หยุดพักเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน ความแข็งแกร่งของเขาก็ทะลวงจากเซียนผู้เชี่ยวชาญไปยังเซียนผู้เชี่ยวชาญระดับสูง