ปัก!
เอื้อก!
เจ็บเหลือเกิน!
“อ้ากกก! เจ้ากล้าต่อยข้าจริงๆ หรือ!”
ในตอนที่กำปั้นของเจียงเฮ่าสัมผัสกับหน้าของเฉียนจวิ้นอย่างแนบแน่น เสียงร้องที่น่าเวทนาของเขา ทำให้ลูกศิษย์ของสถาบันที่มุงดูอยู่รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด
เจียงเฮ่าต่อยจริงๆ!
แล้วก็ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ อาศัยพละกำลังโดยตรง การปะทะที่ป่าเถื่อนเช่นนี้เจ็บยิ่งกว่าอีก
ที่สำคัญก็คือ! ขายขี้หน้า!
ปัก!
ปักๆ!
เจียงเฮ่าอมยิ้ม แววตาเยือกเย็น ทุกหมัดที่ต่อยออกไปล้วนแต่มุ่งไปที่หน้าของเฉียนจวิ้น เฉียนจวิ้นอยากจะตอบโต้ แต่ว่าแม้แต่พลังวิญญาณก็ยังไม่ทันได้ปล่อยออกมาต่อสู้จริงๆ ก็ถูกต่อยมาอีกหมัด
“ออกท่าได้ดี!” ลู่เสวียนร้องดีใจอยู่ด้านล่างเวทีประลอง
ดูเฉียนจวิ้นถูกต่อย เขารู้สึกสะใจ! เจ้าหมอนี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาคิดเพ้อเจ้อกับซ้อเล็กของตระกูลเขา?
ต้องต่อย! ต่อยให้แม่มันจำไม่ได้ไปเลย!
“เอียงเอ้า เอ้าออไอ้แอ้ว” เฉียนจวิ้นโดนต่อยจนหน้าบวม ฟกช้ำดำเขียว ตาของเขาก็แตก ปากก็พูดไม่ชัด
ในตอนที่เขาจะพูดว่า *เจียงเฮ่า เจ้าพอได้แล้ว!*ออกมาจากปาก กลับกลายเป็นเสียงอู้อี้
“พูดอะไร ไม่ได้ยิน!” เจียงเฮ่ายกหมัดขึ้นมา ต่อยเข้าไปที่ท้องของเฉียนจวิ้นอย่างแรง ทำให้ทั้งตัวของเขาลอยไปบนฟ้า
เฉียนจวิ้นกระอักเลือด ร่างก่ายลอยไปในอากาศอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เจียงเฮ่ากระโดดขึ้นตามไปในอากาศ จับร่างที่ตกลงมาของเขา ยกเท้าขึ้นเตะเข้าไปที่หน้าของเฉียนจวิ้นโดยตรง ทำให้หน้าที่บวมอยู่แล้วของเขา เกิดรอยรองเท้าสีแดงช้ำขึ้นอีก
ตูมมม! เฉียนจวิ้นถูกต่อยจนมึนไปหมด เลือดสาดกระเซ็น กระแทกลงกับเวทีประลอง
เจียงเฮ่าลงมาจากฟ้า สองเท้าแตะพื้น เวทีประลองเกิดรอยแตกขึ้นเล็กน้อย
เฉียนจวิ้นอาการร่อแร่ฟุบอยู่บนเวทีประลอง ตัวยังอยู่บนเวทีประลอง และไม่ได้พูดยอมแพ้ เช่นนั้นการต่อสู้ก็ต้องดำเนินต่อไป
“ฝ่าบาท รีบยอมแพ้เร็ว!” โจวยวนพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจจากนอกเวทีประลอง
“ขะ……ข้ายอม”
คำว่าแพ้ยังไม่ทันพูดออกมาจากปาก เท้าของเจียงเฮ่าที่ยกขึ้นก็เหยียบลงบนหน้าของเขาอย่างแรง
ปัก!
หน้าของเฉียนจวิ้นที่สัมผัสกับพื้นของเวทีประลอง จมลงไปครึ่งหนึ่ง
เจียงเฮ่า!
ในใจของเฉียนจวิ้นโกรธแค้นเป็นอย่างมาก!
ตาของเขาที่มองจ้องไปยังเจียงเฮ่า เห็นท่าทางที่ยิ้มเยาะเย้ยเหยียดหยามของเขา ความเย็นชาและความดุดันแบบนั้น ทำให้ในใจของเขาเกิดความกลัวขึ้นมา
เขากลัวจริงๆ ว่าเจียงเฮ่าจะฆ่าเขาบนเวทีประลองนี้!
เจียงเฮ่ายิ้มอย่างเหยียดหยาม เห็นความหวาดกลัวในแววตาของเฉียนจวิ้น ทันใดนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้น เตะเข้าไปที่ท้องของเฉียนจวิ้น ทำให้ตัวของเฉียนจวิ้นไถลไปกับพื้นของเวทีประลอง
“เจียงเฮ่าชนะ!” ผู้อาวุโสที่ดูแลการประลองประกาศผลแพ้ชนะทันที
“เจียงเฮ่า!”
“เจียงเฮ่า!”
“เจียงเฮ่า! เจียงเฮ่า!”
“ข้าเพิ่งจะรู้ก็วันนี้ว่าเจียงเฮ่าเท่ห์มาก!” ลูกศิษย์ผู้หญิงหลายคนพูดคุยกันอย่างเขินอาย
…
บนอัฒจันทร์ เสียงร้องชื่นชมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงที่เหมือนดังคลื่นนี้ ทำให้เฉียนจวิ้นโกรธจนสลบไป
สามวันต่อมา เฉียนจวิ้นไม่ปรากฏตัวในสถาบันเลย
เล่ากันว่า เขากลับไปรักษาตัวอยู่ในวัง
และสองสามวันมานี้ ในสถาบันก็เงียบสงบผิดปกติ ผลกระทบเพียงอย่างเดียวที่ตามมาหลังจากการประลองครั้งนี้ก็คือชื่อเสียงที่เพิ่มมากขึ้นของเจียงเฮ่า
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในวังก็ไม่ได้มีข่าวคราวว่าจะยกเลิกงานเลี้ยงออกมา
สามวันต่อมา ในช่วงบ่าย องครักษ์จากในวังก็มากันอย่างมากมาย หยุดอยู่ตรงนอกประตูสถาบันไป๋หยวน เหตุผลที่พวกเขามา ก็คือได้รับคำสั่งให้มารับเจียงหลีเข้าวัง
ข่าวไปถึงที่ๆ เจียงหลีอยู่ นางยืนขึ้นมา สะบัดชายเสื้อ พูดอย่างทะนงองอาจไร้ซึ้งความเกรงกลัวว่า “ไปกันเถอะ”
คนที่อยู่ซ้ายขวาของนาง ต้องเป็นเจียงเฮ่าและลู่เสวียนเป็นธรรมดา
ทั้งสามคนเดินมาถึงหน้าประตูสถาบัน ก็เห็นว่าเฟิงสิงอวิ๋นมารออยู่ตรงนี้แล้ว
หลังจากรวมตัวกันแล้ว ทั้งสี่คนก็ได้ตามองครักษ์ของวังไปยังวังของซีเฉียน
งานเลี้ยงจัดขึ้นในสวนของฮ่องเต้ที่ตำหนักด้านหน้าของพระราชวัง
ในตอนที่พวกเขามาถึง ในสวนของฮ่องเต้ได้จัดโต๊ะเก้าอี้ไว้เรียบร้อยแล้ว และสร้างเวทีเต้นรำเสร็จแล้ว เหล่านางสนมในวังของซีเฉียนเดินไปๆ มาๆ ในพุ่มดอกไม้ราวกับผีเสื้ออย่างไรอย่างนั้น
คนที่มาถึงก่อนล้วนแต่เป็นผู้สูงศักดิ์ของซีเฉียน คนเหล่านี้ เจียงหลีไม่รู้จักสักคน และก็เป็นการยากที่จะไปสนใจ นางในพาไปที่ที่นั่งของตัวเอง นางก็นั่งลงไป
เจียงเฮ่าและลู่เสวียนก็นั่งอยู่ติดๆ กับนาง เฟิงสิงอวิ๋นก็นั่งไกลออกไปนิดหน่อย
เพียงแต่ เพิ่งจะนั่งลง เจียงหลีก็เห็นว่าคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ตรงข้าม *โจวยวน?*เจียงหลีเลิกคิ้ว ไม่คิดว่านางก็มาเหมือนกัน
สายตาที่เจียงหลีมองไป ไม่หลบเลี่ยงเลยสักนิด
หลังจากที่โจวยวนรับรู้ได้ ก็มองกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้ ยิ้มอย่างเย็นชา
*ก็ยังคงอยากฆ่าข้า!*รับรู้ได้ถึงความหมายในสีหน้าของโจวยวน เจียงหลียิ้มเยาะในใจ
นั่งอยู่พักหนึ่ง คนที่มาร่วมงานเลี้ยงของพระราชวัง ก็ค่อยๆ นั่งกันเต็มไปหมด
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีได้เจอกับฮ่องเต้แห่งซีเฉียน!
ไม่พูดไม่ได้เลยว่าถ้าดูจากรูปร่างหน้าตา เฉียนลี่เหมือนเสด็จพ่อของเขามากกว่า เพียงแต่ในตัวเฉียนลี่ กลับขาดความเฉลียวฉลาดและความสามารถที่ในตัวฮ่องเต้แห่งซีเฉียนควรจะมี
ตอนที่ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนเดินออกมา เฉียนจวิ้นและเฉียนลี่ก็ตามอยู่ข้างๆ เขา ทั้งสองมองมายังที่ๆ เจียงหลีนั่งอยู่อย่างไม่ได้นัดหมาย
เป็นธรรมดาที่นั่นไม่ใช่ความรักใคร่ชื่นชอบ แต่เป็นความคิดร้ายที่ต่างกันของแต่ละคน
รับรู้ได้ถึงสายตาของทั้งสองคน เจียงหลีไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรเลยสักนิด เพียงแต่ใช้มือทั้งสองข้างยกแก้วสุราที่อยู่บนโต๊ะข้างหน้าแล้วจิบเล็กน้อย
“อาหลี ดื่มน้อยๆ หน่อย”
เพิ่งจะดื่มไปอึกเดียว เจียงเฮ่าก็ส่งเสียงไม่เห็นด้วย
เจียงหลีมุมปากกระตุก วางจอกสุราลง ได้ๆ เกือบลืมไปแล้วว่าข้างๆ มีคนบ้าน้องสาวอยู่ ในสายตาของเจียงเฮ่า นางยังเด็ก วันนี้ข้างกายมีคนไม่ดีอยู่รอบๆ จะดื่มสุราได้อย่างไรล่ะ
“ขอคารวะฝ่าบาท”
หลังจากที่ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนเดินมาถึงที่นั่งที่สูงศักดิ์ที่สุดนั้น ผู้คนลุกขึ้นแล้วพูดพร้อมกัน
แต่ในตอนนี้ เจียงหลีก็เห็นว่าที่นั่งข้างๆ ที่ใกล้ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนที่สุดยังว่างอยู่
นั่นเป็นที่นั่งของใครกัน เจียงหลีสงสัย
“ขุนนางแห่งราชวงศ์จยาเซียนมาถึงแล้ววว!”
แต่ทว่า ในตอนนี้ เสียงที่ดังมาจากไกลจนใกล้
ราชวงศ์จยาเซียน!
เจียงหลีมองไปทางทางเข้าด้วยความตะลึง เจียงเฮ่าและลู่เสวียนก็มีท่าทีเหมือนกับนาง
พุ่มดอกไม้ที่สวยงามในสวนลึก พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวนอกประตู ร่างที่สูงใหญ่และสูงศักดิ์เดินนำออกมา การปรากฏตัวของเขา ดึงดูดสายตาของทุกคน แม้แต่ในวันที่หนาวทที่สุดในฤดูหนาว หินอุ่นที่ตั้งใจใช้เพื่อให้ดอกไม้ยังคงเบ่งบาน ในตอนนี้กลับเหี่ยวเฉาไปหมดแล้ว
เหมือนว่าเขาเป็นดั่งภาพทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดระหว่างฟ้าดินนี้ ทำให้ผู้คนถลำเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว
“ชายรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า!” ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะชม แววตาลึกๆ ที่ซ่อนแผนการร้ายไว้ เผยแววตาที่ตะลึงในความงามออกมา
ลู่เจี้ยมาแล้ว
เขาเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างสบายๆ ทั้งตัวเผยกลิ่นอายความสูงศักดิ์ออกมา ทำให้สถานที่ที่มีแต่ราชนิกุลแห่งนี้เหมือนกับตลาดสดอย่างไรอย่างนั้น
“นายน้อยลู่เดินทางมาไกล เชิญนั่งก่อน” ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนยกมือขึ้นแล้วชี้ไปยังที่ว่างตรงนั้น
เจียงหลีมองลู่เจี้ยด้วยความตะลึง เขาเดินไปทีละก้าวๆ อย่างกับเมฆหมอก เดินไปถึงที่นั่งนั้น แล้วนั่งลงอย่างอ่อนแรง
…………..