ตอนที่ 899 เธอจงใจสร้างกับดักนี้ขึ้นมา

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“ฉันเชื่อมั่นว่าถังหนิงจะปูเส้นทางใหม่ให้ฉันค่ะ คุณก็เห็นว่าเธอยอดเยี่ยมขนาดไหน” ซย่าหันโม่ไม่มีข้อกังขาในเรื่องนี้แม้แต่น้อย “อีกอย่างฉันก็ทำลงไปเพื่อความเป็นธรรมนะคะ”

 

 

เมื่อเห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของเธอ โจวชิงก็หลุดขำออกมา “ไหนๆ ตอนนี้เราก็ตกงานกันทั้งคู่แล้ว คุณ

 

 

ซย่าครับ ไปกินข้าวกับฉันด้วยกันสักมื้อไหม”

 

 

ซย่าหันพยักหน้ารับอย่างไม่คิด

 

 

ทั้งคู่เลือกร้านอาหารที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก ทว่า…ทันทีที่ซย่าหันโม่นั่งลง มีเด็กชายอายุราว 2 ขวบลื่มล้มใกล้ๆ บริเวณน้ำพุ แม้ว่าน้ำจะไม่ลึกแต่เด็กคนนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมา

 

 

เธอมองโจวชิงปรี่เข้าไปหาและคว้าเด็กขึ้นมาในวงแขน ตอนนี้เองที่หญิงสาวท่าทางมีฐานะวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

 

 

“ลูกจ๋า เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

 

 

เขามองค้อนผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ลูกของคุณยังเล็กอยู่เลย ผมว่าคุณอย่าปล่อยให้เขาคลาดสายตาอีกจะดีกว่านะครับ”

 

 

หญิงสาวคนนั้นอึ้งไปเล็กน้อยขณะที่อุ้มลูกของตัวเองเดินหนีไป

 

 

เป็นครั้งแรกที่ซย่าหันโม่ได้เห็นโจวชิงอารมณ์ไม่ดี

 

 

“คุณชอบเด็กๆ มากเลยเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อเขากลับมานั่งที่เดิม

 

 

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เขาตอบเบาๆ ก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง

 

 

แน่นอนว่าเธอสัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนที่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง ดูเผินๆ แล้วเขาอาจจะเป็นคนขี้เล่นและใส่ใจดูแลคนรอบข้าง แต่จริงๆ แล้วเขากลับป็นคนที่ระวังตัวกับคนอื่นพอสมควร

 

 

หากแต่เธอไม่ได้อยากจะไปขุดคุ้ยความลับของเขาขึ้นมา

 

 

มันสะดวกใจที่จะอยู่กับเขาเช่นนี้มากกว่า

 

 

ไม่นานถังหนิงก็ได้รับข่าวเรื่องที่ซย่าหันโม่ทำที่ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น หากหันโม่ยังยอมทนและร่วมรายการต่อไป อย่างนั้นเธอคงจะผิดหวังมากกว่า

 

 

มีสิ่งหนึ่งที่ถังหนิงต้องยอมรับคือเธอจงใจสร้างกับดักนี้ขึ้นมาเอง นอกจากต้องการจะเห็นว่าซย่าหันโม่คู่ควรกับความทุ่มเทของเธอหรือเปล่าแล้ว เหตุผลที่เธอไม่ได้บอกซย่าหันโม่ล่วงหน้าเพราะอยากจะเห็นการตอบโต้ของเจ้าตัวจริงๆ

 

 

และสิ่งที่เกิดขึ้นก็พิสูจน์แล้วว่าซย่าหันโม่เหมาะสมกับการเป็นศิลปินของจู้ซิงมีเดีย

 

 

ในฐานะคนที่ทุกข์ทรมานกับการถูกใส่ร้ายป้ายสีมาเนิ่นนาน ซย่าหันโม่กลายเป็นคนที่ระวังตัวกับทุกอย่างที่เธอลงมือทำ จากนี้ไปถังหนิงต้องการเปลี่ยนแปลงให้เธอเป็นคนที่จะไม่ยอมให้ตัวเองถูกกดขี่ข่มเหงอีกต่อไป

 

 

ก่อนหน้านี้ระหว่างเหตุการณ์น้ำหลาก คนภายนอกได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของซย่าหันโม่ไปครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ถึงคราวเหมาะสมที่จะแจ้งเกิดด้วยภาพลักษณ์ใหม่นี้แล้ว

 

 

ลูกชายผู้จัดการสถานีคิดว่าซย่าหันโม่เป็นคนที่ยังไม่มีชื่อเสียงมั่นคงในวงการนัก ในเมื่อเธอกล้าตบหน้าเขา เขาจึงตัดสินใจถ่ายรูปแก้มบวมๆ ของตัวเองและโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ เขาต้องการใช้เหตุการณ์นี้ใส่ร้ายซย่าหันโม่ไปพร้อมๆ กับการสร้างภาพว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่อ

 

 

น่าเสียดาย…

 

 

…ที่จู้ซิงมีเดียได้ตามเขาไปติดๆ ทันทีที่เขาโพสต์รูปลงไป ทางจู้ซิงมีเดียได้ปล่อยคำขอโทษอย่างเป็นทางการในนามซย่าหันโม่ โดยกล่าวว่าเธอทนไม่ได้จนพลั้งมือทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ…

 

 

ทว่าใครๆ ต่างเชื่อในความแตกต่างระหว่างผู้ชายเป็นฝ่ายตบกับผู้หญิงเป็นฝ่ายตบ ว่าผู้ชายทำไปเพื่อหาเรื่อง ในขณะที่ผู้หญิงทำเพราะต้องการเอาคืน เธอต้องถูกรังแกอย่างหนักจนทนไม่ได้แน่

 

 

ดังนั้นจู้ซิงมีเดียจึงได้เปลี่ยนคำขอโทษให้เป็นการตอกย้ำความเชื่อของคนภายนอก ซย่าหันโม่ต้องทุกข์ทรมานจากการถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนักแน่นอน

 

 

“ทีแรกโจวชิงก็ถูกบีบให้ออก จากนั้นซย่าหันโม่ยังไปตบใครบางคนอีก ฉันแน่ใจว่ามันต้องเกิดขึ้นจากความขัดแย้งภายในสถานีโทรทัศน์แน่”

 

 

“มันไม่ง่ายที่ซย่าหันโม่จะกู้ความนิยมของเธอให้กลับมาเลยนะ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไปตบใครโดยไม่มีเหตุผล”

 

 

“สถานีโทรทัศน์นั้นหน้าไม่อายจริงๆ มีข่าวลือที่ว่ากันว่าพวกเขาวางแผนจะยกเครื่องรายการ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ฉันประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าเราจะไม่ดู การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีโจวชิงเด็ดขาด!”

 

 

“มาคว่ำบาตรช่องของพวกเขากันเถอะ!”

 

 

ลูกชายผู้จัดการนึกไม่ถึงว่ารูปของเขาจะมีกระแสตีกลับมาขนาดนี้ ความจริงแล้วทุกความคิดเห็นล้วนสร้างความเสียหายให้กับ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ทั้งสิ้น หากมีใครสืบเรื่องที่เกิดขึ้นกับโจวชิงก็จะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นหัวขโมยมาตั้งแต่ต้น ทว่าไม่เพียงแต่เขาจะไม่พยายามเก็บตัวอยู่เงียบๆ แต่ยังแสดงตัวออกมาในที่แจ้งด้วยซ้ำ

 

 

ถังหนิงจึงไม่ได้ทำเพื่อให้ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ โดนคว่ำบาตรเพียงเท่านั้น แต่ยังทำเพื่อให้ผู้คนพากันเข้าข้างโจวชิงกับซย่าหันโม่ด้วย

 

 

หากแต่แน่นอนว่านี่ยังไม่สาสม ถังหนิงเป็นคนที่วางแผนอย่างรอบคอบกว่านั้น…

 

 

เธอต่อสายหาโจวชิงเป็นการส่วนตัว “เพื่อพลิกกระดาน ฝ่ายตรงข้ามอาจอ้างว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์ ลึกซึ้ง ต่อกัน หรือใส่ร้ายด้วยวิธีอื่น พี่โจวคะ คุณเองก็อยู่ในวงการนี้มานานพอ ฉันมั่นใจว่าคุณรู้ว่าต้องทำยังไงค่ะ”

 

 

เขาเป็นคนฉลาดจึงเข้าใจสิ่งที่ถังหนิงบอกใบ้ทันที

 

 

ดังนั้นเช้าตรู่วันถัดมา มีข่าวรายงานว่าโจวชิงถูกไล่ออกแต่เขากลับไม่สะทกสะท้าน ความจริงแล้วมีคนเห็นว่าเขาไปทานมื้อเย็นกับครอบครัวของเขา นอกจากนี้ข่าวก่อนหน้านี้ยังเปิดเผยว่าเขาถูกจับได้ระหว่างเดินจับมือกับหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งอยู่ข้างถนน

 

 

ในเวลาเดียวกันถังหนิงจัดการให้ผู้มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดียตัดต่อวิดีโอสัมภาษณ์ซย่าหันโม่สั้นๆ ที่มีเนื้อหาช่วงหนึ่งกล่าวว่าเธอยังโสดอยู่

 

 

เมื่อเป็นอย่างนี้ ต่อให้ทางสถานีพยายามจะกุข่าวขึ้นมาอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ

 

 

ชายหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูก หากแต่ผู้จัดการรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาจึงเรียกลูกชายของตัวเองเข้ามาที่ห้องทำงานเพื่อสั่งสอน

 

 

“เรื่องที่แกไปอวดดีที่เข้าร่วม การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไร ทำไมแกต้องตามรังควานโจวชิงกับซย่าหันโม่แล้วไม่ปล่อยพวกเขาไปซะ”

 

 

“ป๊า… ผมจะสั่งสอนบทเรียนให้กับศิลปินไม่ได้เลยเหรอครับ”

 

 

“โจวชิงไม่ใช่ประเด็นหรอกนะ ถึงยังไงตลอดหลายปีเขาก็มีคนรู้จักไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้มีอำนาจมากนัก แต่แกกล้าไปลองดีกับซย่าหันโม่ได้ยังไง แกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ทุกคนกำลังประณามแกอยู่น่ะ” ผู้จัดการตบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ

 

 

“แต่ผมเห็นคนซุบซิบกันแต่เรื่องของโจวชิงนะครับ…”

 

 

“แกนี่มันอ่อนต่อโลกและซื่อบื้อจริงๆ แกยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ สิ่งที่แกเห็นไม่ใช่แค่ข่าวซุบซิบ แต่มันคือสัญญาณเตือนไม่ให้เราสร้างเรื่องขึ้นมาใส่ร้ายพวกเขาต่างหาก! …

 

 

…เขาไม่ได้โวยวายหรือต่อต้านอะไรเลย เขาออกจากรายการไปเงียบๆ และไปใช้เวลากับครอบครัวและแฟนสาวของตัวเอง ถ้าแกพยายามจะสร้างความเดือดร้อนให้เขา มีแต่จะทำให้คนมองว่าแกเป็นคนเลือดเย็น น่ารังเกียจ และร้ายกาจเอาน่ะสิ! …

 

 

…ถ้างั้นก็พอได้แล้ว แค่ตั้งใจทำรายการ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ให้ดีก็พอ ฉันยกรายการให้แกแล้ว ดังนั้นเลิกทำให้คนอื่นเดือดร้อนสักที ถ้าแกอยากจะเอาชนะโจวชิงจริงๆ อย่างนั้นก็ต้องแสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่าแกมีความสามารถ”

 

 

ผู้จัดการออกอาการไม่พอใจนัก หากลูกชายของเขามีความสามารถได้สักครึ่งหนึ่งของโจวชิง เขาคงจะไม่ต้องมากังวลมากขนาดนี้

 

 

หากแต่ไอ้เด็กบ้านี่กลับไม่มีสมองเลยสักนิด

 

 

เรื่องที่เขาแย่ง การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ก็เป็นข่าวใหญ่พอที่จะลอยไปถึงหูโจวชิงแล้ว แต่เขากลับยังไม่พอใจ

 

 

“คอยดูเถอะครับ ผมจะทำให้พ่อมองผมเปลี่ยนไป”

 

 

ผู้จัดการไม่ได้ตั้งความหวังกับลูกชายตัวเองไว้สูงนัก แค่หวังว่าเขาจะทำได้ดีเท่าที่เคยเป็นมาก็เพียงพอแล้ว

 

 

ไม่นานก็ถึงเวลาที่ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ตอนใหม่จะออกฉาย แม้ว่ารายการจะยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ด้วยความช่วยเหลือจากทีมงานฝ่ายผลิต และต่อให้เชิญแขกรับเชิญชื่อดังมา เมื่อไม่มีโจวชิงรายการก็ขาดกลิ่นอายดั้งเดิมไป ชายหนุ่มคนนี้คิดว่าผู้ชมรายการไม่มีสมองหรืออย่างไร