บทที่ 262 ไฟดับ
“ฮืม… ฮื้ม… ฮืมม…”
หลังจากที่ออฟไลน์เพื่อมาทานอาหารเช้า ซือเยี่ยจิ๋งก็ฮัมเพลงอยู่ตลอดทางที่ออกมาจากห้อง ชัดเจนเลยว่าเธอนั้นอารมณ์ดีแบบสุด ๆ ทว่าเมื่อเผอิญมาพบเซียวเฟิง หญิงสาวก็จ้องมองเขาจนตัวเองไม่อาจทำเมินด้วยความสงสัยได้
การที่ซือเยี่ยจิ๋งอารมณ์ดีนั้นมันทำให้บรรยากาศภายในคฤหาสน์หลังนี้พลอยมีชีวิตชีวาขึ้นไปด้วย หลังจากที่เซียวหลิงรู้ว่าซือเยี่ยจิ๋งเป็นผู้เล่นระดับท็อปของโลกเกมออนไลน์ อคติที่เจ้าตัวเล็กมีให้อีกฝ่ายก็หายไปจนหมดและเปลี่ยนเป็นชวนให้ซือเยี่ยจิ๋งเล่นเกมกับเธออยู่บ่อยครั้ง
ซือเยี่ยจิ๋งเป็นผู้เล่นระดับท็อปที่มีฐานชื่อเสียงเก่ามาจากเกมหลายเกม ดังนั้นเธอจึงทำให้เซียวหลิงประทับใจในตัวเธอเป็นอย่างมากจนใช้เวลาไม่นานในการคุ้นเคยกัน
ในขณะที่เฉียนโตวโตวก็เป็นกระเป๋าสตางค์เคลื่อนที่ ที่ไม่สนเลยว่าจะเป็นเครื่องเกม หรือเกมเวอร์ชั่นไหน เจ้าตัวก็พร้อมจะควักเงินเพื่อซื้อให้เซียวหลิงโดยไม่ลังเล ตัวเธอนั้นถวายตัวเองเป็นทาสรับใช้ของเซียวหลิง ดังนั้นเธอเองก็ได้รับความรักและคุ้นเคยจากเซียวหลิงด้วยเช่นกัน
มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยเท่านั้นที่ยังทำตัวโดดเดี่ยวเหมือนเดิม มีบางครั้งที่เธอมองสาว ๆ ในคฤหาสน์หลังนี้ด้วยแววตาชื่นชมให้เห็นนาน ๆ ที
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศของความสุขนั้นไม่ได้อยู่นานเท่าไหร่ เพราะช่วงราว ๆ 10 โมงเช้า ขณะที่เซียวเฟิงกำลังเดินทางไปที่ปราสาทใต้พิภพเพื่อจัดการมอนสเตอร์ทั้งหลายอยู่นั้น ก่อนที่จะถึงเวลาไปเล่นกับเสี่ยวไป๋ในนครศักดิ์สิทธิ์ บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นภายในเมืองเฉิงไห่แบบไม่ทันตั้งตัว!
ไฟฟ้าทั่วทั้งเมืองดับโดยที่ไม่มีอะไรแจ้งล่วงหน้า!
“เค้าบอกมาว่ามีการใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากในเมือง เลยทำให้ชุมสายรับภาระหนักผนวกกับอากาศที่ร้อนมาก ๆ มันเลยเกิดโอเวอร์โหลดขึ้น กว่าจะซ่อมเสร็จก็น่าจะราว ๆ 3 ชั่วโมงนู่นเลย” หลิวเฉียงเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อยหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว
บรรยากาศที่เคยครึกครื้นเงียบลงไป ทุก ๆ คนที่อยู่ภายในคฤหาสน์บนยอดเขาหลังนี้กำลังรวมตัวกันด้วยความเงียบงัน ไม่ว่าจะเป็น เซียวเฟิง เซียวหลิง หนิงเคอเค่อ เฉียนโตวโตว หลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋ง
ทั้ง 6 คนนั้นต่างนั่งรวมตัวกันอยู่ภายในห้องนั่งเล่นบนโซฟาตัวใหญ่ ต่างฝ่ายต่างก็กอดอกตนเองด้วยสีหน้าราวกับครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่
การที่ไฟดับทั่วทั้งเมืองนั้น หมายถึง อินเตอร์เน็ตทั่วทั้งเมืองก็ไปด้วย
ไม่มีสัญญาณไวไฟจากแห่งไหนที่พร้อมใช้งาน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหมวกเล่นเกมของหลิวเฉียงเหว่ย หรือหมวกเล่นเกมของใครก็ตาม ก็ไม่สามารถใช้งานได้ทั้งนั้น พวกเขาถูกตัดออกจากโลกของมิธไปเสียแล้ว แถมมันกระทันหันมากจนไม่รู้จะทำอะไรกันดีระหว่างนี้อีก
เซียวเฟิงมั่นใจเลยว่าวันนี้ผู้เล่นที่ออนไลน์ในเมืองเทียนหลงคงจะได้รับการบันทึกว่าน้อยที่สุดเลยก็ได้ เพราะคนที่มาจากเมืองเฉิงไห่นั้น ส่วนใหญ่ก็จะเลือกเมืองเทียนหลงเป็นสถานที่เกิดกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะงั้นเมื่อพวกเขาไม่สามารถล็อกอินเข้าไปในเกมได้พร้อม ๆ กัน เมืองเทียนหลงที่เคยคึกคักไปด้วยผู้เล่น คงเงียบสนิทไม่ต่างอะไรกับเมืองร้างเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเฟิงคิดซะทีเดียว เพราะคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาจากเมืองเฉิงไห่และเลือกเกิดที่เมืองเทียนหลงก็ยังคงมีให้เห็นมากอยู่ ดังนั้นเมืองนี้จึงยังไม่ได้ร้างลงไปแต่อย่างใด
ถึงจะไม่ได้เช็คข่าวผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้ทั่วทั้งเมืองเฉิงไห่คงจะต้องเต็มไปด้วยความวุ่นวายแน่ ๆ การไฟฟ้าประจำเมืองคงได้โดนเหล่าผู้เล่นมิธจากทั่วทั้งเมืองสาปส่งอยู่อย่างช่วยไม่ได้
“นะ…นายท่านคะ…”
หลังจากที่เสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับทั้ง 5 คนที่นั่งอยู่บนโซฟาและยืนมองสถานการณ์เงียบ ๆ อยู่พักหนึ่งแล้ว หนิงเคอเค่อก็เขยิบไปยืนด้านหลังเซียวเฟิงและพูดด้วยความลังเลปนกังวลใจ
“มีอะไรหรือเปล่าเคอเค่อ?”
เขาหันกลับไปมองด้านหลังและพบว่าหนิงเคอเค่อนั้นกำลังแสดงท่าทีที่กระวนกระวายใจอยู่ เพราะงั้นชายหนุ่มจึงรีบถามกลับไป
“นายท่าน… ไฟฟ้าของโรงพยาบาลจะถูกตัดด้วยไหมคะแบบนี้?” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เบาและหวาดกลัว
“ไม่หรอก พวกสถานที่สำคัญ ๆ อย่างโรงพยาบาลน่ะ จะมีไฟสำรองอยู่แล้ว เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอกนะ”
เซียวเฟิงเข้าใจได้ทันทีว่าหนิงเคอเค่อกำลังกังวลเรื่องอะไร แม่ของเธอนั้นยังคงอยู่ในโรงพยาบาลและต้องรับการรักษาในสภาพโคม่า ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดปลอบใจเธอแทนที่จะเย็นชาใส่
จริง ๆ แล้วไม่เพียงแต่โรงพยาบาลเท่านั้นที่จะมีไฟสำรอง พวกสถานที่สำคัญอื่น ๆ รวมถึงคฤหาสน์หรูหลาย ๆ ที่เองก็มีไฟสำรองเช่นกัน หากแต่คฤหาสน์หรูยอดเขาหลังนี้ไม่นับ เพราะมันถูกสร้างแยกออกมา ดังนั้นจึงไม่ได้มีการติดตั้งไฟสำรองเอาไว้
“แต่… แต่…” แม้สิ่งที่เซียวเฟิงพูดจะทำให้หนิงเคอเค่อโล่งใจขึ้นได้ กระนั้นก็ใช่ว่าความกังวลจะหายไปอยู่
“งั้นเดี๋ยวฉันไปโรงพยาบาลกับเธอเอง จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ โตวโตว ขอยืมรถของเธอหน่อยสิ” เซียวเฟิงส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นพูด
“ได้เลยพี่เซียว” เฉียนโตวโตวรีบโยนกุญแจรถให้เซียวเฟิงซึ่งเขาก็สามารถรับได้อย่างพอดิบพอดีเช่นกัน
“นายท่าน ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ!”
หนิงเคอเค่อมองไปยังเซียวเฟิงด้วยสีหน้าชื่นชมก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอยังคงสวมชุดเมดสาวอยู่ ดังนั้นถ้าจะให้ออกไปข้างนอกด้วยชุดนี้มันคงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่
ไม่นานนัก หลังจากที่สวมกระโปรงลายสก็อตสีขาวเหลืองเสร็จแล้ว หนิงเคอเค่อก็วิ่งลงมาหาเซียวเฟิงเพื่อให้เขาพาตนไปยังโรงพยาบาลกลางอย่างไม่ให้เสียเวลา
“องค์หญิงหลิงคะ เคอเค่อมีญาติอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอคะ?”
เฉียนโตวโตวไม่ได้เขยิบเข้าใกล้เซียวหลิงเลย กว่าเธอจะเปิดปากถามก็คือหลังจากที่เซียวเฟิงและหนิงเคอเค่อออกจากคฤหาสน์ไปแล้วนั่นแหละ การมาปรากฏตัวของหนิงเคอเค่อที่คฤหาสน์แห่งนี้เองก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้ด้วย เธอรู้เพียงแค่ว่าสาวน้อยคนนี้มีหน้าที่ดูแลเซียวหลิงเท่านั้น เรื่องภูมิหลังอะไรนั้นไม่มีใครบอกอะไรเธอแม้แต่นิดเดียว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าทาสชายของฉันไปได้เอเลี่ยนโคนมนี้มาจากที่ไหน?” เซียวหลิงบ่นพึมพำด้วยสีหน้าไม่พอใจนักขณะที่ยังกอดร่างเพรียวบางของตนเองไว้
“เอเลี่ยน?”
สาว ๆ ทั้ง 3 ต่างถูกคำว่าเอเลี่ยนของเซียวหลิงเรียกความสนใจไปพร้อม ๆ กัน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะรู้อยู่แล้วว่าคำพูดของเซียวหลิงในบางครั้งมันก็ค่อนข้างจะแปลก แต่ยังไงซะคำว่า ‘เอเลี่ยน’ นี้ก็ค่อนข้างน่าประหลาดใจ
“ใช่ ยัยนั่นไม่ใช่ประชากรของดาวโคนมหรอกเหรอ? พวกเธอไม่เห็นกันหรือไงว่าหน้าอกของยัยนั่นมันใหญ่เกินวัยน่ะ?” ยิ่งพูดถึงเรื่องนี้เซียวหลิงก็ยิ่งแสดงความทุกข์ใจและความอิจฉาออกมามากขึ้นไปอีก
ซือเยี่ยจิ๋งและเฉียนโตวโตวก้มลงมองเนินอกของพวกตนที่แบนราบไปด้วยความเงียบ มันเป็นความจริงที่น่าเศร้า พวกเธอทั้งสองพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวผู้ที่อยู่ในวัยมัธยมคนนี้อย่างราบคาบเลย!
มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยที่มีรูปร่างอันงดงามเท่านั้นที่เพิ่งจะตระหนักได้ถึงความหมายที่เซียวหลิงอยากจะสื่อและค่อย ๆ ยิ้มออกมาเหมือนผู้ชนะ
ที่โรงพยาบาลกลางนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับจริง ๆ มันเป็นอย่างที่เซียวเฟิงว่าไว้ สถานที่สำคัญแบบนี้ย่อมต้องมีแหล่งพลังงานสำรองอยู่แล้ว และน่าจะมีมากกว่า 1 แหล่งด้วย ไฟฟ้าดับภายในโรงพยาบาลนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นได้ ไม่งั้นแล้วปัญหาขนาดใหญ่จะตามมาอย่างแน่นอน…
“นายท่าน ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ! เพราะงั้นเรากลับกันเถอะค่ะ…”
จริง ๆ ตลอดทางที่มาด้วยกัน หนิงเคอเค่อก็กล่าวขอบคุณเซียวเฟิงอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งมาถึงห้องพักผู้ป่วยนี้ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เธอขยี้ตาตนเองบ่อยครั้งมาก ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เซียวเฟิงไม่ได้ถามเธอไปว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเธอยอมพูดออกมาและขอให้เซียวเฟิงช่วย เขาก็คงจะต้องหาทางช่วยเธอให้ได้แน่ ๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเนิ่นนานอะไรนัก แต่เซียวเฟิงก็ค่อนข้างประทับใจกับความอ่อนโยน ขี้อายและความสู้ชีวิตของสาวน้อยคนนี้ค่อนข้างมาก
“ไม่เป็นไร”
วันนี้เป็นวันที่อากาศค่อนข้างร้อน ขนาดที่ว่าทั้งสองขับรถออกมาจนแทบไม่โดนแสงแดดส่อง แต่หนิงเคอเค่อก็ยังเหงื่อออกหนักกว่าตอนเดินขึ้นบันไดหลาย ๆ ชั้นเสียอีก
แก้มนวลสวยของเธอกำลังแดงระเรื่อพร้อมกับหายใจหอบหนักเพราะความร้อน ไม่เพียงแค่หน้าผากขาว ๆ ที่กำลังมีเหงื่อซึมเท่านั้น ทั่วทั้งตัวของเธอเองก็มีเหงื่อซึมไม่แพ้กัน และด้วยเหงื่อเหล่านั้น มันเลยทำให้กระโปรงลายสก็อตที่เธอสวมมาพลอยถูกดึงให้แนบชิดกับผิวกายที่ชุ่มชื้นไปด้วย
รถของเฉียนโตวโตวนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก และไม่ได้มีพื้นที่เหลือใช้มากนัก ในตอนนี้มันกำลังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวลทั่วทั้งคันแล้ว เซียวเฟิงเหลือบไปมองหนิงเคอเค่อแล้วจึงพบว่าต้นกำเนิดกลิ่นนั้นมาจากตัวสาวน้อยคนนี้จริง ๆ เด็กคนนี้… กำลังปล่อยกลิ่นหอมออกมาจากเหงื่อของตัวเองงั้นเหรอ?
ไม่ว่าเซียวเฟิงจะเปิดแอร์ให้แรงขึ้นขนาดไหน มันก็แทบไม่มีผลอะไรเลย นั่นเพราะรถคันนี้กำลังวิ่งอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ ทางเดียวที่ทำได้คือเซียวเฟิงต้องรีบกลับไปยังคฤหาสน์ให้เร็วที่สุดเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ทั้งเซียวเฟิงและหนิงเคอเค่อจึงกลับถึงคฤหาสน์ยอดเขาในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น แต่หลังจากที่เปิดประตูเข้าไปในตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ ชายหนุ่มก็ตระหนักได้ว่าบรรยากาศภายในนั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นมันอบอ้าวและร้อนมาก ตามปกติแล้วห้องนั่งเล่นจะเปิดแอร์ไว้แทบตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าอากาศร้อนหน้าตาเป็นยังไง จนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่กระแสไฟฟ้าได้ดับไปเป็นการชั่วคราว ห้องนั่งเล่นที่เคยเย็นสบายก็กลายเป็นห้องซาวน่ายักษ์ทันที เพียงแค่ 1 ชั่วโมงความเย็นตกค้างภายในห้องนี้ก็กลายเป็น 0 และแทนที่ด้วยอากาศร้อนแทนเสียแล้ว
หลิวเฉียงเหว่ยและสาว ๆ อีก 3 คนต่างก็ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเงียบ ๆ ดังเดิม บางคนก็อ่านหนังสือ ในขณะที่บางคนก็นั่งเฉย ๆ แต่ที่แน่ ๆ คือพวกเธอทั้งหมดไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันมาแล้วระหว่างที่เซียวเฟิงไม่อยู่
เซียวหลิงสวมเสื้อกล้ามตัวเล็กน่ารักควบคู่กับชั้นในลายลูกไม้กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ผมสีบลอนด์ยาวสลวยถูกปล่อยกระจายแผ่ซ่านโดยไม่สนใจ บนมือเล็ก ๆ ของเธอนั้นมีเครื่องเกมอยู่ และดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอสนใจจริง ๆ คงจะเป็นเจ้าเครื่องเกมนี้ สาวน้อยคนนี้กำลังพยายามเล่นเกมอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อให้ลืมความร้อนระอุนี้ไปให้ได้
ผิวขาว ๆ ของเจ้าตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูหมดแล้ว เซียวหลิงในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกุ้งอบเลย
เฉียนโตวโตวสวมเสื้อยืดตัวสั้น นั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เซียวหลิงและคอยใช้แผ่นบอร์ดโบกพัดให้องค์หญิงของตนไปด้วย โดยที่ตนเองก็เหงื่อแตกไม่แพ้กัน
ซือเยี่ยจิ๋งสวมชุดเสื้อกล้ามเอวลอยคู่กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเพื่อปล่อยให้ส่วนที่เป็นผิวรับอากาศเย็นอันน้อยนิดให้ได้มากที่สุด เรียวขางามที่ทอดยาวคู่กันของเธอนั้นดึงดูดสายตาของใครหลายคนได้ดีแบบสุด ๆ ในตอนนี้เธอกำลังจ้องมองไปยังจุด ๆ หนึ่งอยู่ราวกับกำลังพยายามขับไล่กายจิตให้ออกไปจากกายหยาบสักครู่หนึ่งเพื่อไม่รับรู้ถึงความร้อนของอากาศนี้
ในส่วนของหลิวเฉียงเหว่ย เธอแต่งกายเกือบจะเหมือนเดิมมากที่สุด แม้ว่าชุดที่ใส่นั้นจะเป็นผ้าชีฟองบาง ๆ ก็จริง แต่ว่าถ้าเทียบกับชุดคนอื่น ณ ที่แห่งนี้ เธอก็ยังดูเลอค่าที่สุดอยู่ดี แน่นอนว่าชุดของเธอเองก็ดูจะมูลค่าสูงเช่นกัน
ขณะที่หยาดเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยกำลังไหลลงมาจากหน้าผากสู่แก้มนวลจรดลงไปยังปลายคางอย่างช้า ๆ สายตาของหลิวเฉียงเหว่ยก็ไม่ได้ละออกจากเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ด้วยความสนใจแต่อย่างใด
ชุดเดรสผ้าชีฟองที่สาวเจ้าใส่อยู่ตอนนี้มันเริ่มจะคล้ายชุดนอนกลางคืนขึ้นมาแล้ว หลังจากโดนความชื้นของร่างกายดึงให้มันแนบไปกับสัดส่วนที่เย้ายวน ด้วยความที่ผ้าชีฟองมันเป็นผ้าบาง ๆ และตอนนี้มันกำลังชุ่มไปด้วยเหงื่อของเจ้าของชุดเอง มันเลยมีสภาพกึ่งโปร่งแสง
เซียวเฟิงหรือใครก็ตามจะสามารถสังเกตได้ว่าผิวพรรณของหลิวเฉียงเหว่ยภายใต้ชุดของเธอนั้นขาวสวยขนาดไหน การที่ได้เห็นผิวขาวนวลผ่านผ้าบางนั้น มันช่างเป็นภาพที่ตราตรึงใจไม่น้อย…
นอกจากสาว ๆ ในชุดอาหารตาทั้งหลายแล้ว เซียวเฟิงก็ยังได้กลิ่นหอมของแต่ละคนฟุ้งกระจายปะปนกันไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่นนี้ด้วย
“เจ้าทาสโง่! ทำไมแกถึงกลับมาช้านักฮะ! ฉันเกือบจะโดนอบตายแล้วเห็นไหม? มานี่เดี๋ยวนี้! มาให้ฉันซบซะ!!”
ทันทีที่เซียวหลิงเห็นเซียวเฟิงกลับมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังให้เขามานั่งข้าง ๆ เธอ เพื่อที่จะได้อิงซบได้ ท้ายสุดเจ้าตัวถึงได้ยอมถอนหายใจด้วยความสบายใจออกมา
“องค์หญิงหลิงคะ ไม่รู้สึกร้อนเวลาซบพี่เซียวบ้างเหรอคะ?” เฉียนโตวโตวที่กำลังง่วนกับการพัดระบายความร้อนให้เซียวหลิงด้วยกระดาษถามด้วยความสงสัย
“ไม่นี่ เจ้าทาสตัวผู้นี้เย็นอย่างกับแอร์เลยนะ”
ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมอง เซียวหลิงตอบขณะที่เริ่มเล่นเกมของเธอต่อด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ
“จริงเหรอ?”
หญิงสาวอีก 3 คนหันมามองยังเซียวเฟิงอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพวกเธอจึงได้เริ่มตระหนักได้ว่า หลังจากที่กลับมาจากด้านนอกที่อากาศร้อนระอุขนาดที่หนิงเคอเค่อยังมีแต่เหงื่อเต็มหน้าไปหมด เซียวเฟิงกลับไม่มีอะไรที่ต่างไปจากเดิมเลย
“โอ พระเจ้า! มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย!? ตัวพี่เซียวเย็นม๊ากกกก!!”
ด้วยความสงสัยนั้นมันทำให้เฉียนโตวโตวสัมผัสแขนของเซียวเฟิงไปเบา ๆ และมันก็ต้องทำให้เธอตกตะลึงก่อนจะแหงนหน้ามองเซียวเฟิงด้วยความโหยหา
“พี่เซียว ขอฉันกอดแขนพี่สักข้างเอาไว้ได้ไหม?”