บทที่ 583 ปัญหารออยู่ข้างหน้า
ชิงซวงกะพริบตาเล็กน้อย “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงมองชิงซวง “บอกคนให้สืบเรื่องซ่งรุ่ยจากตระกูลซ่ง หาว่าเขาจับเฟิงเอ๋อร์ไปได้อย่างไร และสืบเรื่องตัวจริงของเฟิงเอ๋อร์ด้วย” แม้นางพร้อมจะยอมรับเฟิงเอ๋อร์ แต่นางก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาใดๆ อีก
“รับทราบเจ้าค่ะ ข้าจะให้คนจัดการให้”
“ดีมาก”
เฉียวเทียนช่างยืนอยู่ด้านข้าง เขามองหญิงทั้งสองพูดคุยกัน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ช่วงนี้เจ้าได้ข่าวอะไรมาบ้างไหม”
สีหน้าของชิงซวงพลันแข็งกระด้าง นางหันหน้าไปหาทั้งสองแล้วตอบด้วยท่าทางเคร่งเครียดว่า “หนานอวี่บอกว่าเหมียวเจียงเปลี่ยนไปมากเจ้าค่ะ และที่เปลี่ยนไปมากที่สุดนั้นเห็นจะเป็นคนตำแหน่งสูงภายในเหมียวเจียง”
จากคำพูดของหนานอวี่ ดูเหมือนว่าเหมียวเจียงในปัจจุบันจะแตกต่างจากที่มันเคยเป็นเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมายิ่งนัก
ครั้งหนึ่งเหมียวเจียงเคยเป็นดินแดนอันสงบสุข แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยศึกระหว่างตระกูลๆ ไม่เพียงเท่านั้น ประมุขของตระกูลบางตระกูลที่หายตัวไปเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ถูกแทนที่ด้วยคนไร้น้ำยา
คนโง่เขลาเหล่านั้นได้ขึ้นเป็นประมุขของตระกูลเพียงปัญหาเดียวก็ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดปกติแล้วนับประสาอะไรกับปัญหาอื่นๆ
เฉียวเทียนช่างพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ดูเหมือนว่าในตอนนี้ราชครูแห่งเหมียวเจียงนั้นมีอิทธิพลมากยิ่งนัก”
“ไม่ใช่แค่นั้นเจ้าค่ะ ตระกูลเหล่านั้นล้วนมีความเกี่ยวข้องกับราชครูไม่มากก็น้อยด้วยเจ้าค่ะ” ชิงซวงนึกถึงสิ่งที่คนในตระกูลเหล่านั้นเล่าให้ฟัง นางรายงานความจริงที่นางพบให้พวกเขาฟังอย่างไม่มีปิดบัง
ชิงซวงไม่นึกสงสารคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
บัดนี้ ลางสังหรณ์อันเลวร้ายที่หนิงเมิ่งเหยาสัมผัสได้นั้นเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“เทียนช่าง บอกทุกคนให้ระวังตัวเอาไว้ ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้ท่านปู่ไกว้อยู่ที่ใด” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกห่วงผู้เฒ่าไกว้ที่แยกตัวจากพวกเขาไป
“ท่านปู่ไกว้นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก อย่าดูถูกเขาเชียว มิฉะนั้นเขาจะกลับมาเอาเรื่องเจ้าแน่” เฉียวเทียนช่างเข้าใจว่าหนิงเมิ่งเหยารู้สึกเช่นไร ดังนั้นเขาจึงเอ่ยติดตลกเพื่อทำให้นางรู้สึกดีขึ้น
หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่เฉียวเทียนช่าง “นี่ใช่เวลามาล้อเล่นหรือ”
“เอาล่ะเจ้าค่ะ อย่าทะเลาะกันเลย ไปพบหนานอวี่กันดีกว่า ยังมีบางเรื่องที่ต้องพูดให้ชัดเจนอยู่นะเจ้าคะ” หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหมียวเจียง ชิงซวงรู้ไม่มากเท่ากับหนานอวี่ นางอาจจะพูดอะไรตกหล่นไปบ้าง
เป็นอย่างที่คิด หลังจากถามหนานอวี่ หนานอวี่จึงเสริมขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชิงซวงลืมบอกไปขอรับ นายท่าน เป็นเรื่องของตระกูลเว่ยขอรับ”
“หืม” เฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยามองหน้ากันด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเว่ยหรือ”
“แม่นางเว่ยลั่วแห่งตระกูลเว่ยพาลูกกลับไปที่ตระกูลเมื่อสองปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเด็กคนนั้นเป็นใคร ไม่เพียงแค่นั้น หน้าตาของแม่นางเว่ยลั่วก็เปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ด้วยขอรับ” เมื่อนึกถึงรูปพรรณของนาง หนานอวี่ก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
สิ่งใดกันแน่ที่ทำให้รูปลักษณ์ของนางเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนั้น
“ตอนนี้นางหน้าตาเป็นอย่างไร”
“ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับ ข้าเพียงได้ข่าวมาเท่านั้น หน้าตาของแม่นางเว่ยลั่วเปลี่ยนไปมากโข หากไม่ใช่เพราะนางแสดงความสามารถออกมา คงไม่มีใครกล้าเชื่อแน่ว่าคนผู้นั้นคือเว่ยลั่ว” หนานอวี่ส่ายศีรษะไปมา เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าใดนัก รู้เพียงว่าทุกคนต่างได้ยินข่าวลือนี้กันทั่ว
แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับหนิงเมิ่งเหยาแล้ว ทว่านางกลับรู้สึกว่ายังขาดข้อมูลสำคัญไปบางประการอยู่
เฉียวเทียนช่างที่นั่งอยู่ข้างกายหนิงเมิ่งเหยาถามขึ้นว่า “มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ยหรือ”
หนานอวี่มองเฉียวเทียนช่างอย่างประหลาดใจ ราวกับคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามเช่นนั้นออกมา “นายท่านรู้ได้อย่างไรขอรับ”
เฉียวเทียนช่างไม่ได้ตอบ เขามองไปข้างหน้า เว่ยลั่วออกจากตระกูลเว่ยไปนานมากแล้ว ทว่าตอนนี้ในที่สุดนางก็กลับมา เรื่องนี้สามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับตระกูลเว่ยแน่
“นายท่านคาดการณ์ถูกแล้วขอรับ ตอนนี้ตระกูลเว่ยกำลังมีปัญหาอยู่ ประมุขตระกูลเว่ยคนปัจจุบันทำอะไรบางอย่างกับเว่ยลั่วขอรับ ว่ากันว่าเว่ยลั่วสังหารคนภายในตระกูลไปหลายคน แต่เพราะนางยังไม่ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ตอนนี้จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่านางอยู่ที่ไหนขอรับ”ทุกคนรู้ดีว่าการที่ตระกูลเว่ยไม่สามารถฆ่านางได้นั้นหมายความว่าในไม่ช้าก็เร็วเว่ยลั่วจะต้องกลับไปแก้แค้นแน่ ยิ่งเมื่อมีข่าวลือว่าเด็กที่กลับมากับเว่ยลั่วนั้นถูกตระกูลเว่ยฆ่าตาย เรื่องที่เกิดขึ้นคงทำให้เว่ยลั่วโกรธจนแทบบ้า
นางอัดประมุขจนเขาอยู่ในสภาพปางตาย
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า สีหน้าดูหนักใจ “ดูท่าเหมียวเจียงจะไม่ใช่สถานที่อันแสนสงบสุขอีกต่อไปเสียแล้ว”
มันดูเหมือนสงบสุขเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภัยอันตรายที่แห่งนี้กำลังจะเผชิญนั้นเป็นปัญหาที่หนักยิ่งนัก
บทที่ 584 สะกดรอย
หนานอวี่พยักหน้า รอยยิ้มตื่นเต้นปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “นายท่าน ท่านคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้วใช่ไหมขอรับ ข้าว่าสถานการณ์ในตอนนี้นับว่าเป็นโอกาสทองของพวกเรา”
หากตระกูลต่างๆ และราชวงศ์ของเหมียวเจียงยังคงรวมกันเป็นปึกแผ่นและปกป้องกันและกันอยู่ พวกเขาคงลงมือทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ลำบาก
เฉียวเทียนช่างเข้าใจดีว่าหนานอวี่ต้องการสื่ออะไร “จริงอย่างเจ้าว่า แต่อย่างไรพวกเราก็ยังต้องระวังตัวอยู่ดี บอกให้เสี่ยวชีระวังตัวด้วยล่ะ”
“นายท่านวางใจเถิดขอรับ ข้าคุยกับเสี่ยวชีแล้ว” งานของหนานชีนั้นค่อนข้างเสี่ยงเอาการ และแน่นอนว่าหนานอวี่จะไม่ยอมให้มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับน้องชายของตนแน่ เขาจึงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ
หนิงเมิ่งเหยานั่งอยู่ด้านข้าง นางฟังทั้งสองพลางกระซิบกระซาบกับชิงซวงบ้างเป็นครั้งคราว
ในเหมียวเจียงอำนาจของทงเป่าไจไม่ค่อยมีผลเท่าใดนัก ก่อนหน้านี้นางไม่นึกอยากข้องเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้สักเท่าใดนัก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางเคยคิดนั้นจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
หากอำนาจของทงเป่าไจยิ่งใหญ่พอ นางคงไม่จนมุมขนาดนี้
ประมุขตระกูลซ่งกลัวว่าพวกหนิงเมิ่งเหยาจะนำปัญหามาให้ตน เขาเอาแต่กังวลเรื่องนางทุกเมื่อเชื่อวัน แต่จนบัดนี้พวกนางก็ยังคงไม่ได้ลงมือก่อปัญหาอะไร เขาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินจากบุตรชายว่าสามีภรรยาคู่นั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดตามหาตัวคนทั้งสอง ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหาเจอ
บุตรชายของเขายังบอกอีกว่ามีเด็กโตอยู่กับสองสามีภรรยาด้วย เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ดวงตาของประมุขตระกูลซ่งถึงกับเบิกกว้าง
ไม่ใช่ว่าแม่นางเว่ยลั่วกับสามีคือคู่สามีภรรยาที่เขาพบหรือ
แต่หลังจากที่คิดดูแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ชอบมาพากล
ประมุขตระกูลซ่งหยิบลูกดอกที่เขาเอากลับมาด้วยพลางคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็มืดครึ้ม
เขาถูกหลอก! นางไม่ใช่เว่ยลั่ว พวกมันคือคู่สามีภรรยาที่ทำร้ายบุตรชายของเขาต่างหาก
และคนที่นางบอกว่าเป็นลูกสาวนั้นจริงๆ แล้วเป็นเด็กผู้ชาย
“บ้าเอ๊ย หาตัวพวกมันมาเดี๋ยวนี้” ใบหน้าของประมุขตระกูลซ่งซีดเผือด
เขาเป็นประมุขของตระกูลซ่งมาก็หลายปี ไม่เคยมีผู้ใดกล้าหลอกเขาราวกับเขาเป็นลิงโง่ๆ เช่นนี้
แต่เหตุการณ์นี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เขาไม่รู้ว่าคนทั้งสองไปอยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะความเข้าใจผิดของเขาจึงทำให้สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนกับกำลังงมเข็มในมหาสมุทร เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาตัวคนทั้งสองพบ
เรื่องนี้ทำให้ประมุขตระกูลซ่งหัวเสียไปหลายวันจนแม้แต่อนุภรรยาคนโปรดของเขาก็ยังไม่สามารถทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นได้
ตอนที่อนุภรรยาคนอื่นๆ บอกเขาว่าซ่งรุ่ยได้รับบาดเจ็บ ความโกรธภายในดวงตาของเขานั้นรุนแรงจนแทบฆ่าคนพวกนั้นให้ตายคามือ
แน่นอนว่าท่าทางเช่นนั้นของเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้อนุภรรยาหลายคนรู้สึกหวาดกลัว พวกนางกลัวว่าจะทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีก
ตั้งแต่วันที่ผู้เฒ่าไกว้แยกกับหนิงเมิ่งเหยา เขายืนกรานที่จะมุ่งหน้าลงไปยังทางใต้สุดของเหมียวเจียง อันที่จริงแล้วที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ลับของเหมียวเจียง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักมัน คนทั่วไปไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีที่แห่งนี้อยู่
ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าผู้เฒ่าไกว้จะไปถึงที่แห่งนั้น มันเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีชาวบ้านอยู่กันไม่มากนัก แต่ด้วยเหตุนี้ผู้เฒ่าไกว้จึงต้องระมัดระวังตัวทุกฝีเท้า
ผู้เฒ่าไกว้หาที่ซ่อนตัวเพื่อตั้งหลักได้ในไม่ช้า เขาตั้งใจว่าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ในวันถัดไป
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มการสืบ การปรากฏตัวของคนผู้หนึ่งก็ทำลายแผนการของเขาลง
คนผู้นั้นคือฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียง
ครั้งนี้ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงมาที่นี่เพียงผู้เดียว
ชายชราเร้นกายอยู่ในความมืดพลางมองฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ ดวงตาของชายชราเป็นประกายเล็กน้อย เขารีบเดินตามไป
ชายชราสะกดรอยเข้าใกล้ที่สุดได้ถึงแค่ราวสามจั้งจากตัวบ้าน ด้วยเพราะบ้านทั้งหลังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เขาจึงไม่สามารถเข้าไปใกล้กว่านั้นได้
หลังจากฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเข้าไปด้านใน เขาถามด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งว่า “คนผู้นั้นอยู่ที่ใด”
“ข้างล่างขอรับ”
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเดินตามชายคนนั้นลงไปยังห้องหน้าตาธรรมดาๆ ห้องหนึ่ง บานประตูเปิดออกเผยให้เห็นทางเดินลึกเข้าไป เส้นทางนั้นนำไปสู่ห้องที่ก่อด้วยหินอีกห้องซึ่งอยู่ภายใน
เมื่อยืนอยู่หน้าประตูของห้องที่ทำจากหินห้องนั้น เขามองคนที่อยู่ด้านใน ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นจึงโบกมือบอกให้คนที่ยืนอยู่ข้างตนกลับไป
หลังจากคนผู้นั้นออกไป ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วสายตาของเขาก็หยุดลงที่ร่างอันสกปรกของหนานกงเยี่ยนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาปิดสนิท แขนขาทั้งสี่ข้างถูกล่ามเอาไว้