บทที่ 585 ชายผู้นี้มาทำอะไรที่นี่
“หนานกงเยี่ยน… ผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิง ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีวันนี้” เสียงของฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงฟังดูเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด วาจานั้นราวกับเขาจงเกลียดจงชังหนานกงเยี่ยนอย่างมาก
เปลือกตาที่เคยปิดสนิทของหนานกงเยี่ยนซึ่งนั่งอยู่บนพื้นขยับเล็กน้อย เขาลืมตาขึ้นมาแล้วกะพริบตามองคนที่อยู่เบื้องหน้าตน “เจ้าเป็นใคร”
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าคือเวลานี้เจ้าเป็นเพียงนักโทษผู้หนึ่งเท่านั้น” ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงแสยะยิ้มให้หนานกงเยี่ยน
หนานกงเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วพูดขึ้นว่า “บอกมาว่าเจ้าต้องการอะไร” เขาถามอย่างตรงไปตรงมาเพราะไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับคนเช่นนี้สักเท่าใดนัก
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “หากข้าบอกว่าอยากให้เจ้าตาย เจ้าจะว่าอย่างไร”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยนเปลี่ยนไป เขาจ้องฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงนิ่ง “จริงหรือ”
ชายผู้นี้มีบรรยากาศอันแสนคุ้นเคยนัก เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นจากที่ไหนสักแห่ง
แต่เขาไม่เคยเห็นคนหน้าตาเช่นนี้มาก่อน ชายผู้นี้เป็นใครกัน
ขณะที่หนานกงเยี่ยนกำลังสับสน ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงก็สาวเท้าเข้าไปหาเขาย่อตัวลงตรงหน้าก่อนมองเข้าไปในดวงตาของหนานกงเยี่ยน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงขังเจ้าเอาไว้ที่นี่ แต่ไม่ทำอะไรเจ้าเลย”
หนานกงเยี่ยนยังคงนิ่งเงียบ เขามองฮ่องเต้แห่งหนานเจียงด้วยสายตาไม่ยี่หระราวกับว่าตนไม่สนใจว่าชายตรงหน้าต้องการจะทำอะไร
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงผุดลุกขึ้นแล้วมองหนานกงเยี่ยนอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ “รอจนกว่าลูกสาว ลูกเขย และหลานของเจ้ามาอยู่พร้อมหน้ากับเจ้าอีกครั้งเถิด จากนั้นเจ้าจะได้รู้แน่ว่าข้าคิดจะทำอะไร”
สีหน้าอันไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ของหนานกงเยี่ยนก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนไปในทันที เขามองฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าอย่าได้แตะต้องพวกเขาแม้แต่ปลายนิ้วเชียว”
“พวกมันกล้ามายุ่งกับคนของข้าและทำลายแผนการของข้า พวกมันควรรู้ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นเช่นไร” ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงถลึงตาใส่หนานกงเยี่ยน
หนานกงเยี่ยนหรี่ตาลง เขาใช้ดวงตาคู่นั้นมองชายที่อยู่เบื้องหน้าของตนแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าเป็นคนจากเหมียวเจียง”
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงมีท่าทีประหลาดใจ หนานกงเยี่ยนคาดเดาได้ถูกต้อง “ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
หนานกงเยี่ยนหัวเราะออกมาทันที แต่เสียงหัวเราะของเขาฟังดูแปลกประหลาด เสียงหัวเราะนั้นทำให้ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงสัมผัสได้ว่ามีอะไรผิดปกติ
“เจ้าอยากจะจัดการลูกเขยข้าหรือ ต้องดูกันล่ะว่าเจ้าจะมีปัญญาทำได้หรือไม่” เขาเชื่อมั่นในความสามารถของบุตรเขยและบุตรสาวของตนอย่างเต็มเปี่ยม
เดิมฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงตั้งใจจะขู่หนานกงเยี่ยน แต่ใครจะรู้ว่าชายผู้นี้จะขู่เขากลับแทน
เมื่อมองไปที่หนานกงเยี่ยน ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงก็ขมวดด้วยความโกรธ แล้วตะคอกว่า “หุบปากซะ”
หนานกงเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะนั่งลงอย่างสบายๆ
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้นานถึงเพียงนั้นหรือ เจ้าไม่รู้สึกบ้างหรือไรว่าพละกำลังค่อยๆ สูญไป จำความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดี หลังจากเรี่ยวแรงของเจ้าเหือดแห้งไปจนหมด เจ้าคงรู้ดีว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น” ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงหัวเราะ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหนานกงเยี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพลันรู้สึกพออกพอใจยิ่งนัก
หนานกงเยี่ยนไม่สนใจความบ้าคลั่งของฮ่องเต้ เขาสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนมากกว่า
ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงโกรธจนควันออกหูกับท่าทีอันเฉยเมยของหนานกงเยี่ยน ทว่าในตอนที่เขานึกอยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับหนานกงเยี่ยนสักบทสองบท ก็ได้ยินใครบางคนตะโกนมาจากข้างนอกว่ามีคนบุกเข้ามาด้านใน
สีหน้าของฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงพลันเปลี่ยนไป เขาวิ่งออกไป ความเร็วนั้นทำให้หนานกงเยี่ยนนึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย
หนานกงเยี่ยนรู้สึกว่าชายผู้นี้ท่าทางมีพิรุธนัก การมาและการจากไปของเขาล้วนเต็มไปด้วยปริศนา คนผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่
แต่กว่าฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงจะไปถึง ร่างของผู้บุกรุกก็หายลับไปเสียแล้ว
“บัดซบ จับตาดูเขาให้ดี หากเขาหนีไปได้ พวกเจ้าทุกคนตายแน่”
“ขอรับ” คนเหล่านั้นพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ในใจก็ยังมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่ พวกเขากลัวว่าหากพวกตนเลินเล่อในหน้าที่ ชีวิตของพวกตนจะต้องถึงจุดจบ
ณ กระท่อมหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่นั่น “ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ข้างใน”
“อืม กลับไปหาองค์หญิงกันก่อน”
คนพวกนี้มากับหนิงเมิ่งเหยา แต่นางส่งพวกเขาให้มาคุ้มครองผู้เฒ่าไกว้หลังจากพวกเขามาถึง
หลังจากมาถึงที่นี่ ผู้เฒ่าไกว้หาที่แห่งนี้เจอก่อน แต่เขาไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงเข้าไปค้นหาด้านในแทน พวกเขารู้สึกว่าเจ้านายของตนจะต้องอยู่ในบ้านหลังนี้แน่ ตอนนี้พวกเขาเพียงต้องวางแผนหาทางช่วยเขาออกมาให้ได้
บทที่ 586 คนตายพูดไม่ได้
“หมายเลขสาม หมายเลขสี่ เจ้าทั้งสองไปหาองค์หญิง พวกข้าจะอยู่เฝ้าที่นี่ และหาโอกาสตรวจสอบเพิ่ม” ชายเจ้าของใบหน้าเย็นชามองทั้งสองแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“รับทราบ”
หลังจากการหารือเสร็จสิ้นลง พวกเขาต่างลงมือในทันที สมาชิกสองคนจากทั้งหมดหกคนแยกตัวออกไป ที่เหลืออีกสี่คนกลับไปหาผู้เฒ่าไกว้
ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าที่หมายเลขสามและหมายเลขสี่จะตามหาเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาพบ
ตอนที่พวกเขาหาทั้งสองพบ ตระกูลซ่งเองก็กำลังออกตามหาเฉียวเทียนช่างกับหนิงเมิ่งเหยาอยู่เช่นกัน คนจากตระกูลซ่งรู้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาและคนที่เหลือออกมา หมายเลขสามและหมายสี่จึงนำทางพวกเขาไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดอยู่
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
“ลุกขึ้นเถอะ มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ” นางจำทั้งสองได้ดีเพราะตนเป็นคนสั่งให้พวกเขาติดตามอยู่ข้างกายท่านปู่ไกว้ แต่เหตุใดสองคนนี้จึงกลับมาที่นี่เล่า
“พวกกระหม่อมพบสถานที่ที่ท่านผู้สำเร็จราชการถูกคุมขังเอาไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่สถานการณ์ยังไม่แน่ชัดสักเท่าใดนัก หมายเลขหนึ่งและคนที่เหลือจึงรั้งอยู่ที่นั่น พวกเขาวางแผนเพื่อหาโอกาสเข้าไปสืบข้างในอยู่พ่ะย่ะค่ะ” หมายเลขสามตอบคำถามของหนิงเมิ่งเหยา
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาเป็นประกาย “เจ้าหาเขาเจอแล้วจริงๆ หรือ”
“จริงพ่ะย่ะค่ะ แต่ที่แห่งนั้นมีการคุ้มกันแน่นหนายิ่งนัก หากพวกข้าบุกเข้าไปซึ่งๆ หน้า เกรงว่าจะมีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ” หากไม่ใช่เพราะว่าที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยองครักษ์ผู้มีวรยุทธ์อันกล้าแกร่งแล้วล่ะก็ พวกเขาคงสามารถแฝงตัวเข้าไปในที่แห่งนั้นได้โดยไม่มีใครสงสัยได้แล้ว
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วก่อนพยักหน้า “รอสักพักก่อน แจ้งคนที่เหลือให้มุ่งหน้าไปที่นั่นด้วย เราจะรอจนกว่าจะมีคนมากพอ”
คนพวกนี้เป็นไพ่ตายของทงเป่าไจ วรยุทธ์ของพวกเขาจัดได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของแผ่นดินเลยทีเดียว
“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
เมื่อพวกนางกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ตระกูลซ่งก็กำลังรอพวกนางอยู่
เมื่อประมุขตระกูลซ่งเห็นว่าพวกหนิงเมิ่งเหยากลับมา เขาเหยียดยิ้มอันโสมมออกมาแล้วเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “จัดการพวกมัน”
สายตาของหมายเลขสามและหมายเลขสี่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา พวกมันกล้าดีอย่างไรจึงทำตัวหยาบคายกับไข่มุกแห่งเมืองหลวงได้ลงคอ รนหาที่ตายนัก
หนิงเมิ่งเหยากอดอกมองประมุขซ่งด้วยสายตาราวกับกำลังเยาะหยัน “นั่นประมุขซ่งมิใช่หรือ ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่เล่า”
เห็นได้ชัดว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังล้อเลียนเขาอยู่
ใบหน้าของประมุขซ่งกลายเป็นสีแดงในพริบตา แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่านางต้องการจะสื่ออะไร
“ลงมือ ข้าไม่สนว่าพวกมันจะอยู่หรือตาย” ประมุขซ่งตะโกนอย่างเดือดดาล
เดิมทีประมุขซ่งไม่ได่ตั้งใจจะมา แต่ฝีมือวรยุทธ์ของทั้งสองทำให้เขารู้สึกกังวลใจยิ่งนัก สุดท้ายจึงตัดสินใจตามมาด้วย ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าหญิงผู้นี้กลับยังกล้าทำตัวก้าวร้าวใส่เขาทั้งๆ ที่ถูกเขาต้อนมาจนมุมถึงนี่
“อวดดี เจ้ากล้าหยาบคายกับนายหญิงของพวกข้าได้อย่างไร” หมายเลขสามและหมายเลขสี่โมโหยิ่งนัก ชายผู้นี้เป็นเพียงประมุขตระกูลเล็กๆ แต่กลับกล้าพูดจาสามหาวกับองค์หญิงของพวกเขาเช่นนี้ได้
ประมุงซ่งงุนงง หรือหญิงผู้นี้จะไม่ได้มีสถานะอันต่ำต้อยจริงดังว่า
เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ไม่มาก ประมุขซ่งจึงกัดฟันตะเบ็งเสียงขึ้นว่า “ฆ่าพวกมันให้หมด! ถ้าพวกเจ้าตายกันหมด ต่อให้ตระกูลของเจ้าจะทรงอำนาจมากถึงเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ คนตายพูดไม่ได้”
หนิงเมิ่งเหยาปรบมือ นางยิ้มให้กับประมุขซ่ง “โอ้ คนตายพูดไม่ได้หรือ เทียนช่าง ในเมื่อพวกเขาอยากให้เราตาย เช่นนั้นเราคงปล่อยให้ความพยายามของพวกเขาสูญเปล่ามิได้ ใช่หรือไม่”
“ใช่” เฉียวเทียนช่างพยักหน้าทันที
“โจมตี”
ชาวบ้านแถวนั้นใช้เวลาระหว่างที่พวกเขากำลังปะทะคารมกันอยู่นั้นหลบไปยืนด้านข้าง คนที่พอจะมีความกล้าหน่อยก็จะยืนมองการต่อสู้อยู่ห่างๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ประมุขซ่งเป็นฝ่ายที่สูญเสียความเยือกเย็นไปก่อน เขาพุ่งเข้าจู่โจมกลุ่มของหนิงเมิ่งเหยาในทันที หมายเลขสาม หมายเลขสี่ และหนานอวี่วิ่งเข้าไปขวางเขา
หนิงเมิ่งเหยากับเฉียวเทียนช่างยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าของทั้งสองไร้ซึ่งความกังวลขณะมองดูคนทั้งสามต่อสู้กับคนนับสิบ
แต่ประมุขซ่งกลับยิ่งหวาดกลัวขึ้นทีละน้อย คนพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ช่างแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน
เฉียวเทียนช่างหันหน้าไปหาหนิงเมิ่งเหยาแล้วกระซิบว่า “ดูเหมือนตระกูลซ่งก็ไม่ได้มีดีอะไร”
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “น่าเบื่อเหลือเกิน พวกเราน่าจะเข้าไปร่วมด้วย”
“เอาสิ”
ก่อนที่ประมุขซ่งจะทันได้โต้ตอบ เฉียวเทียนช่างกับหนิงเมิ่งเหยาพลันมุ่งหน้ามาทางเขา ความเร็วของคนทั้งสองทำเอาเขาตื่นตระหนก
ประมุขซ่งโจมตีอย่างสะเปะสะปะ หลังจากผ่านไปหนึ่งยก ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด คนทั้งสองฝีมือเยี่ยมยุทธ์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงกล้าลงมือกับบุตรชายของเขาได้
ตอนนี้ประมุขซ่งรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตนทำลงไปยิ่งนัก เขาไม่ควรพุ่งมาที่นี่ทันทีที่รู้ข่าวเลย
“ประมุขซ่ง เจ้าแพ้แล้ว”