บทที่ 587 พ่อต้องชดใช้แทนลูก
หนิงเมิ่งเหยามองชายที่นอนอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา
ประมุขซ่งรู้สึกกลัวจับใจ “ข้า… ข้า…”
“อย่าบอกข้าว่าบุตรสาวของท่านเป็นถึงพระชายาหรืออะไรทำนองนั้นล่ะ ข้าเคยได้ยินบุตรชายของท่านพูดมาแล้ว แต่จะว่าไปซ่งลี่เองก็ดูจะมีปัญหาอยู่เหมือนกัน” หนิงเมิ่งเหยานึกถึงซ่งลี่แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
สีหน้าของประมุขซ่งเปลี่ยนไปในทันใด เขามองหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“โอ้ ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เอาสิ่งที่ไม่ควรจะมีใส่ไว้ในร่างของนางก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้นางคงจะอยู่ในสภาพทรมานยิ่งนัก ถ้าข้าเดาไม่ผิดนะ” หนิงเมิ่งเหยาว่าพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง
สีหน้าของประมุขซ่งเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ เขาไม่คิดเลยว่าบุตรชายและบุตรสาวของตนจะตกอยู่ในกำมือของหญิงผู้นี้
“เจ้า… เจ้า…”
“อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป เท่าที่ข้ารู้มา ตระกูลซ่งที่เดิมเคยอยู่ในเมืองหลิงย้ายมาที่เหมียวเจียง เป็นเพราะยศศักดิ์และสถานะของซ่งลี่ ท่านจึงได้ตำแหน่งในปัจจุบันนี้” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นโดยไม่สนใจสีหน้าอันไม่น่ามองของประมุขซ่ง สิ่งที่นางเอ่ยนั้นทำให้ประมุขซ่งรู้สึกหวาดกลัว
หญิงผู้นี้เป็นใครกันแน่
“เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่” ประมุขซ่งกลืนน้ำลาย ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะกังวลเรื่องจุดประสงค์ของหนิงเมิ่งเหยายิ่งนัก
“ข้าเพียงสงสัยว่าตระกูลซ่งคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ พวกท่านกลับมาที่เหมียวเจียงแล้วทำตัวอวดเบ่งไปทั่วเพราะคิดว่าคงไม่มีใครในเหมียวเจียงกล้าแตะต้องพวกท่านหรือ” หนิงเมิ่งเหยามองประมุขซ่ง อดนึกถึงบาดแผลบนร่างของเฉียวโม่เฟิงขึ้นมาไม่ได้
เป็นเพราะคนในตระกูลเพิกเฉยต่อเรื่องนี้จึงทำให้บุตรชายของตนกลายเป็นคนเช่นนั้น และเป็นเหตุให้เจ้านั่นทำร้ายเฟิงเอ๋อร์
แม้ความคิดเช่นนั้นจะดูห่างไกลจากความเป็นจริงและดูยัดเยียดเกินไป แต่หนิงเมิ่งเหยาตัดสินว่าเป็นความผิดของชายผู้นี้
ปากของหนิงเมิ่งเหยากระตุกขึ้นเล็กน้อย นางจ้องมองเขาอย่างเย็นชา “หมายเลขสาม ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการเขา ข้าอยากเห็นบนร่างของเขามีแผลเท่าๆ กันกับบาดแผลที่เฟิงเอ๋อร์มีบนร่าง ข้าจะให้คนเป็นพ่อใช้หนี้แทนลูกชายของตัวเอง”
หมายเลขสามหักข้อมือ เขาหยิบแส้ฟาดม้าขึ้นมาไว้ในมือ
เมื่อเห็นแส้นั้น หนิงเมิ่งเหยาก็พยักหน้า “หาที่จัดการให้ดี บาดแผลบนร่างของเฟิงเอ๋อร์ไม่ได้เกิดจากของพวกนี้เพียงอย่างเดียว ข้าจะให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน หวังว่าผลลัพธ์ที่ออกมาคงทำให้ข้าพอใจได้นะ”
“ขอรับ”
ทันทีที่ประมุขซ่งได้ยินคำพูดของหนิงเมิ่งเหยา เขารู้ได้ในทันทีว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
นางต้องการโบยเขาโดยใช้วิธีการเดียวกันกับที่บุตรชายของเขาจัดการกับเด็กคนที่เขาเคยพูดถึง
พวกประมุขซ่งถูกหมายเลขสามและชายที่เหลือพาตัวออกไป หนิงเมิ่งเหยากลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฉียวเทียนช่างไม่ได้ตามนางไป แต่กลับมุ่งไปที่อีกแห่งแทนเพราะจับสังเกตได้ว่าเมื่อครู่มีใครบางคนกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่
เฉียวเทียนช่างยืนอยู่เบื้องหน้าชายผู้นั้น อีกฝ่ายมีท่าทีตื่นตระหนก เฉียวเทียนช่างถามขึ้นว่า “เจ้าจะไปไหน”
“แส่หาที่ตายหรือ” ดูเหมือนชายผู้นั้นจะคาดไม่ถึงว่าเฉียวเทียนช่างจะไล่ตามตนได้เร็วถึงเพียงนี้
ชายผู้นั้นเห็นภาพการต่อสู้เมื่อครู่อย่างชัดเจน เขากลัวว่าเฉียวเทียนช่างจะฆ่าตน ดวงตาของเขาเบิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนเขาจะซัดหมัดเข้าหาเฉียวเทียนช่างโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
ดวงตาของเฉียวเทียนช่างเป็นประกายเมื่อเห็นร่างของชายที่พุ่งเข้ามาหาตน เขารังเกียจคนเช่นนี้ยิ่งนัก
เฉียวเทียนช่างหลบการโจมตีนั้นได้อย่างง่ายดาย ก่อนเตะเข้าที่ร่างของคู่ต่อสู้ พออีกฝ่ายทำท่าจะหนี เขาก็จัดการหักขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนีไปได้
เฉียวเทียนช่างย่อตัวลงมองชายที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อเบื้องหน้าตน เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “เมื่อครู่เจ้าพยายามจะหนีไปไหน”
“เจ้าจะทำอะไร ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ชายผู้นั้นพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวดของตนแล้วตะโกนใส่เฉียวเทียนช่างอย่างหัวเสีย
เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า “หากเจ้าไม่ได้ทำอะไร เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงหนีเล่า”
“ถ้าเจ้าไม่ไล่ตามข้า ข้าจะหนีหรือ”
“ถ้าเจ้าไม่หนี แน่นอนว่าข้าคงไม่วิ่งตาม”
ตอนแรกชายผู้นั้นตั้งใจจะพูดต่อ แต่เฉียวเทียนช่างไม่เปิดโอกาสให้เขาทำเช่นนั้นได้ เฉียวเทียนช่างลากชายผู้นั้นไปที่โรงเตี๊ยม
“คนนี้หรือ” หนิงเมิ่งเหยามองไปยังชายวัยกลางคนหน้าตาอัปลักษณ์ นางคาดไม่ถึงเลยว่าคนที่จับตาดูพวกนางอยู่ก่อนหน้านี้จะเป็นเขา
เฉียวเทียนช่างส่ายหน้าแล้วโยนเขาจนล้มกลิ้ง เขาเดินไปยืนอยู่ข้างกายของหนิงเมิ่งเหยาแล้วเหลือบมองบุตรชายทั้งสองของตนที่กำลังหลับสนิท
“ไม่ใช่ คนร้ายตัวจริงถูกจับตัวไปก่อนแล้ว”
บทที่ 588 จับได้ในเวลาเดียวกัน
ชายผู้ไร้ประโยชน์นอนตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้น เขาคาดไม่ถึงว่าเฉียวเทียนช่างจะพูดเช่นนั้นออกมา
“เจ้ากำลังสงสัยหรือว่าข้ารู้ได้อย่างไร การกระทำของเจ้ามันมีพิรุธมากเกินไป คนที่สามารถซ่อนตัวได้เก่งขนาดนั้นจะ…น่าอึดอัดขนาดนี้ได้อย่างไร” ตอนแรกที่เห็นชายคนนี้ เฉียวเทียนช่างยังสงสัยเลยว่าเขาทำพลาดไปหรือเปล่า
ภายหลัง แววตาของชายผู้นี้ต่างหากที่ทำให้เขาเชื่อว่าเขาไม่ได้จับผิดตัว ชายผู้นี้จับตาดูพวกเขาอย่างระแวดระวัง และคนที่จับตามองพวกเขาอยู่นั้นมีมากกว่าหนึ่งคน
ผู้ชายคนนี้เพียงแค่ต้องการถ่วงเวลาเขาเพื่อยื้อเวลาให้อีกคนหนีไปได้ เฉียวเทียนช่างเล่นตามแผนการของเขา แต่เขาลอบส่งคนออกไปตามหาอีกคนที่หนีไปได้ไว้ก่อนแล้ว
หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง จากนั้นจึงหันไปมองชายอัปลักษณ์วัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้น นางอับจนคำพูด นางตัดสินเขาจากรูปลักษณ์ภายนอกไปเสียแล้ว
“เจ้าคิดจะทำอะไรกับคนผู้นี้หรือ”
“ข้ารอชิงซวงอยู่ ข้าจะให้นางเอาของอร่อยๆ ให้เขากิน” เฉียวเทียนช่างหมดความสนใจที่จะสอบปากคำคนพวกนี้ไปเสียแล้ว เขาสนใจว่าชิงซวงกับหนานอวี่จะพบอะไรมากกว่า
หนังตาของหนิงเมิ่งเหยากระตุก นางมองชายบนพื้นด้วยสายตาเห็นใจ
ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ชิงซวงจึงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อเห็นชายบนพื้นที่ขยับตัวไม่ได้ นางจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “นายท่าน คนผู้นี้คือใครกันเจ้าคะ”
“ข้าจะให้เจ้าจัดการคนคนนี้ เจ้าจะจับเขาต้มยำทำแกงอย่างไรก็ได้ ข้าเพียงแต่ต้องได้คำตอบในสิ่งที่พวกเราต้องการเท่านั้น” เฉียวเทียนช่างเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย
ชิงซวงรับคำแล้วจึงเบนสายตาไปยังชายที่อยู่บนพื้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ
คนผู้นี้มองแล้วรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก ราวกับว่าภาพของเขากำลังพ่นพิษใส่ตาของนาง
“นายท่านเจ้าค่ะ คนผู้นี้น่าขยะแขยงยิ่งนัก” ชิงซวงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน
“เขาพรางตัวอยู่”
ชิงซวงกะพริบตา นางหมุนร่างของชายผู้นั้น สีหน้าไม่พอใจบนใบหน้าของนางทำเอาชายที่อยู่บนพื้นถึงกับตัวแข็ง
“นายท่าน ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” พอพูดจบ นางก็ลากตัวชายผู้นั้นออกไป
เมื่อได้ยินคำพูดหยาบๆ ของนาง หนังตาของหนิงเมิ่งเหยาก็กระตุก นางบ่นกับเฉียวเทียนช่างว่า “หลังแต่งกับหนานอวี่ ข้าสังเกตว่าชิงซวงมีแต่จะโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ”
หากเป็นในอดีต ชิงซวงคงไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ แต่ตอนนี้นางกลับไม่รู้สึกอะไร มิหนำซ้ำยังลากชายผู้นี้ออกไปได้ต่อหน้าต่อตา
เฉียวเทียนช่างลูบจมูกตัวเอง เขาอยากถามนางว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยหรือ
“เจ้าต้องคุยกับหนานอวี่เรื่องนี้เอง” เฉียวเทียนช่างตอบ ใบหน้าของเขานั้นราวกับมีตัวหนังสือเขียนบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเอาไว้ หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่เขาอย่างเหลืออด
ภายในบ้านที่พวกหมายเลขสามซื้อไว้ชั่วคราว ชิงซวงย่อตัวลงและจ้องมองชายที่นอนอยู่บนพื้น ถ้าจะพูดให้ถูกคือนางกำลังมองใบหน้าของเขา
“พรางตัวหรือ… เหตุใดข้าจึงมองไม่เห็นเป็นเช่นนั้นกัน” ชิงซวงบ่นพึมพำ
นางรู้เรื่องการพรางตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากเห็นฝีมือการแต่งหน้าของหนิงเมิ่งเหยาแล้ว นางรู้สึกว่าการพึ่งพาเครื่องมือเพื่อช่วยในเปลี่ยนรูปลักษณ์นั้นเป็นเรื่องที่น่าอายยิ่งนัก
แต่นางหารอยแผลสักรอยบนใบหน้าของชายผู้นั้นไม่เจอ หรือเขาจะมีฝีมือทัดเทียมกับคุณหนู
ไม่ เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่มีเพียงคุณหนูเท่านั้นที่ทำได้
เมื่อหนานอวี่เข้ามาและเห็นภรรยาของตนกำลังนั่งยองๆ อยู่บนพื้น นางกำลังจ้องมองชายอัปลักษณ์ผู้หนึ่งอยู่ เขาขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้ามองอะไรอยู่”
“หนานอวี่ นายท่านบอกว่าชายผู้นี้สวมหน้ากากพรางตัวอยู่ แต่เหตุใดข้าจึงมองไม่ออกเลย” ชิงซวงถามหนานอวี่ด้วยความงุนงง สีหน้าของนางหดหู่เป็นอย่างยิ่ง ดูราวกับว่านางกำลังรู้สึกผิด
หนานอวี่ลูบศรีษะของนางแล้วตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กโง่ ชายผู้นี้ใช้กู่พรางกาย แน่ล่ะว่าคนส่วนใหญ่คงดูไม่ออก”
ชิงซวงถึงกับพูดไม่ออก “แต่นายท่านดูออก”
“เอาล่ะ ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอยู่” หนานอวี่รีบเปลี่ยนเรื่อง และไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
ชิงซวงหยิบเอาเม็ดยาออกมาก่อนจะยัดมันเข้าไปในปากของชายอัปลักษณ์
ในไม่ช้าชายผู้นั้นก็ต้องพบกับความทรมาน หากไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ในตอนนี้ เขาคงดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นแล้วเป็นแน่
นี่คือการทรมาน และเป็นครั้งแรกที่ชายผู้นี้เข้าใจว่าการมีชีวิตอยู่นั้นเจ็บปวดถึงเพียงไหน
“บอกเรื่องที่เจ้ารู้มา เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้ตายเร็วขึ้น ว่าอย่างไร” น้ำเสียงของชิงซวงช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง